จับรักพยัคฆา ๖

1830 Words
1 สัปดาห์ผ่านไป หลังจากวันนั้นปลาส้มไม่ต้องรอให้หมอดูห้ามออกบ้าน เพราะพ่อผู้ใหญ่ออกคำสั่งเด็ดขาด หากก้าวขาออกบ้านแม้แต่ก้าวเดียวเตรียมรับแรงกระแทกจากอุกบาตยักษ์โดยฝีมือผู้ใหญ่ได้เลย ก็ว้าวุ่นใจลำบากให้ขนมต้องออกไปเล่นที่บ้านด้วยตัวเองเลยทีนี้ ม้าหินอ่อนข้างบ้านผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 ที่ประจำของสองสาว “ขนมของดีกูมันได้ที่แล้วนะมึง ซิมบ่?” (ขนมของดีกูมันได้ที่แล้วนะมึง ชิมไหม?) เสียงใสกระซิบพร้อมดวงตาเป็นประกาย “ของดีหยังของมึงอีก” (ของดีอะไรของมึงอีก?) “ไวน์ขาว” “มันสิบ่แต่เวนไปบ่เพื่อน?” (มันจะไม่หัววันไปเหรอเพื่อน?) “มันต้องถอนเพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกายค่ะสาว” (มันต้องถอนเพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกายค่ะสาว) พูดจบก็ยักไหล่เดินไปหลังบ้าน ขนมเงยหน้ามองดูแดดจ้ากลางหัว “ถ้าอุ่นกว่านี้กูกะว่ามึงกำลังซ้อมตกนรกแล้วล่ะ” (ถ้าอุ่นกว่านี้กูก็ว่ามึงกำลังซ้อมตกนรกแล้วแหละ) ขนมมองแผ่นหลังเพื่อนที่หลงรักการหมักเหล้าสาโทเป็นชีวิตจิตใจอย่างเหลืออด หนึ่งอาทิตย์มีเจ็ดวันเพื่อนเธอดื่มเหล้าไปแล้วเจ็ดวันถ้วน ไหเก่าพึ่งหมดไหใหม่พร้อมเสิร์ฟทันที ของแท้! “เอาน่า.. ถ้าตกนรกไปพร้อมสาโท กระทะทองแดงมันกะแค่ที่แช่ออนเซ็นค่ะเพื่อน” (เอาน่า ถ้าตกนรกไปพร้อมสาโท กระทะทองแดงมันก็แค่ที่แช่ออนเซ็นค่ะเพื่อน) พูดจบปลาส้มก็ถือเหยือกใส่เหล้าสาโทพร้อมกับแก้วไวน์ทรงสูงมาสองใบ ขนมเห็นถึงกับหลุดขำ.. “มึงต้องหรูขนาดนี้เลยบ่?” (มึงต้องหรูขนาดนี้เลยเหรอ?) “มันต้องดื่มด่ำแบบสาวไฮคลาส แบบวัยรุ่นเทสดีค่ะเพื่อน สิมาแก้วเป๊กธรรมดามันบ่สมศักดิ์ศรีลูกผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 เช่นกูค่ะ” (มันต้องดื่มด่ำแบบสาวไฮคลาส แบบวัยรุ่นเทสดีค่ะเพื่อน จะมาแก้วเป๊กธรรมดามันไม่สมศักดิ์ศรีลูกผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 เช่นกูค่ะ) มือเล็กรินน้ำสีขาวลงบนแก้วไวน์ให้เพื่อนท่าทางราวกับพนักงานเสิร์ฟในภัตตาคารโรงแรมหรู “กูเห็นท่าทางมึงแล้วกูอยากกลับบ้านไปใส่ชุดราตรีมานั่งจิบเหล้าโทแท้ว่ะ” (กูเห็นท่าทางมึงแล้วกูอยากกลับบ้านไปใส่ชุดราตรีมานั่งจิบสาโทจริงว่ะ) พูดจบก็ยกแก้วมาส่ายเบาๆ ก่อนจะสูดกลิ่นด้วยท่าทางสง่างามก่อนจะจิบลิ้มรส “อ่า หวานเจี๊ยบ” ขนมอดไม่ได้ที่จะทำท่าซี้ดปาก “ท่าชิมดูหรูหราเติบ แต่ท่าเมื่อกี้บ่ไหวค่ะเพื่อนกูนึกว่ามึงเป๊กเหล้าขาว” (ท่าชิมดูหรูหรามาก แต่ท่าเมื่อครู่ไม่ไหวค่ะเพื่อน กูนึกว่ามึงกินเหล้าขาว) ปลาส้มส่ายหน้า “ดีกรีแรงปานนี้เอาหยังมาให้กูทำหน้าเหมือนรีวิวอาหาร” (ดีกรีแรงขนาดนี้จะเอาอะไรมาให้กูทำหน้าเหมือนรีวิวอาหาร) “ของมันจ๊วดก็งี้ล่ะ” (ของมันแรงก็งี้แหละ) ครืด ครืดดด! เสียงโทรศัพท์มือถือปลาส้มสั่น เมื่อมองดูหน้าจอก็เห็นว่าเป็นไอ้จอห์นหมอดูส่วนตัวที่ปลาส้มนัดไว้ “เออๆ ไปตอนนี้ล่ะ” รับสายเพียงประโยคเดียวปลาส้มก็วางสายทันทีก่อนจะบอกขนม “ป้ะๆ บักจอห์นมันโทรมาเอิ้นแล้ว” (ปะๆ ไอ้จอห์นมันโทรมาเรียกแล้ว) วันนี้ปลาส้มนัดพาขนมไปดูดวงกับจอห์นเพื่อดูเกี่ยวกับเนื้อคู่ที่พ่ออยากให้ขนมรีบแต่งงาน แม้ขนมจะไม่เชื่อเรื่องการดูดวงเท่าไหร่แต่ปลาส้มก็คะยั้นคะยออยากให้ไป เธอจึงปฏิเสธไม่ได้ ทั้งสองปั่นจักรยานมายังบ้านจอห์นซึ่งไม่ไกลนักเป็นบ้านทรงไทยยกสูงมีใต้ถุน เมื่อมาถึงก็เจอกับ ‘จอห์น’ ที่ปลาส้มพูดถึงยืนรออยู่บนหน้าประตู สวมผ้าโสร่งท่อนบนเปลือยเปล่าโชว์กล้ามท้องแน่น บนหน้าอกและต้นแขนมีรอยสักเป็นรูปยันต์ต่างๆ ที่พวกเธอเองก็ไม่รู้จัก เมื่อเดินขึ้นไปบนบ้านจึงได้เห็นหน้าชัดๆ เป็นครั้งแรก... จอห์นถือได้ว่าเป็นหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ ใบหน้าคมเข้มแบบไทยแท้ ผมดำขลับ จมูกโด่งริมฝีปากหนา ผิวไม่ขาวไม่คล้ำกลางๆ ดูจากขนาดและการออกแบบของบ้านถือได้ว่าน่าจะมีฐานะในระดับหนึ่ง “กูบ่คิดว่าหมอดูสิวัยรุ่นปานนี้” (กูไม่คิดว่าหมอดูจะวัยรุ่นขนาดนี้) ขนมกระซิบทันทีที่เห็นหน้าจอห์น “เอ้า กูยังเอิ้นบักจอห์นๆ มึงเห็นเป็นกูเป็นคนแนวใด๋ถึงสิเอิ้นคนเฒ่ากว่าว่าบัก” (อ้าว กูยังเรียกไอ้จอห์นๆ มึงเห็นกูเป็นคนแบบไหนถึงจะเรียกคนแก่กว่าว่าไอ้) ปลาส้มมองค้อนขนมไปทีหนึ่ง ขณะที่ทั้งสองเดินตามจอห์นไปยังห้องเล็กๆ ด้านขวามือ “กูกะลืมคิด” (กูก็ลืมคิด) ขนมยอมรับผิด ปกติหมอดูภาพลักษณ์ติดตาเธอก็คงอายุประมาณ 35 ขึ้นไป พอเห็นจอห์นยังอายุน้อยขนาดนี้เธอเลยไม่ค่อยชิน “มันเป็นหมู่เรียนห้องเดียวกันกับกูตั้งแต่เด็กน้อย” (มันเป็นเพื่อนเรียนห้องเดียวกันกับกูตั้งแต่เด็ก) “ออ” ขนมพยักหน้ารับทราบ เมื่อเข้ามาในห้องก็เห็นมีพระพุทธรูปและเครื่องปั้นรูปเทพต่างๆ มากมายซึ่งขนมเองก็ไม่ค่อยเข้าใจ แล้วก็ไม่เชื่อเรื่องพวกนี้เท่าไหร่นัก เธอได้แต่เดินตามแล้วนั่งลงเงียบๆ จอห์นก้มกราบลงไปสามทีแล้วก็หันมาหาพวกขนมที่นั่งอยู่ ด้านขวามือของเขามีคนนั่งข้างๆ อยู่คนหนึ่งดูเด็กกว่าพวกเธอเล็กน้อย “บักบุญรอด” เมื่อเห็นขนมเอาแขนสะกิดเป็นเชิงถามปลาส้มก็ตอบทันที พ่อแม่ของบุญรอดประสบอุบัติเหตุรถคว่ำเสียชีวิตเลยถูกพ่อแม่ของจอห์นรับมาเลี้ยงตั้งแต่เด็ก เติบโตมาด้วยกันกับจอห์นเหมือนเป็นท่านชายกับลูกสมุนก็ไม่ปาน “วันเดือนปีเกิดที่ส่งมานั่นกูเบิ่งให้แล้ว” (วันเดือนปีเกิดที่ส่งมานั้นกูดูให้แล้ว) เสียงทุ้มเต็มไปด้วยมนตร์ขลังเอ่ย ทันทีที่ได้ยินเสียงนั้นสองสาวยืดหลังตรงอัตโนมัติ “จากที่เบิ่ง มีดวงสิได้เนื้อคู่เป็นคนในเครื่องแบบ ถูกโฉลกกับคนวันจันทร์ ถ้าอายุหลายกว่าแห่งแต่ดีเลย” (จากที่ดู มีดวงจะได้เนื้อคู่เป็นคนในเครื่องแบบ ถูกโฉลกกับคนวันจันทร์ ถ้าอายุมากกว่ายิ่งดีเลย) “คนในเครื่องแบบ...” ปลาส้มใจลอยกำลังมองหาตัวเลือกที่เป็นไปได้ให้เพื่อน “ครูชาร์ลบ่? สารวัตรเสือ หรือสิเป็นปลัดอึ่ง โอ้! ปลัดเรามีเมียแล้วลืมไป” (ครูชาร์ลไหม? สารวัตรเสือ หรือจะเป็นปลัดอึ่ง โอ้! ปลัดแกมีเมียแล้วลืมไป) “มึงกะหาคิดไปทั่วเนาะ จักสิแม่นบ่บุ๊” (มึงก็หาพูดไปเรื่อย จะแม่นเหรอเปล่าก็ไม่รู้) ขนมปรามปลาส้มไม่ให้คิดไปไกลแต่กลับเป็นจอห์นที่ตบขาตัวเองลั่นทำเอาสองสาวสะดุ้งตัวโหยง “อย่าดูถูกความแม่นกันนะ เรื่องแบบนี้อิปลาส้มมันพ้อมากับตัวแล้ว” (อย่าดูถูกความแม่นกันนะ เรื่องแบบนี้ปลาส้มมันเจอมากับตัวแล้ว) “ถ้างั้นเนื้อคู่ปลาส้มเป็นคนแบบใดล่ะพ่อหมอจอห์น” ด้วยความไม่ค่อยเชื่อมากนักขนมเลยไม่ค่อยนับถือสักเท่าไหร่จึงเรียกพ่อหมอจอห์นประชดประชัน “เป็นคนใกล้ๆ แถวนี้ล่ะ” (เป็นคนใกล้ๆ แถวนี้แหละ) “แถวใด๋ล่ะ” (แถวไหนล่ะ) “แถวนี้ละ” (แถวนี้แหละ) “ใกล้ๆ แถวนี้.. บักปาล์มบ่? ใกล้คักอยู่ข้างบ้านเลย” (ใกล้ๆ แถวนี้.. ไอ้ปาล์มไหม? ใกล้มากอยู่ข้างบ้านเลย) ขนมพยายามทาย แต่จอห์นกลับทำหน้าไม่พอใจ “หึ ใกล้กว่านั่น” (ไม่ ใกล้กว่านั้น) เขาเอ่ยเสียงเข้มด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ใกล้กว่านั้นก็พ่อหมอจอห์นแล้วล่ะ อยู่ข้างหน้าเลย” ขนมมองสายตาหมอจอห์นอย่างรู้ทัน เธอดูสายตาที่จอห์นส่งให้ปลาส้มมันดูอบอุ่น ดูหวงแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้ “มึงกะหาว่าเนาะขนม” (มึงก็ว่าไปเนอะขนม) ปลาส้มที่ไม่รู้ความผิดปกติของเพื่อนตัวเองรีบค้านอย่างไว “สิเสกหนังควายเข้าท้องซะบ้อหมู่มึงหนิปลาส้ม ลบหลู่กูโพด” (จะเสกหนังควายเข้าท้องดีไหมเพื่อนมึงเนี้ยปลาส้ม ลบหลู่กูเกิน) จอห์นเริ่มไม่พอใจขนมที่รู้ทันเอ่ยด้วยความโมโห “อย่าเฮ็ดมันเถาะ คนกรุงเทพฯกะจั่งซี่ล่ะ บ่ค่อยเซี่ยเรื่องลี้ลับดอก” (อย่าทำมันเลย คนกรุงเทพฯก็อย่างนี้แหละ ไม่ค่อยเชื่อเรื่องลี้ลับหรอก) ปลาส้มช่วยคัดค้าน แต่ขนมกลับยกยิ้มตาวาว “ดีเลยสิได้อิ่ม ต่อไปบ่ต้องกินข้าวแล้วกูสิได้กินแต่เหล้าเป็นหมู่มึง แต่ว่าขอเป็นเนื้อเปื่อยเด้อพ่อหมอ” (ดีเลยจะได้อิ่ม ต่อไปไม่ต้องกินข้าวแล้วกูจะได้กินแต่เหล้าเป็นเพื่อนมึง แต่ว่าขอเป็นเนื้อเปื่อยนะพ่อหมอ) “บ๊ะ!! อีนี่” จอห์นตบขาตัวเองอย่างแรงด้วยความโมโห “มึงพาหมู่มึงกลับบ้านไป ก่อนที่กูสิโมโหกว่านี้” (มึงพาเพื่อนมึงกลับบ้านไป ก่อนที่กูจะโมโหกว่านี้) “ได้ๆ เดี๋ยวพามันกลับเดี๋ยวนี้ล่ะอย่าพึ่งโมโหเด้อ” (ได้ๆ เดี๋ยวพามันกลับเดี๋ยวนี้แหละอย่าพึ่งโมโหนะ) พูดจบปลาส้มก็รีบจับมือขนมให้รีบลุกขึ้นเพื่อออกมาทันทีกลัวว่าจอห์นจะโมโหจนพลั้งลงมือกับขนมเอา “คราวหลังมาแต่มึง บ่ต้องเอาหมู่มึงมา” (คราวหลังมาแค่มึง ไม่ต้องเอาเพื่อนมึงมา) จอห์นตะโกนไล่หลัง บุญรอดที่นั่งมองดูสถานการณ์เงียบๆ มาตลอดเริ่มระแวง “เฮาสิถืกจับได้บ่หนิอ้ายจอห์น” (เราจะถูกจับได้ไหมพี่จอห์น) “บ่ดอก ปลาส้มมันเซี่ยขนาดนี้” (ไม่หรอก ปลาส้มมันเชื่อขนาดนี้) เขาแอบชอบปลาส้มมาตั้งแต่เด็กแต่ไม่กล้าบอก กลัวว่าปลาส้มจะไม่ชอบ กลัวเสียเพื่อนไป เขาได้แต่ซ่อนตัวเองไว้ในคราบหมอดู หมอผีอะไรก็ว่าไปเท่าที่ปลาส้มจะเชื่อ ครั้งล่าสุดที่เขาทักไม่ให้ออกจากบ้านเดี๋ยวมีอุบัติเหตุ เพราะเห็นว่ามีงานประจำปีของอำเภอจึงทักดักไว้ก่อน เขาไม่อยากให้ปลาส้มไปเที่ยวงาน กลัวมีคนมาจีบเธอ แต่ปากเขามันดันแม่น ไม่ว่าเอ่ยอะไรไปมั่วๆ ส่งเดชมันมักจะได้ผลแบบนั้นตลอด เขาเองก็แปลกใจไม่น้อยในความศักดิ์สิทธิ์นี้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD