ฆ่าเมียครั้งที่8.3

1156 Words
“ว่าวันๆ มันคุยห่าไรกับเธอนักหนา” คำพูดในช่วงท้ายแสดงความย้อนแย้งในตัวเองของการบอกเล่า ทำความคิดฉันสะดุดไปเล็กน้อย ซึ่งคำรามก็คงจะสังเกตเห็นและมองมันออก ถึงได้กระตุกยิ้มขึ้นทันที “แหม...” มันไม่ใช่เรื่องสนุกหรอก ถ้าต้องถูกคนที่เกลียดขี้หน้ามากๆ ต้อนให้จนมุม และการยอมรับความจริงมันก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร “โกหกไม่เก่งเลยนะ นายเนี่ย” เพราะ ใช่ว่าฉันจะยอมรับผิดหมดทุกเรื่องที่ไหน อีกอย่างโทรศัพท์ในมือเขามันก็ดูเหมือนจะเปิดไม่ติดจริงๆ เพราะไม่มีแม้แต่ไฟกะพริบขณะปลดล็อคเครื่องให้เห็น แถมหน้าจอก็ยังร้าว แต่เรื่องที่ศิลป์จะหนีไปแล้วทิ้งโทรศัพท์ไว้เหมือนซินเดอเรล่าคงยาก ยิ่งบนหน้าหมอนี่มีรอยแผลด้วยแล้ว ฉันว่ามันคงต้องมีการแลกหมัดใส่กันอยู่บ้าง “จริงดิ?” หมอนี่อาจจงใจใช้คำพูดต้อนให้ฉันหลุดปากออกมาเองก็ได้ใครจะรู้ “รอยนี่ไง” ว่าแล้วฉันก็จงใจเอื้อมมือใช้หัวแม่โป้งกดใส่รอยช้ำมุมปากเขาหนักๆ เพื่อเอาคืนทางอ้อม ทว่า คนตัวใหญ่ตรงหน้าทำแค่หยีตาลงเล็กน้อยราวกับจะช่วยลดความเจ็บแสบจากบาดแผลที่ถูกกดนิ้วลงไป ทั้งที่เจ็บแต่เขาก็ยังคงรอยยิ้มไว้บนหน้าอยู่ดี “คิดว่าตัวเองเนียนมาก?” เขาถามพลางจับมือฉันออก นัยน์ตาดุดันจ้องคั้นเอาความจริงทั้งที่ยังพูดอยู่ “โกหกอยู่ได้ ไม่อายปากบ้างไง?” “แล้วไงอ่ะ?” ฉันยักไหล่แบบไม่สนใจ ในเมื่อเขาพูดกำกวมใส่ฉันก่อน มันก็คงไม่ผิดอะไรถ้าฉันจะทำบ้าง แต่ก็ไม่คิดหรอกว่าเขาจะเริ่มพูดในสิ่งที่ต่างออกไป “ไหนบอกเป็นแฟนไอ้โซลไง?” คำถามดังกล่าวทำฉันนิ่งไปเล็กน้อย พร้อมทั้งเหลือบมองหน้าคำรามที่ตั้งตัวเหมือนถือไพ่เหนือกว่า “วันก่อนมันบอกว่าเธอไม่ใช่แฟนมัน ร้ายไม่เบานะ” “หยุดโกหกได้ไหม?” ฉันขัดเสียงเรียบ “ไอ้คำว่าหยุดโกหกน่ะเธอควรบอกตัวเองมากกว่านะ” พอเขาพูดเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับพี่โซลขึ้นมา ในหัวมันก็เริ่มคิดอะไรๆ ไปเรื่อย ‘พี่โซลเป็นใคร หวานจำได้ไหมคะ?’ ทั้งที่สามารถหยุดนึกถึงมาได้ตั้งหลายนาที แต่พอได้ยินชื่อ ‘โซล’ ภาพของน้องสาวต่างสายเลือดที่ฉันรักยิ่งกว่าอะไรกับผู้ชายที่หยิบยื่นมือฉันดึงออกจากขุมนรกของกลุ่มคนเหลือเดนก็ภาพกฏเข้ามาในหัว รอยยิ้มและแววตาใจดีที่ฉันไม่เคยได้รับจากเขาสักครั้ง ไหนจะโทนเสียงที่แบ่งแยกสถานะความสำคัญให้เข้าใจได้อย่างชัดเจนเพียงแค่รับฟัง รวมถึงคำพูดยืนยันตัวตนที่ฉันไม่มีโอกาสได้ยินจากปากเขาเลยนอกจากคำว่า ‘รัก’ ‘นี่พี่โซลแฟนหวานไง...หวานจำพี่ได้ไหมคะ?’ ยิ่งคิดมือสองข้างยิ่งกำแน่น แน่นจนสั่น ทั้งนี้ก็เพื่อกลั้นบางสิ่งที่ทำท่าจะประทุออกมาให้ได้มันเสียตอนนี้ ฉันควรจะทำอะไรสักอย่างเพื่อให้ในหัวหยุดคิดถึงเรื่องพวกนี้สักที “อยากลงโทษไหมล่ะ ที่ฉันโกหก?” ฉันช้อนตาถามคนตรงหน้าซึ่งเอาแต่ยืนมองท่าที และคำรามก็ทำหน้าแปลกใจทันทีหลังถามจบก่อนเปลี่ยนเป็นตกใจเมื่อฉันเอ่ยประโยคต่อมา “ ตบฉันทีดิ... ” ฉันไม่ได้อยากถูกเขาตบ แค่รู้สึกว่าถ้าร่างกายต้องเจ็บด้วยเรื่องอื่น บางทีความปวดหนึบในอกมันอาจะถูกช่วยชะโลมให้หายไปด้วยเช่นกัน ทั้งที่รู้ตัวว่าพูดอะไรออกไปแต่เหมือนอีกฝ่ายจะไม่เข้าใจคำขอ ถึงได้ยืนนิ่ง เพียะ! เพราะขอแล้วเขาไม่ทำ ฉันจึงถือวิสาสะจับมือคำรามตบมาที่แก้มตัวเองอย่างแรง การกระทำดังกล่าว มันเลยทำให้เขารีบสะบัดมือออกพร้อมทั้งต่อว่าทันที “ทำห่าไรเนี่ย บ้าป่ะ!?” “ลงโทษ...” ฉันกำมือแน่นอย่างนึกเจ็บใจโดยพยายามกลั้นน้ำตาทุกหยาดหยดเอาไว้ ก่อนระบายอารมณ์ทั้งหมดด้วยการตะคอกใส่ผู้ชายตรงหน้าเสียงดัง “บอกให้ลงโทษฉัน พูดภาษาคนรู้เรื่องไหม!?” “...” “ตบฉันสิ!...อื้อ” ทั้งที่ขอให้ตบหน้า แต่คำรามกลับเลือกทำอย่างอื่น... ฟึ่บ! ตาสองข้างเบิกกว้างเมื่อฝ่ามือที่อีกฝ่ายเงื้อมขึ้นไม่ได้พุ่งเข้าใส่หน้าตามอย่างที่ต้องการ แต่เขาใช้มันอ้อมประคองหลังแล้วกดตัวฉันเข้ามาแนบชิดลำตัว พร้อมทั้งหยุดเสียงโวยวายที่ใครต่อใครพากันเอือมระอาด้วยริมฝีปากร้อนระอุอย่างรุนแรง เมื่อตั้งสติฉันจึงรีบขยับปากหลบการจู่โจมดังกล่าวทันที พร้อมทั้งรีบใช้มือดันอกกว้างอีกฝ่ายเอาไว้ แต่วินาทีที่กำลังจะอ้าปากต่อว่าออกไป “ทำบ้าอะไรวะ...อื้อ!” คำรามก็ทำมันอีก... เขาหยุดเสียงโวยวายของฉันซ้ำๆ ด้วยริมฝีปากเดิมและเพิ่มแรงบดเบียดลงมาอย่างรุนแรงราวกับจะลงโทษ เมื่อดิ้นไม่หลุด ฉันจึงจิกฝังเล็บลงบนอกกว้างเพื่อให้เขาหยุด แต่คำรามก็ยังทำ คว้ามือฉันที่กำลังทำให้ร่างกายเขามีบาดแผลเอาไว้แน่นคล้ายกับเป็นการบอกให้หยุด และใช้ร่างกายในการดันตัวฉันให้ก้าวถอยไปยังทิศทางที่ตัวเองต้องการจนแผ่นหลังกระแทกลงกับผนังภายในร้าน พร้อมกับริมฝีปากร้อนก็ค่อยๆ คลายออกไป “แฮ่ก...” นอกจากเสียงหอบเบาๆ ของฉันแล้ว ก็มีแค่ ความเงียบเท่านั้นที่กลืนกินเราทั้งคู่ แต่แล้วคำรามก็ทำลายความเงียบที่ว่านั่นลงด้วยเสียงกึ่งกระซิบในระยะที่ริมฝีปากเราห่างกันไม่ถึงเซน “นี่ไงกำลังลงโทษอยู่...” เขาทิ้งท้ายเพียงแค่นั้นก่อนกดริมฝีปากลงมาเป็นหนสุดท้าย “...อื้อ” ริมฝีปากร้อนบดคลึงไปตามระนาบกลีบปากบนและล่างอย่างดุดัน ไร้ความอ่อนโยน รับรู้ถึงความชื้นแฉะของเรียวลิ้นซึ่งร้อนจัดไม่ต่างจากผิวปากที่อีกฝ่ายพยายามดุนดันสอดผ่านรอยแยกเข้ามาภายใน ความปั่นป่วนของการกระทำจาบจ้วงทำให้ภาพความเสียใจที่เคยมีเลือนหายไปยามถูกไล่ต้อนภายใน และสิ่งที่รู้สึกเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่เขาจะหยุดทำเรื่องบ้าๆ ทั้งหมดลง คืออาการเจ็บปล๊าบบริเวณริมฝีปากล่าง เมื่อปีศาจตรงหน้าจงใจขบฝังขมเขี้ยวลงมาและกัดดึงให้รู้สึกเจ็บเป็นช่วงเวลาสุดท้ายก่อนปลดปล่อยสู่อิสระ ราวกับจะบอกว่า เขาอยากลงโทษฉันด้วยวิธีนี้มากกว่า...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD