พันธนาการรักใต้แสงจันทร์ EP.14

1377 Words
ทันทีที่ประตูลิฟต์ถูกปิดลง ร่างสูงใหญ่ หุ่นกำยำก็ปรากฏกายขึ้น สายตาจ้องมองทะลุเข้าไปในตัวลิฟต์แล้วอมยิ้มกับท่าทางน่ารักของหญิงสาว ไม่นึกว่านางรับรู้ถึงการมีตัวตนของเขา หลายศตวรรษมาแล้วที่ไม่เคยมีมนุษย์คนไหนสามารถสื่อสารกับเขาได้ “จะตามไปไหมขอรับท่านกาเบรียล” ซาลส์เอ่ยถามผู้เป็นนาย เขาเองก็ตกใจเหมือนกันที่เห็นหน้าของนาง หน้าตาของนางคล้ายกับท่านหญิงอิสเบลล่า คู่ชีวิตของนายเหนือหัวที่บัดนี้หลับใหลอยู่ภายใต้ปราสาทเซเวอร์ลัส “เดี๋ยวข้าจัดการเอง เจ้าไปคอยจับตาดูอาเดรียนเถอะ อย่าให้อาเดรียนทำอะไรผลีผลามออกไป ข้าไม่อยากให้ทายาทที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวของตระกูลข้าต้องจบชีวิตลงเพราะความใจร้อน” “ขอรับท่านกาเบรียล ข้าน้อยจะคอยจับตาดูไม่ให้คลาดสายตาเด็ดขาด” “ขอบใจเจ้ามากที่คอยดูแลทายาทตระกูลข้า” “มิเป็นไรขอรับท่านกาเบรียล ข้าน้อยยินดี” ซาลส์เอ่ยบอกผู้มีพระคุณ หากไม่ได้ชายผู้นี้ตระกูลเขาคงตายไปหมดแล้วเมื่อหลายร้อยปีก่อน ช่วงนั้นแวมไพร์ออกอาละวาดอย่างหนัก ตระกูลของเขาเกือบถูกลูกน้องของแวมไพร์ตนหนึ่งสังหารแต่โชคดีได้ท่านกาเบรียลเป็นคนช่วยเหลือคนในตระกูลของเขาเอาไว้ มีเพียงเขาเท่านั้นที่ต้องจบชีวิตลงเพราะโดนแรงเหวี่ยงอันมหาศาลของแวมไพร์ เขาก็ยังโชคดีที่มีชีวิตรอดมาได้ด้วยการช่วยเหลือของท่านกาเบรียล ถึงตอนนี้เขากลายเป็นเผ่าพันธุ์อมตะ แต่ก็ไม่สามารถเดินท่ามกลางแสงแดดเหมือนแวมไพร์สายเลือดแท้หรือท่านกาเบรียลได้ “ระวังแสงแดดด้วยละซาลส์” กาเบรียลเตือนแวมไพร์รุ่นน้องอย่างเป็นห่วง ถึงซาลส์ไม่ใช่น้องชายหรือญาติของเขา แต่หลายศตวรรษที่ผ่านมาข้างกายเขามีแต่ซาลส์เท่านั้นที่เขาให้ความสนิทด้วย ฌาคส์ ลูเซียน อเล็กซานโน่ก็ถือว่าสนิทในระดับหนึ่ง ฌาคส์กับลูเซียนเป็นพวกเลือดแท้แต่อเล็กซานโน่นั่นเหมือนเขาคือถูกอลูคัส ราชาแห่งรัตติกาลเปลี่ยนจากมนุษย์ให้เป็นแวมไพร์ “ระวังแวมไพร์ตนอื่นด้วย” แวมไพร์หนุ่มพูดจบก็หายตัวไปยังสถานที่ที่อเล็กซานเดรียนั่งทานอาหารอยู่ เขายังสงสัยในความสามารถของนาง จากคำพูดเมื่อก่อนหน้านี้ทำให้เขารู้ว่านางมีสัมผัสที่หกและอาจมีพลังโทรจิตที่แข็งแกร่ง นางปิดกั้นจิตจนเขาสามารถอ่านความคิดของนางได้ สิ่งเหล่านี้ทำให้เขารู้สึกทึ่งและชื่นชมในความสามารถของนางไม่น้อย “ขอรับท่านกาเบรียล” แวมไพร์หนุ่มรับคำผู้เป็นนายแล้วก็หายวับไปทันที วันนี้เขาต้องคอยติดตามทายาทคนสุดท้ายของตระกูลแอนเดอร์ร์สัน มนุษย์ที่รายล้อมอยู่ข้างกายของท่านกาเบรียลไม่รู้ว่าเลยประมุขใหญ่ของตระกูลมิใช่มนุษย์อย่างที่ทุกคนเข้าใจ หรือแม้แต่คุณอาเดรียนก็ยังไม่รู้เลยว่าชายที่เขาเรียกว่า ‘พี่’ แท้ที่จริงแล้วเป็นบรรพบุรุษรุ่นที่เท่าไรก็ไม่ทราบได้ ซาลส์นึกย้อนไปเมื่อสองศตวรรษก่อน ตอนที่ท่านกาเบรียลกำลังสนทนาอยู่กับท่านอเล็กซานโน่ที่ปราสาทเซเวอร์ลัส ทำให้เขาได้รู้เหตุใดท่านกาเบรียลถึงสามารถเดินท่ามกลางแสงแดดได้และยังรู้อีกว่าท่านกาเบรียลเคยเป็นมนุษย์มาก่อนแถมยังเป็นนักล่าแวมไพร์ตัวฉกาจ ส่วนสาเหตุที่ท่านถูกเปลี่ยนให้เป็นแวมไพร์เขาไม่รู้ถึงขนาดนั้น แต่ที่เขารู้ก็คือราชาแห่งรัตติกาลเป็นคนเปลี่ยนนายของเขาให้เป็นแวมไพร์ เพราะได้รับเลือดจากแวมไพร์สายเลือดแท้ ท่านกาเบรียลถึงสามารถใช้ชีวิตเหมือนคนปกติทั่วไป อีกเหตุผลหนึ่งที่เขารู้ว่าแวมไพร์บางตนสามารถเดินรับแสงอรุณได้ก็เพราะได้รับพรจากแม่มด แวมไพร์บางตนมีเครื่องรางเป็นแหวน บางตนเป็นสร้อย บางตนเป็นต่างหูและอีกหลายๆ อย่างที่แวมไพร์นำมาเป็นเครื่องประดับ ปัจจุบันแวมไพร์ที่ได้รับเครื่องรางจากแม่มดนั่นมีน้อยมาก เนื่องจากแม่มดผู้ทรงอำนาจต่างหลบเร้นอยู่ในที่ที่แวมไพร์มิอาจหาเจอ ข่าวที่เขาได้ฟังมา บ้างก็บอกว่าเจ้าแห่งราชารัตติกาลรุ่นก่อนเป็นผู้ให้ที่พักพิงแก่เหล่าแม่มดผู้ทรงอำนาจ บ้างข่าวก็บอกว่าแม่มดผู้ทรงอำนาจได้ถูกสังหารโดยสภาแวมไพร์ที่คัดค้านเรื่องที่แม่มดสร้างเครื่องรางให้มนุษย์ที่กลายเป็นแวมไพร์ได้กลับไปใช้ชีวิตเหมือนคนปกติอีกครั้ง ////////// อเล็กซานเดรียนั่งทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย จนไม่สนใจสายตาของหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ที่พยายามส่งยิ้มพยายามสร้างสัมพันธไมตรีกับเธอ สิ่งเดียวที่เธอสนใจก็คืออาหารบนโต๊ะ ตั้งแต่บ่ายยังไม่มีอาหารตกถึงท้อง มาเจออาหารถูกปากก็ต้องทานให้เต็มอิ่ม พรุ่งนี้เธอต้องรีบเช็กเอาท์ออกจากโรงแรมตั้งแต่เช้าตรู่ พอนึกถึงบรรยากาศภายในโรงแรมขึ้นมา ทำให้อเล็กซานเดรียก็แทบกลืนข้าวไม่ลง ขนแขนก็ลุกซู่อย่างช่วยไม่ได้ เธอเองก็ไม่ได้กลัวเรื่องเหนือธรรมชาติแต่ก็ไม่อยากเจอเช่นกัน มารดาเธอเคยบอกไว้ว่าคนที่เจอผีคือพวกที่ดวงตกสุดๆ หวังว่าดวงชะตาชีวิตของเธอคงไม่เป็นแบบนั้น คนที่ยังจมอยู่กับเรื่องชวนขนลุกชวนสยองจิตต้องยกมือขึ้นลูบต้นแขนอย่างตกใจเมื่อผิวกายสัมผัสได้ถึงสายลมที่วูบผ่าน ดวงตาคู่สวยตวัดสายตากวาดมองภายในร้านอย่างหวาดระแวง เธอไม่ได้คิดไปเอง ‘เมื่อกี้มีคนเดินผ่านโต๊ะเราไปใช่ไหม’ คำถามที่ผุดขึ้นทำให้อเล็กซานเดรียเริ่มนั่งไม่ติด หญิงสาวถอนหายใจอย่างเซ็งๆ ตั้งแต่เหยียบย่างเข้ามาในโรมาเนีย ประสาทสัมผัสกับโทรจิตที่เธอมีก็เริ่มทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เธอสัมผัสได้ถึงสิ่งเหนือธรรมชาติที่ป่วนเปี้ยนอยู่ข้างกายและเสียงของใครอีกหลายคนที่เธอได้ยิน เสียงที่สัมผัสได้มันเยือกเย็น มีเพียงร่างกายแต่ไร้ซึ่งลมหายใจ ‘คุณตามฉันมาทำไม’ อเล็กซานเดรียเปิดจิตถามบุคคลลึกลับที่ตามเธอมาจากโรงแรม ชายหนุ่มผู้มีหน้าตาหล่อเหลา รูปร่างสูงใหญ่แต่ไร้ซึ่งลมหายใจ เขายืนอยู่ตรงข้ามกับโต๊ะที่เธอนั่ง และเธอเชื่อว่าไม่มีลูกค้าคนไหนเห็นเขาอีกเช่นกัน ‘คุณรู้ได้ยังไงว่าผมตามคุณมา’ กาเบรียลถามกลับอย่างประหลาดใจ มองสตรีตรงหน้าที่ทำหน้ายุ่ง มองเขาด้วยสายตาหวาดระแวง ตอนนี้เขาไม่แปลกใจแล้วว่าเพราะเหตุผลสาวสวยผู้นี้ถึงเป็นกุญแจสำคัญในการฟื้นคืนชีพของอลูคัส วลาดิเมียร์ ราชาแวมไพร์รุ่นที่สองของเผ่าพันธุ์อมตะ ‘ลางสังหรณ์มันบอก ถ้าให้ฉันเดา คุณคือวิญญาณที่ยืนอยู่ตรงมุมบันไดในโรงแรม’ ‘คุณไม่กลัวผมเหรอ’ ‘กลัวสิ! แต่ฉันคงชินแล้วมั้ง ถูกชายแปลกหน้ามาเข้าฝันแทบทุกคืน ความกลัวเลยหายไป’ อเล็กซานเดรียตอบเสียงสะบัด ใครบ้างไม่กลัวผี แต่เธอคงชินกับเรื่องเหล่านี้แล้ว เพราะในช่วงหลายปีที่ผ่านมาก็มีอยู่ตนหนึ่งที่พยายามเข้ามาในฝันของเธอเสมอ ชายแปลกหน้าที่มักคร่ำครวญ ตัดพ้อหาว่าเธอไม่รักและทอดทิ้งให้เขาต้องทนทุกข์ เจ็บปวดกับการรอเธอมาหลายร้อยปี ‘หึๆ ’ กาเบรียลหัวเราะกับคำตอบของหญิงสาว ‘คุณไม่ต้องมาหัวเราะเยาะฉันหรอก ฉันว่าปรากฏกายมานั่งคุยกับฉันดีกว่า ฉันเริ่มปวดหัวแล้ว’ พูดเพียงเท่านั้นอเล็กซานเดรียก็ถอนจิตและปิดกั้นอย่างรวดเร็วจนกาเบรียลรู้สึกทึ่ง มือเรียววางช้อนอย่างเบามือแล้วยื่นไปหยิบแก้วน้ำขึ้นดื่ม /////////// ...โปรดติดตามตอนต่อไป...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD