ขอเติมพลังเสียหน่อย

1382 Words
นักร้องเกาหลีหัวใจไทยเคาะประตูห้องสามครั้งหนักๆ ก่อนไขกุญแจเข้าและเดินเข้าไปอย่างคุ้นเคย ที่โต๊ะอาหารเล็กๆ ในมุมที่จัดเป็นครัว เขาเห็นอีกฝ่ายหนึ่งสวมบอกเซอร์และเสื้อกล้ามสีขาวหลวมๆ อารมณ์เครียดเคร่งก็จางหายไปเหลือแต่ความเร่าร้อนและต้องการเข้ามาแทนที่ เขาเดินพุ่งตรงเข้าไปหาเจ้าของห้องและโอบกอดไว้แนบแน่นให้หายคิดถึง หลังจากที่ต่างคนต่างยุ่งกับงาน จนไม่ได้เจอกันเป็นเดือนๆ แล้ว... “โอ๊ะ ยูมิน พี่ยังไม่ได้อาบน้ำ เพิ่งตื่นนอนเองนะ นั่งทานข้าวที่พี่ทำไว้ให้ก่อนไป แล้วค่อยมาคุยกัน พี่ขออาบน้ำแป๊บเดียว” มือที่สาละวนจัดชุดอาหารเช้าที่เตรียมไว้ให้หลังจากที่นักร้องหนุ่มจะมา เอามือดันที่หน้าอกของเขาให้ห่างตัว เพราะเกรงว่าเช้าๆ ยังไม่อาบน้ำอย่างนี้ร่างกายตัวเองจะไม่ได้หอมหวานชวนชื่นชม... “ไม่เห็นเป็นไร หอมออก” “เว่อร์ พี่ขออาบน้ำก่อนเดี๋ยวเดียวนะคนดี... อย่ารีบร้อนไป พี่มีเวลาว่างทั้งวัน” คำขอร้องของคนในอ้อมกอดไม่มีความหมาย เพราะผู้มาเยี่ยมเยือนทั้งกอด ทั้งหอมเจ้าตัวจนติดลมและไม่คิดจะปล่อย ซ้ำมือร้ายของแขกยังบุกรุกเจ้าบ้านภายใต้ร่มผ้าจนปัดออกเป็นพัลวันคิดอะไรไม่ออกบอกไม่ถูกกับการจู่โจมของหนุ่มรุ่นน้องที่มีพลังรักอย่างมหาศาลคนนี้เลย “จริงเหรอ... บ่ายนี้ไม่ต้องไปงานเปิดกล้องละครของเอิงด้วยกันเหรอ...” ยูมินเป็นแค่แขกรับเชิญเท่านั้น วันกำหนดเปิดกล้องจึงรู้ไม่แน่ชัด รู้เพียงแค่ว่าเป็นช่วงบ่ายในอาทิตย์นี้แต่ไม่รู้ว่าวันไหน เพราะเขาจะไปงานนี้ก็ได้ไม่ไปก็ได้ แต่รู้ว่าคนในอ้อมกอดต้องไปแน่นอน เพราะเป็นหน้าเป็นตาของเจ้าตัว “เปิดกล้องอีกสองวัน วันนี้พี่ยังไม่จำเป็นต้องไปไหนหรอก ช่วงนี้เป็นหน้าที่ของคนอื่นไปก่อน อุ๊ย อย่านะ ยูมิน ไม่งั้นพี่โกรธนะ” เพื่อน ของยูมินร้องเสียงหลง เมื่อนิ้วมือของเขาหยอกเอินยอดอก และอีกมือพยายามดึงเสื้อกล้ามที่ตนสวมใส่อยู่ออกไป “โอเคๆ ไม่แกล้งแล้ว กินข้าวก่อนแล้วค่อยกินคนก็ได้ครับ” ยูมินยอมปล่อย เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายโกรธ โอกาสที่จะได้เจอกันก็น้อยมากอยู่แล้ว เขาอยากให้ช่วงเวลาที่เจอกันมีแต่ความทรงจำดีๆ มากกว่า... “นี่ อย่าคิดถึงแต่เรื่องนั้นได้ไหม สนใจกับข้าวดีกว่า วันนี้พี่ทำออมเล็ตของโปรดของเราด้วย แล้วก็นี่เซตอาหารเช้าแบบเกาหลี เลือกเอาแล้วกันว่าจะกินอะไร กินไปก่อนแล้วกันพี่ไปอาบน้ำแป๊บเดียวแล้วเดี๋ยวมาสมทบ” “ไม่เอา กินด้วยกัน แล้วเดี๋ยวค่อยอาบด้วยกัน” ยูมินมองอีกฝ่ายอย่างมีเลศนัย คนฟังอดหน้าแดงและไม่มีทางจะยอมทำตามแน่นอน หนุ่มเกาหลีจึงขู่สำทับ “ถ้าไม่นั่งลงกิน จะไม่ได้ทั้งกินข้าวทั้งอาบน้ำ เอาสิ” เขาพูดขึ้นมาอย่างเอาจริงเอาจังและเจ้าเล่ห์ จนต้องยอมทำตาม เพราะแววตาวิบๆ ของเขาบอกว่ายินดีมากหากตนไม่ยินยอม... ดังนั้นเก้าอี้ที่อยู่ตรงข้ามยูมินก็ถูกเลื่อนออกมานั่ง โต๊ะตัวเล็กๆ ทำให้เข่าของทั้งสองคนชนกัน ยูมินใช้เข่า ลูบไล้ขาที่โผล่พ้นบอกเซอร์ของอีกฝ่าย ทั้งที่มือของเขานั้นคีบไข่ม้วนมาวางหน้าข้าวในถ้วยก่อนจะใช้ช้อนโลหะก้านยาวตักเข้าปาก... ดวงตารียาวของชายหนุ่มมองคนตรงข้ามที่ขยันหน้าแดงและเลื่อนขาหนีการคุกคามด้วยแววตาพราวระยับ... กับข้าวมื้อนี้หวานเป็นพิเศษ และมีของหวานที่หวานกว่าตบท้ายแน่นอน... ท่าทางวันนี้จะได้กินของหวานในห้องน้ำ ยูมิน คิดอย่างตื่นเต้น ปัณณ์ใช้เวลากว่าค่อนวันเพื่อหาคอนโดที่ตั้งอยู่แถวๆ ถนนสีลม และสาทร แต่เขาก็ไม่เจอสักที่ที่ถูกใจแม้ว่าหลายที่จะมีราคาและการเดินทางสะดวก แต่เขาก็ยังรู้สึกว่ายังไม่เจอที่ๆ ใช่อย่างไรอย่างนั้น เมื่อคิดไม่ตกผู้กำกับหน้าใหม่ของวงการ จึงแวะไปหาเพื่อนที่ทำงานอยู่ในสำนักงานของบริษัทด้านการเงิน ที่เช่าออฟฟิศอยู่ในอาคารย่านสาทร เพื่อปรึกษาเกี่ยวกับ เรื่องที่พัก เขาอารมณ์เสียเล็กน้อยที่รู้ว่าเพื่อนออกไปทานอาหารกลางวันตั้งแต่ตอนเที่ยงแล้ว แต่จนตอนนี้บ่ายสองไอ้เพื่อนตัวดียังไม่กลับเข้าออฟฟิศ แถมยังลืมโทรศัพท์มือถือไว้ที่โต๊ะทำงาน ทั้งที่มันนัดเขาให้มาหา ในอีกไม่กี่ชั่วโมงนี้แท้ๆ ไอ้วิค อู้งานและนิสัยเสียขนาดนี้ เจ้านายมันยังจ้างมันทำงานมาตลอด ไม่ไล่ออกเลยตั้งแต่เรียนจบจากรั้วพาณิชยศาสตร์และการบัญชีมา หรือว่ามันจะอาศัยว่าทำงานที่นี่มาแปดเก้าปีแล้วจะอู้ยังไงก็ได้ก็ไม่รู้ อยู่ระดับหัวหน้าแล้วยังทำตัวเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้แก่ลูกน้อง เห็นอีก “หรือว่าไม่แน่คุณวิคอาจจะนั่งแช่อยู่ที่ร้านกาแฟ ใต้อาคารทีเค ทาวเวอร์ ก็ได้นะคะ คุณวิคชอบไปบ่อยๆ” พนักงานคนหนึ่งมาแนะนำคนที่กำลังยืนบ่นเพื่อนอยู่ เขากล่าวขอบคุณผู้หญิงคนนั้น ก่อนจะเดินตรงมาที่ลิฟท์ เพื่อไปหาเพื่อน เขามาพบเวคิณหรือเจ้าวิคบ่อยครั้งที่ร้านกาแฟนั่น จะขาดตอนก็แต่ช่วงสองปีที่ผ่านมานั้นเขาไปเรียนต่อและฝึกงานด้านการกำกับละครจึงไม่ได้มา ปัณณ์คาดว่าเวคิณอาจจะไปนั่งรอเขาที่นั่นแล้วก็ได้... คนที่หวังดีบอกเกี่ยวกับร้านกาแฟแก่ปัณณ์และเพื่อนสาวอีกสองคนที่โผล่มาสมทบหลังจากลับร่างปัณณ์จับกลุ่มนินทากันเกี่ยวกับชายหนุ่มทันทีที่สบโอกาส “ตัวจริงหล่อนะเธอ ฉันล่ะเคลิ้ม... น่าเสียดายไม่น่าเป็นเกย์เลย” “นั่นน่ะสิ ตอนเขาบอกขอบคุณฉันและก็ยิ้มให้นิดๆ นะ ฉันปลื้มแทบตัวลอยเลย... หล่อขนาดเป็นดาราได้เลยนะนั่น น่าเสียดายที่เลือกเป็นผู้กำกับไปหล่ออยู่หลังกล้องไม่ได้เห็นหน้าค่าตาเลย” “แต่ฉันสัมผัสได้ว่าเขาเป็นผู้ชายนะ ไม่เหมือนเกย์ แมนออก นักข่าวเขียนข่าวมั่วแน่ๆ” อีกคนยืนยัน... “แหม เธอไปสัมผัสเขาตรงไหนล่ะยะ แม่ราตรี” “ก็พวกเธอเพิ่งมาทำงานไม่ถึงปี แต่ฉันทำงานเป็นเลขาคุณวิคมาสี่ปีแล้วนะ เห็นเขาก่อนพวกเธออีก เพราะเมื่อก่อนเขามาที่นี่ค่อนข้างบ่อย มีพักหลังๆ นี่หายไปปีสองปีก็โผล่มานี่อีก มากี่ครั้งก็ยังแมนเหมือนเดิม ฉันยังคิดอยู่เลยว่าพวกที่เขียนข่าวว่าเขาไม่แมนนี่มั่วจริงๆ” “แต่ถึงอย่างไรก็เถอะ เป็นไม่เป็นฉันก็ยังปลื้มนะเธอ คนอะไรหล่อขนาดหนัก” “ฉันก็ปลื้มเหมือนกัน หวังว่าช่วงนี้เขากลับมาทำงานที่เมืองไทยแล้ว เขาจะมาเยี่ยมคุณวิคบ่อยขึ้น เราจะได้ยลโฉมเขาอีกนะ” ราตรีที่ตั้งตนเป็นแฟนคลับปัณณ์และติดตามข่าวคราวของเขาเสมอเอ่ยอย่างเพ้อฝัน “นี่พวกเธอ จับกลุ่มนินทากันอีกแล้วนะ ว่างนักหรือไง” เสียงแหลมแว้ดๆ ของประธานบริษัทวัยดึกเอ่ยขึ้น สามสาวจึงถึงคราวแยกย้ายกันไป ต่างคนต่างไม่อยากเป็นที่ติดตาในภาพลักษณ์นักอู้นักเพราะกลัวโบนัสปลายปีโดนหั่นเนื่องจากประธานบริษัทไล่ประเมินพนักงานรายคนด้วยตนเอง เนื่องจากบริษัทนี้เป็นแค่บริษัทลูกของบริษัทต่างชาติอีกที จึงอยู่กันไม่กี่คนบรรยากาศเหมือนบ้านเล็กๆ ที่ดูแลกันทั่วถึงแถมอบอุ่นจนร้อนรนนั่นแหละ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD