ปัณณ์มองหน้าภัคมนพัชก่อนจะถอนหายใจ เมื่อ ยูมินเดินไปแล้วและก่อนที่เขาจะไปเขาก็อยากจะเตือนหล่อนเหมือนกัน
“รูปที่ถ่ายไป อย่าเอาลงข่าว แต่ถ้าไม่มีจะกินจนต้องเอาไปขายก็ช่วยเขียนข่าวตรงกับสิ่งที่เห็นไม่ใช่เอาไปใส่สีตีไข่จนความหมายมันเปลี่ยน” เขาบอกเสียงเรียบก่อนจะเดินตามเพื่อนไปที่โต๊ะ
ภัคมนพัชตาโตเมื่อถูกสบประมาทอย่าง หนักหน่วง...
“ฉันไม่ตีความหมายผิดไปหรอกย่ะ ฉันจะเขียนให้ตรงตามภาพที่เห็นว่า คู่รักสองคนมานั่งจิบกาแฟ แสนหวานเพราะกาแฟคาราเมลมัคคิอาโตที่กินกันก็หว๊านหวาน ขนมเค้กสองสามอย่างบนโต๊ะก็แสนสวีท แต่ที่โคตรหวานก็ดวงตาของพวกนายสองคนที่มองกันเชื่อมอยู่นั่นแหละ น้ำตาลที่ร้านสตาร์บัคสาขาตรงข้ามพารากอน รสจืดสนิทไปเลย พยานรู้เห็นแถวนั้นยืนยันเป็นเสียงเดียวว่าเสียดายมากที่โลกกลมๆ ใบนี้ต้องสูญเสียทรัพยากรผู้ชายไปถึงสอง” หล่อนแต่งเนื้อข่าวประกอบรูปเสร็จสรรพระหว่างที่ส่งสายตาอาฆาตมาดร้ายใส่สองหนุ่มที่มาเฉ่งหล่อนแล้วก็ไม่หันมองไม่สนใจหล่อนอีกเลย
เห็นนิสัยส่วนตัวของสองคนในแบบที่ไม่ได้สร้างภาพแล้วก็พอจะทำให้เดาออก นิสัยมุทะลุร้ายๆ ของ ยูมินต้องเป็นเกย์คิงฝ่ายรุก ส่วนนิสัยประนีประนอมยามแก้ปัญหาของปัณณ์ก็ต้องเป็นเกย์ควีนฝ่ายรับชัวร์
ปาปารัสซี่สาวจิบกาแฟอีกจิบแล้วก็ส่ายหน้าเซ็งๆ เนื่องจากกาแฟขมของหล่อนเย็นชืดจนออกรสเปรี้ยวไป จะเติมนมหรือน้ำตาลเทียมหล่อนก็ไม่ชอบ ถ้าเป็นอยู่ในร้านของตัวเองหล่อนคงชงใหม่มานั่งจิบแล้ว แต่นี่เป็นร้านกาแฟราคาไม่ได้เบานักจะสั่งเพิ่มอีกแก้วก็เสียดายเงินหล่อนจึงลุกจากมา ไม่ได้สนใจใครเพราะได้ในสิ่งที่ตนต้องการเรียบร้อยแล้ว
ยูมินหงุดหงิดเล็กน้อยหากแต่พอกลับมานั่งโต๊ะแล้วจู่ๆ ไอเดียของเขาก็พุ่งกระฉูดขึ้นมา นักร้องหนุ่มคว้าสมุดที่มักพกติดตัวเสมอมาเขียนเนื้อร้องลงไป อย่างรวดเร็ว เพราะไอเดียดีๆ ก็ยากนักที่จะมาบ่อยครั้ง และยากยิ่งกว่าที่จะจดจำ การบันทึกในขณะที่จำได้แล้วค่อยนำไปต่อยอดทีหลังจะเป็นการดีที่สุด
“แกดูตรงนี้นะไอ้ไทด์ คำที่เราเคยพูดถึงเกี่ยวกับหนัง คือคำว่า ทะเลหน้ามรสุม รักแปรปรวน ตะวันส่องใจ ฟองคลื่น คืนฝันร้าย ใจเจ็บ ใจร้าว ฉันเอามาผสมได้ประมาณนี้...”
“อยู่ตรงนี้ หาดทรายริมทะเลกว้าง สายน้ำซัดฝั่งโหมกระหน่ำ ไม่ต่างจากหัวใจที่แปรปรวนยิ่งกว่าทะเลหน้ามรสุม ฉันสับสนและร้อนรนกังวลเรื่องความรัก เกลียวคลื่นหมุนเซาะเกาะกินโขดหินให้พังทลายแตกหัก แสงแห่งท้องฟ้าเริ่มหดหายเพราะดวงตะวันเริ่มหยุดพัก ทุกอย่างเหลือเพียงแต่เพียงมืดดำว่างเปล่า ฉันอยู่เฝ้ารอจนเช้าที่แสงแห่งวันใหม่สาดส่องแสงเข้ามา ท้องฟ้าที่เคยมืดดำกลับสดใส เหมือนหัวใจฉันที่มีแสงสว่างอีกครั้ง ยามเธอเข้ามา... เธอมาพร้อมกับแสงตะวัน เธอเข้ามาในใจฉัน เป็นแสงแห่งวันที่มีความหาย... ฉันขอมีชีวิตอยู่ ขอหายใจกับแสงสดใสที่เรียกว่าเธอ ฉันขอมีชีวิตอยู่... ด้วยแสงแห่งรักของเธอส่องนำทาง... ชีวิตของฉันผูกจะพันกับแสงแห่งเธอตลอดไป”
ปัณณ์ฟังเพื่อนเล่าจบแล้วนิ่วหน้า เพลงที่ยูมินแต่งเป็นคนละเพลงกับเพื่อนเขาเอาให้ดูเมื่อครู่ใหญ่ก่อนนี้ เขานึกทึ่งในความเป็นศิลปินของเพื่อนที่แต่งเนื้อเพลงมารวดเดียวได้เกือบจบเพลง ท่อนฮุคก็คิดได้เร็วน่าใจหาย... แต่อารมณ์ศิลปินนั้นเขายังเข้าไม่ถึง เพราะเขาฟังเนื้อเพลงดิบๆ แบบนี้แล้วนอกจากจะไม่เห็นภาพ หรือเรียกง่ายๆ ว่าไม่เก็ท ยังมองไม่เห็นความไพเราะของมันอีกด้วย...
“แกไม่อินใช่ไหม ฉันยังไม่ได้ใส่ทำนอง ซีรีส์เรื่องนี้อยู่ทะเล เน้นอารมณ์รีแล็กซ์กับทะเลสวยๆ ฟ้าใสๆ ฉันเลยกะว่าจะแต่งเพลงนี้เป็นทำนองบอสซ่าที่จะเข้ากับทะเลแบบเพลงนี้ไง เคยได้ยินไหม” ยูมินพึมพำเพลง นิยามรักที่บัวชมพูฟอร์ดเอามาร้องคู่กับแคลให้เพื่อนฟัง
“บทเพลงรักที่ขับขานช่างอ่อนหวานพาให้ฝัน ทุกสิ่งสวยงามและมันก็เป็นนิยามให้จดให้จำความรัก” นักร้องหนุ่มเปิดเพลงตัวอย่างที่เสิร์ชจากไอแพดให้เพื่อนดูด้วย
ปัณณ์พยักหน้าพอใจและบอกว่ามันดูเข้าท่า ผู้กำกับหนุ่มบอกให้เพื่อนไปเกลาและใส่ทำนองในห้องอัดก่อนเข้าที่ประชุมสรุปอีกครั้ง และเขายังมิวายจับสังเกต ยูมินและทัก
“เวลาแกอารมณ์เสียนี่ไอเดียพุ่งกระฉูดเลยนะยูมิน เยี่ยมดีว่ะ ฉันนะถ้าอยู่ในกองถ่ายได้อารมณ์เสียเป็นหงุดหงิดทั้งวันทำงานไม่ได้เรื่องเลย” ปัณณ์แซว
“เออ อย่าพูดถึงได้ไหมวะ เสียอารมณ์หมด ถ้านายโอเคก็ดี ฉันจะเอาไปเกลาแล้วลองอัดเสียงดู ถ้าอย่างนั้นแค่นี้แหละ แยกย้าย” ยูมินบอก
“อ้าว อะไรวะ บทจะมาแกก็โทรเรียกฉันมายิกๆ บทจะไป นายก็ชิ่งไปอย่างนี้เหรอ คบพวกอารมณ์ศิลปินเกินขนาดแล้วชีวิตบัดซบจริงๆ เลยว่ะ แล้วฉันจะไปทำอะไรต่อดี ในเมื่อขี้เกียจกลับบ้านอย่างนี้” ปัณณ์บ่นอุบ
“พอดีฉันมีนัดต่อน่ะ เดี๋ยวต้องไปที่คอนโดก่อน แกอยากไปไหนทำอะไรก็ไปเถอะ อย่ามาเสียเวลากับฉันให้นานเกินไปนัก ไม่เบื่อเหรอวะที่มีข่าวคู่เกย์กับฉัน”
“ฉันไม่สนใจ มีข่าวยิ่งดีผู้หญิงที่ตื๊อหนักๆ แถมตามติดเหนียวหนึบเป็นชะนีราดกาวตราช้างจะได้หลุดจากฉันไปบ้าง แต่นายอ่ะดิ เป็นข่าวกับฉันแล้วคู่ขานายไม่หึงแย่เหรอวะ” ปัณณ์แซว
“คู่ขงคู่ขาที่ไหนวะ” ยูมินตอบอ้ำอึ้ง หลบตาเพื่อนเป็นพัลวัน เวลาพูดถึงเรื่องความรักเขาได้เป็นแบบนี้ทุกที เขินทำอะไรไม่ถูกจนเผลอเตะคนที่แซวแบบไม่ได้ตั้งใจก็มี
“ไม่รู้ล่ะวะ แต่ขอเตือนก่อนไปแล้วกันนะว่าให้กินผักเยอะๆ จะได้ไม่เป็นริดสิดวงฉันเป็นห่วงเพราะพวกนายต้องใช้ประตูหลังบ้านกันนี่” ปัณณ์บอกแล้วก็ตบบ่าเพื่อนแล้วเดินจากไปพร้อมด้วยเสียงหัวเราะสะใจ... กว่าที่ยูมินจะนึกออกว่ามันหมายความว่าอย่างไร เขาก็สบถตามอย่างหยาบคาย
“ไอ้เชี่ยเอ๊ย ดิสเครดิตเพื่อนตลอด สู่รู้ดีนัก หรือว่ามันเป็นเองวะ” ยูมินได้แต่บ่นอุบอิบอยู่คนเดียว เขาไม่ได้ใส่ใจนักกับคำล้อเลียนของเพื่อน เพราะเป็นสิ่งที่ได้รับมาเสมอ ไม่เพียงจากปัณณ์แต่คนอื่นๆ ที่สนิทพอที่จะแซวเขาตามข่าวที่ประโคมกันออกเหลือเกินว่าเขาเป็นเกย์ และเขาก็ไม่ได้เดือดร้อนสักนิดที่จะแก้ไข เพราะเขาขายงานที่คุณภาพผลงานของตัวเองเป็นหลัก ส่วนแฟนคลับคนไหนที่ติดตามเพราะเขาหน้าตาดีนั้นล้วนเป็นผลพลอยได้และเป็นส่วนน้อย ถ้าแฟนคลับเหล่านี้จะเลิกฟังเพลงเขาเพราะเขาเป็นเกย์ยูมินก็ไม่ได้กระทบกระเทือนอะไร
ผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็นเกย์คว้าโทรศัพท์มือถือแบบหน้าจอสัมผัสมาเลื่อนหาเบอร์โทรของคนคุ้นเคย ก่อนจะกรอกเสียงห้าวๆ แมนขัดกับลุคเกย์ออกไป
“ไอ้เอิงพี่กำลังจะออกจากพารากอนแล้วนะ เดี๋ยวขึ้นรถไฟฟ้าไปแค่สิบนาทีก็น่าจะถึงคอนโดแล้ว ถ้ายังไม่ตื่นก็ตื่นมารอต้อนรับพี่ด้วย โทรมาบอกแค่นี้ล่ะ”
แล้วร่างสูงโปร่งในชุดลำลองสีดำสนิทมีเสน่ห์ดึงดูด (เพศเดียวกันเป็นส่วนมาก) ก็ลุกจากโต๊ะโดยที่ไม่ลืมหยิบแก้วกาแฟหอมหวานรสโปรดของตัวเองติดมือไปด้วย