ตอนที่ 2... เจอกันที่ห้องครัว

2164 Words
“น้องวิว” เสียงหวานดังขึ้นขณะนวินดาก้าวเท้าออกจากห้องของภาคินได้ไม่ถึงสิบเก้า “คุณพิมพ์...” “ทำไมหน้าซีดจัง ไม่สบายหรือเปล่า” พิมพ์มาดา ผู้หญิงที่สนิทที่สุดกับภาคิน วางมือลงบนหน้าผากของนวินดาด้วยความเป็นห่วงใย “ปะ... เปล่าค่ะ” เธอถอยตัวออกห่างอย่างเกรงใจ แต่พิมพ์มาดายังก้าวตามมาดูอาการ “จริงเหรอน้องวิว ไม่ป่วยแน่นะ” “ไม่ป่วยค่ะ สวัสดีค่ะคุณพิมพ์” นวินดายกมือไหว้ พยายามทำตัวให้เป็นปกติ “สวัสดีจ้ะ พี่ซื้อขนมปังมาฝาก ร้านนี้มาจากญี่ปุ่นเลยนะ เพิ่งมาเปิดสาขาในเมืองไทย อร่อยมาก แป้งนุ่มมาก ข้างในใส่ไส้ ไม่หวานเกินไป ลองชิมดูนะ ถ้าอร่อยบอกพี่ พี่จะซื้อมาให้อีก” “ขอบคุณค่ะ” นวินดาฝืนยิ้ม ตอนนี้ในใจมีแต่ความกลัวและรู้สึกผิดกับผู้หญิงที่เอ็นดูและเมตตาเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมา “แล้วคุณคินอยู่ไหนคะ” ว่าแล้วแขกก็ชะเง้อคอมองหาเจ้าของบ้าน “อย่าบอกนะว่าวันเสาร์ก็ยังหอบเอางานมาทำที่บ้าน” “คุณคินอยู่ในห้องทำงานค่ะ” “ว่าแล้วเชียว งั้นพี่ขอตัวก่อนนะน้องวิว” “ค่ะ เดี๋ยววิวเอาน้ำไปเสิร์ฟนะคะ” “ขอบใจนะ” พิมพ์มาดาบอกพร้อมรอยยิ้ม “เดี๋ยวค่ะน้องวิว รบกวนเทน้ำส้มคั้นใส่น้ำแข็งให้คุณคินหน่อยนะ วันก่อนบ่นอยากกิน พี่เลยคั้นมาฝาก” “ค่ะ” เธอพยักหน้า เดินไปอย่างใจลอย เพราะภาพภาคินใช้ปลายลิ้นเลียริมฝีปากหลังจากดื่มน้ำส้มจนหมดแก้วมันกลับเข้ามาในหัว ก๊อก ก๊อก “เข้ามา” ภาคินได้ยินเสียงเคาะประตูก็ตอบกลับไป ในใจเขาคิดว่าคนอยู่หน้าห้องต้องเป็นนวินดา ทว่ากลับเป็น… “พิมพ์...” “ใช่ค่ะ พิมพ์เอง” พิมพ์มาดามองเขาด้วยความแปลกใจ ไม่เห็นต้องตกใจที่เจอหน้าเธอ ปกติเธอก็มาหาเขาออกจะบ่อย แค่ครั้งนี้ไม่ได้บอกไว้ก่อนเท่านั้น “วันนี้ต้องไปงานแต่งเพื่อนไม่ใช่เหรอ” เขามองนาฬิกา ถ้าจำไม่ผิด เธอบอกว่าวันนี้ต้องไปงานแต่งงานเพื่อนสมัยเรียนตอนหกโมงเย็น แต่นี่ก็สี่โมงเย็นแล้ว เธอควรจะเตรียมตัวแต่งหน้าและแต่งตัวสวยๆ มากกว่า “โรงแรมอยู่ใกล้ๆ คอนโดพิมพ์ เดินไปห้านาทีก็ถึง แล้วพิมพ์ก็ไปชอปปิงมาด้วย เลยซื้อของมาฝากคินค่ะ” “ขอบคุณครับ” เขายิ้มน้อยๆ ไม่ได้ตื่นเต้นอะไร เพราะได้รับของฝากนับครั้งไม่ถ้วน “ให้ทายค่ะ ว่าในนี้มีอะไร” ถุงกระดาษสีเทาเข้มดีไซน์เรียบหรู ถูกเอามาวางบนโต๊ะทำงาน พร้อมกับที่พิมพ์มาดานั่งลงบนตักของเขา “พิมพ์...” ภาคินปฏิเสธความใกล้ชิดที่เธอมอบให้อย่างอ่อนโยน “เดี๋ยวมีคนเข้ามาเห็น” “ให้พิมพ์ไปล็อกห้องไหมคะ” สายตายั่วยวนถูกส่งไปพร้อมกับคำถาม แต่อีกฝ่ายกลับไม่ตอบสนองความปรารถนาแต่อย่างใด ก๊อก ก๊อก ภาคินถอนหายใจอย่างโล่งอก ส่วนพิมพ์มาดานั้นเข้าใจว่าเขาโล่งใจ ที่ตอนนี้เธอลุกจากตักของเขา ซึ่งเธอคิดผิด เพราะเขาโล่งใจที่มีคนมาขัดจังหวะ ไม่เช่นนั้นพิมพ์มาดาคงตื๊อไม่เลิก “น้ำส้มค่ะ” นวินดากลับมาพร้อมน้ำเย็นๆ ตามคำขอของพิมพ์มาดา “ขอบใจจ้ะน้องวิว ชิมขนมปังหรือยังจ๊ะ” “ยังค่ะ แต่ดูน่ากินมากเลยค่ะ” “อย่าลืมชิมนะจ๊ะ” “ค่ะ ขอตัวนะคะ” พูดจบก็ก้มหน้าเดินออกจากห้องพร้อมใจที่เต้นแรงจนแทบทะลุออกมา เพราะเมื่อครู่รับรู้ว่ามีสายตาของภาคินจ้องมอง “อ้อ! คินคะ” “ครับ?” เขาตอบกลับหลังจากจิบน้ำส้ม จิบไปก็คิดถึงของหวานที่ได้กินเมื่อครู่ อร่อยกว่าน้ำส้มเป็นไหนๆ “พรุ่งนี้ว่างไหมคะ พิมพ์อยากให้คินไปดูรถเป็นเพื่อนพิมพ์หน่อยค่ะ พิมพ์จะซื้อรถตู้คันใหม่ คันเก่าใช้มาหลายปี” “ผมไม่ว่าง” เขาตอบอย่างเฉยชา ตาก้มอ่านสรุปงานที่นวินดาทำไว้ให้ก่อนหน้านี้ “อ้าว... พรุ่งนี้วันอาทิตย์นะคะ” “วันจันทร์ผมมีประชุม” “แต่วันนี้วันเสาร์ คุณก็หอบงานมาทำที่บ้าน มันเยอะมากจนต้องทำถึงพรุ่งนี้เลยเหรอคะ” “ครับ ผมอยากทำงาน” น้ำเสียงเด็ดขาดของภาคินทำให้พิมพ์มาดาเลิกเซ้าซี้ รู้ว่าการได้เป็นผู้หญิงคนสนิทนั้นก็แค่สนิทกว่าคนอื่น แต่ไม่ใช่คนรัก จะเรียกร้องอะไรจากเขามากไม่ได้ “โอเคค่ะ งั้น... วันนี้พิมพ์กลับก่อนนะคะ” “ครับ เดี๋ยวผมเดินไปส่ง” “ขอบคุณค่ะ” เธอยิ้มอย่างดีใจ แม้เขาจะเย็นชากับเธอบ่อยๆ แต่เขาก็เอาใส่ใจเธอมากพอที่จะทำให้เธอยอมรับสถานะที่ไม่ชัดเจนนี้มาถึงสองปี “ขับรถดีๆ นะ” “ค่ะ อย่าลืมเปิดดูของฝากนะคะ” พิมพ์มาดากอดเขาเบาๆ ก่อนจะขับรถออกไป โดยที่ภาคินยืนมองเธอจนลับสายตา เขาเดินกลับเข้ามาในห้องทำงาน มองของฝากจากเธออย่างคาดเดาว่ามันคือสิ่งใดตามที่เธอขอให้ทายก่อนหน้า แต่เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นแก้วน้ำส้มที่เหลือเพียงน้ำแข็ง เขาก็หยิบมันใส่จานรองและเดินตรงไปยังห้องครัว “อร่อยไหม” เสียงที่อยู่ๆ ก็ดังขึ้นโดยที่นวินดาไม่ทันตั้งตัวทำให้เธอสะดุ้ง และขนมปังแสนอร่อยที่พิมพ์มาดาซื้อมาฝากก็หล่นลงพื้น “อร่อยค่ะ” อีกครั้งที่เธอก้มหน้ามองต่ำ แต่คราวนี้ที่พื้นมีของตกอยู่จริงๆ “เอามาชิมหน่อย” ภาคินบอกหลังจากวางแก้วลงในอ่างล้างจาน ก่อนจะแบมือขอขนมปัง “มีสองไส้ค่ะ ชีสกับช็อคโกแลต คุณคินอยากชิมอันไหนคะ” “เธอชิมทั้งสองไส้หรือยัง” “ชิมแล้วค่ะ” “อันไหนอร่อยกว่ากันล่ะ” “วิว...” เธอหลบตา หลังจากเผลอมองเขาระหว่างคุยเมื่อครู่ “วิวชอบชีสค่ะ” “งั้นฉันขอชิมรสชีส” “ค่ะ” เธอหันไปหยิบขนมปังที่ถูกห่อไว้ในกระดาษ พับมันลงให้เขาได้กัดชิมอย่างถนัด แต่พอยื่นให้ เขากลับไม่ถือไว้ ทำเพียงแค่ก้มลงมากัดเท่านั้น “อร่อยดี” เขาบอกในขณะที่ปากยังเคี้ยวตุ้ยๆ น่ารัก... นี่คือคำที่ผุดขึ้นมาในหัวของนวินดา เธอมองเขา... และมองอยู่อย่างนั้น จนรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ปลายจมูกเขาแตะปลายจมูกของเธอ “คุณคิน...” “ขอชิมรสช็อกโกแลตหน่อย” “ได้ค่ะ” เธอหันไปหยิบขนมปัง แต่มือหนานั้นจับข้อมือให้หยุดไว้ “อยากชิมรสช็อกโกแลตจากตรงนี้” ปลายนิ้วชี้แตะลงเบาๆ ที่มุมปากของนวินดา เขารู้แน่ว่าสีน้ำตาลที่ติดอยู่นี่ไม่ได้มาจากขนมปังไส้ชีสอย่างแน่นอน “ไม่ค่ะคุณคิน เดี๋ยวมีคนเห็น” เธอผลักตัวเขาออกห่าง เพราะตัวเธอเองชิดติดกับเคาน์เตอร์ครัวจนหนีไปไหนไม่ได้แล้ว เขาก้าวถอยหลังช้าๆ ห่างจากเธอจนตัวจะเลยประตูห้องครัวไปแล้ว ทำเอาเธอแปลกใจที่เขาไม่ดึงดันจะใกล้เธอเหมือนก่อนหน้า แต่วินาทีต่อมาก็เข้าใจว่าเขาทำไปทำไม “อ้าว! คุณคิน ทำงานเสร็จแล้วเหรอคะ ทานของว่างอะไรไหมคะ ป้าจะทำให้” ป้าบัว... ป้าของนวินดาและแม่บ้านของภาคิน ร้องทักด้วยความตกใจ เมื่อเดินมาจากหลังบ้านและเห็นเจ้านายอยู่ในห้องครัว “ยังไม่เสร็จครับ ส่วนของว่าง ผมบอกหลานสาวป้าบัวแล้วว่าอยากกินอะไร รบกวนเอาไปเสิร์ฟให้หน่อยนะครับ” “โอ๊ย! คุณคินก็... รบกง รบกวนอะไรกันล่ะคะ คุณคินรอที่ห้องทำงานเลยค่ะ” “ขอบคุณครับ” เขาส่งยิ้มให้ป้าบัว ก่อนจะส่งสายตาเจ้าเล่ห์มองหลานสาวของป้าที่ยืนก้มหน้ามองพื้น... อีกตามเคย “คุณคินสั่งอะไรล่ะวิว เอาไปเสิร์ฟ ให้เจ้านายรอนานมันไม่ดี” “ค่ะ” นวินดาตอบรับอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่ก่อนจะจัดขนมปังใส่จาน และไม่ลืมจะหยิบกระดาษทิชชูมาเช็ดรอบปากให้สะอาด เขาจะได้ใช้มุกเมื่อกี้ไม่ได้อีก “เช็ดปากออกทำไม” ภาคินกอดอกถามนวินดา หลังจากยืนรอให้เธอเดินตามมาจากห้องครัว มือก็ยื่นไปหยิบจานขนมวางบนโต๊ะทำงาน เพราะมันกีดขวางการใกล้ชิดเธอเหลือเกิน “ก็...” “ก็?” คิ้วหนายกสูงด้วยความสงสัย ไหนว่ามาสิ จะอ้างเหตุผลว่าอะไร “ก็... มันเลอะ วิวเลยต้องเช็ดค่ะ” “หึ” รอยยิ้มกรุ้มกริ่มปรากฏบนในหน้าของภาคิน เด็กน้อยเอ๊ย... จะเชื่ออยู่หรอกนะ ถ้าหน้าไม่แดงเป็นลูกตำลึงขนาดนี้ “ฉันไม่ชิมจากปากเธอแล้วก็ได้ เดี๋ยวจะไปชิมจากขนมปังที่เธอยกมาให้ แต่ก่อนจะออกจากห้องนี้ไป ฉันมีคำถาม” “คำถามอะไรคะ” ดวงตากลมตามองเขาอย่างสั่นไหว กลัวจะเป็นคำถามแบบเมื่อก่อนหน้านี้ “เมื่อกี้เจ็บไหม” “เอ่อ...” “เจ็บหรือเปล่า” เสียงที่เบาจนยากจะได้ยิน ยังไม่เบาเท่าแรงที่เขาดึงเธอมากอด แต่เมื่อสัมผัสได้ถึงอ้อมกอดของเขา ความอบอุ่นก็เกิดขึ้นในทันที “ไม่... ไม่เจ็บค่ะ” “ดีแล้ว... ครั้งต่อไป... ไม่ใช่นิ้วที่จะเข้าไปนะ” “คุณคินคะ” “หืม?” เขาคลายอ้อมกอด มองหญิงสาวตรงหน้าที่คล้ายกำลังจะร้องไห้ “จะมีครั้งต่ออีกเหรอคะ วิวรู้สึกผิดกับคุณพิมพ์” ภาคินถอนหายใจ ในขณะที่เขากำลังเอาใจ เธอกลับพูดถึงเรื่องที่ไม่อยากฟัง “ฟังนะวิว” เสียงเข้มเอ่ยขึ้น มันเป็นเสียงที่ทำให้นวินดาต้องเงยหน้าฟังเขาอย่างตั้งใจ “ไม่ต้องรู้สึกผิดกับพิมพ์มาดา เค้าแค่ซื้อของมาฝากเธอเวลามาที่นี่ พูดดีกับเธอตามมารยาท เพราะมันเป็นสิ่งที่เพื่อนร่วมโลกคนควรจะทำ เธอควรจะรู้สึกผิด... ถ้าขัดใจฉัน เพราะฉัน... ให้เธออยู่ในบ้านหลังนี้ ส่งเสียให้เธอเรียนหนังสือในโรงเรียนดีๆ ให้เงินเธอไปเรียนพิเศษจนสอบเข้ามหาวิทยาลัยดังได้ เธออยู่บ้านหลังนี้ฟรีๆ กินข้าวฟรี ค่าน้ำฟรี ค่าไฟฟรี เพราะฉะนั้น เธอควรจะรู้สึกผิด ที่ทำให้ฉันไม่พอใจ เข้าใจไหม” “แต่... คุณพิมพ์เป็นคนพิเศษของคุณคินนะคะ” “พิเศษแล้วยังไง ตราบใดที่ฉันไม่เคยพูดว่าพิมพ์เป็นแฟนฉัน พิมพ์ก็เป็นแค่ผู้หญิงที่คนอื่นเข้าใจว่าสนิทกับฉันมากที่สุดก็แค่นั้น” นวินดาไม่เข้าใจ แล้วมันต่างกันตรงไหนกับการแฟนกัน ถ้าไม่ได้เป็นแฟนกัน แล้วทำไมถึงพิมพ์มาดาถึงเข้าออกบ้านหลังนี้ได้ และทั้งสองยังไปไหนมาไหนด้วยกันอยู่บ่อยครั้ง “อ๊ะ!” เธอตกใจ ระหว่างที่เหม่อลอยกลับถูกเขาจูบเบาๆ “เข้าใจที่ฉันพูดไหม อย่าขัดคำสั่ง อย่าทำให้ฉันไม่พอใจ” พูดจบเขาก็หอมแก้มเธอไม่หยุด ซ้ายที ขวาที สลับไปมาซะจนเธอหลบไม่ทันเลย “คุณคิน... พอแล้วค่ะ” “ตอบก่อนสิว่าเข้าใจ ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น คิดแค่ว่าเธอเป็นเด็กในปกครองของฉัน และต้องเชื่อฟังฉันเท่านั้นก็พอ เข้าใจไหม” คำถามยังคงไร้คำตอบ เธอทำเพียงมองเขา มองใบหน้าที่หลงใหลมานานอย่างพิจารณา จากที่คอยแอบมองและทำใจว่าเขาคงไม่มองเด็กอย่างเธอ วันนี้กลับไปแนบชิดกายใกล้ๆ ได้เห็นว่าเขาปรารถนาในตัวเธอ ทั้งๆ ที่คิดว่าเขาไม่เคยเหลียวแล หากไม่ตอบตกลง จะมีโอกาสได้ใกล้ชิดเขาอีกไหม เขาจะเห็นเธอเป็นเพียงหลานสาวของป้าบัวอย่างเดิมหรือเปล่า... “เข้าใจค่ะ... วิวจะเชื่อฟังคุณคิน” “ดีมาก...” ภาคินรู้สึกดีที่ได้ยินในสิ่งที่ตัวเองต้องการ จึงมอบจูบแสนหวานตอบแทนการเป็นเด็กดีของนวินดา “ปกติป้าบัวนอนกี่โมง” “ประมาณสามทุ่มค่ะ” “แล้วคนอื่นๆ ล่ะ” “วิวไม่แน่ใจค่ะ” นวินดาไม่อาจตอบคำถามได้ว่าคนสวนและคนขับรถประจำบ้านเข้านอนตอนกี่โมง เพราะห้องพักไม่ได้อยู่ใกล้กัน เธอนอนห้องติดกับป้าบัว ที่พอสามทุ่มก็มักจะหลับก่อนละครหลังข่าวจบทุกครั้งไป “ห้าทุ่ม... มาหาฉันที่ห้องครัว” ภาคินกระซิบเบาๆ ที่ข้างหู ก่อนจะบีบหน้าอกเธอเบาๆ “ไม่ต้องใส่เสื้อในมานะ” “ค่ะ” นวินดาพูดจบก็ออกจากห้องทำงาน อยู่ต่อไม่ไหวแล้ว เขินมากจริงๆ...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD