ตืด... ตืด... ตืด...
พอถึงสามครั้ง ชญานีก็กดสายทิ้งทันที
“เอ่อ... ให้มันรู้ไปว่าไม่รับ” พูดคนเดียว นึกงอน
‘ป่านนี้ทำอะไรอยู่ ไหนว่าจะรับผิดชอบ มาทำให้เขาเจ็บข้อเท้าแท้ ๆ’ นึกเคืองทั้งที่ตัวเองไปหาเรื่ององศาก่อน คิดหนักเข้า ก็ดันไปคิดถึงตอนที่จูบกับเขาอีก ชญานีนั่งหน้าแดง
สำลีเดินเข้ามาหาพร้อมกับขนมกินเล่น วันนี้มีขนมเทียน กับชาไทย ชญานีหันไปมอง
“กินขนมให้หายเซ็งก่อนนะคะ จะได้ชื่นใจ อากาศมันก็ร้อนเสียด้วย”
“หนูไม่เห็นฟานกับซานโต้เลยค่ะ”
“อ๋อ... ปู่กับย่าแวะมาเมื่อวาน ก็เลยรับไปตอนค่ำแล้วค่ะ”
“ไปกี่วันคะ” กังวลว่าจะไม่มีเพื่อนเล่นเหมือนเคย
“สองอาทิตย์”
“หา! ทำไมไปนานจังคะ” ทำหน้าเง้า อยู่ ๆ ก็รู้สึกเหงาขึ้นมาเฉย ๆ”
“คุณหนูยี่หวาน่ะ เป็นสาวแล้วนะคะ เล่นเกกมะเรกเกเรกับเจ้าเด็กสองตัวนั้นไม่ได้แล้วนะคะ พากันแก่นกะโหลก เป็นหัวโจ๊กให้พวกมันอีก” พูดไปส่ายหน้าไปอย่างระอา
“แหม... ก็แค่เล่นสนุกไปวัน ๆ ไม่เห็นจะต้องซีเรียสเลยค่ะ อีกอย่างยี่หวาก็สอนการบ้านฟานกับซานโต้อยู่บ่อย ๆ” พูดให้สำลีเห็นข้อดีของตัวเอง
“คุณยี่หวามุ่งหาที่เรียนเถอะค่ะ ได้ยินคุณพ่อบ่นเรื่องมหา’ลัย เห็นว่าไม่มีที่ไหนตอบรับ ใช่ไหมคะ” ทั้งเห็นใจและหนักใจแทนเด็กสาวในคราเดียวกัน
“มหา’ลัยจะตอบได้ยังไง ยี่หวาไม่ได้ยื่นที่ไหนสักที”
“หา! ทำไมไม่ยื่นล่ะคะ แล้วแบบนี้ จะมีที่เรียนได้ยังไง โอ้ย! มิน่าล่ะ คุณพ่อถึงได้เอาแต่บ่น บ่นเช้า บ่นเย็น”
“ปล่อยให้คุณพ่อบ่นไปเถอะค่ะ บ่น บ่น บ่น ประเดี๋ยวก็เบื่อไปเอง” หยิบขนมเทียนข้าวปากแล้วเคี้ยวมุ้ย ๆ ก่อนจะยกชาไทยขึ้นซด ดูดจนเกิดเสียงดัง
สำลีนั่งลงตรงหน้า แล้วมองแบบขัดหูขัดตา
“เป็นสาวแล้ว กินอะไรให้ระวัง และก็อย่าทำเสียงดังอย่างนี้สิคะ” ตักเตือนเพราะว่าเห็นเธอเป็นลูกเป็นหลาน และเลี้ยงมาตั้งแต่ตัวแดง ๆ
“แหม... ใครจะไปเป็นกุลสตรีเต็มร้อย เหมือนยายนีน่าลูกเลี้ยงคนโปรดของคุณพ่อได้ล่ะคะ” กระแนะกระแหน
“คุณยี่หวาอย่าเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับใครค่ะ ไม่ดีหรอก ที่สำลีเตือน เพราะทุกอย่างจะได้แก่ตัวคุณยี่หวาเอง อีกอย่างต่อไปภายภาคหน้าเราไปอยู่ในสังคมอื่น ไม่ใช่ที่นี่ จะได้ไม่อายใคร ๆ”
“กินเสียงดังแบบนี้ ไม่เห็นต้องอาย” แล้วทำแกล้งสำลีเข้าไปอีก ยกแก้วชาขึ้นดื่มแบบดูดปูดๆ จนหมดแก้ว
สำลีส่ายหน้าเบา ๆ
“นี่รู้ไหม น้าสำลี”
“รู้เรื่องอะไรคะ” ทำตาโต นึกสนใจขึ้นมา
“ก็แม่กุลสตรีของที่นี่ ลูกเลี้ยงคนโปรดของคุณพ่อน่ะค่ะ หึ...” ทำเสียงออกจมูก สีหน้าหยัน
“ทำไมคะ คุณนีน่าทำไม”
“ยี่หวาได้ยิน สองแม่ลูกนั้นคุยกัน คนเป็นแม่ยุใหญ่ ให้แม่ลูกสาวจีบ และจับผู้ชายให้ได้”
“จับใครคะ” ถามกลับเสียงดัง มองหน้าของชญานีแบบไม่อยากจะเชื่อ
“นายองศา คนที่ซื้อที่ดินของคุณพ่อ ที่กำลังก่อสร้างอยู่ยังไงล่ะคะ เห็นว่าจะทำเป็นร้านกาแฟ ร้านอาหาร”
“คนนั้นนะหรือคะ อื้อ... จะว่าไป ก็ตาถึงเนอะ หล่อ รวย ดูดี๊ ดูดีค่ะ ตอนที่น้าสำลีเห็นครั้งแรก ก็ยังสะดุดตาเลย เหมือนนายแบบชื่ออะไรน่า” ทำท่าครุ่นคิด
“เหมือนใคร ยี่หวาว่า เขาไม่เห็นจะหล่อตรงไหนเลย” ออกอาการพาน
“หล่อสิคะ หล่อ เหมือน... เอ่อ... อ่า ก๊อต จิรายุ พระเอกสายอบอุ่นค่ะ” พร้อมกับทำหน้าฟิน
“แหวะ อย่าเอานายองศาอะไรนั้นไปเปรียบเทียบกับพี่เขานะคะ เทียบไม่ติดสักนิดเดียว”
“เอ... ทำเหมือนจะเหม็นหน้าเขานะคะเนี่ย ไปเจอะเจอกันตอนไหน ให้ได้ไม่ชอบขี้หน้ากัน” สำลีตั้งข้อสงสัย
“เห็นขาเนี่ยไหมคะ ที่เจ็บอยู่ตอนนี้ ก็เป็นเพราะเขา”
“จริงหรือคะ ไม่ใช่เพราะคุณยี่หวาซ่าเอง แล้วทำตัวเองหรอกหรือคะ”
“เอ๊ะ! น้าสำลีจะอยู่ข้างใครกันแน่ จะอยู่ข้างยี่หวา หรือว่า นายองศานั้น” ใบหน้าบึ้งตึง มองสำลีตาขวาง ๆ
“แฮ่... ไม่อยู่ข้างใคร แต่พูดไปตามเนื้อผ้า ก็เคยเห็นอะไรมา ก็คิดไปแบบนั้น” หัวเราะเสียงแห้ง
“ชิ... เชอะ... ไม่มีใครเข้าข้างยี่หวาสักคน ไม่เอาแล้ว ไม่กินแล้ว ไม่เห็นอร่อยสักนิด” ผลักแก้วน้ำ และจานขนมเทียนออกไปทางหน้าของสำลี
“แหม... กินจะหมดอยู่แล้ว” ช้อนตามองหน้าชญานี
“น้าสำลีพูดไม่เข้ารูหู จะไปไหนก็ไปเถอะค่ะ คุยด้วยก็ไม่สนุก แถมยังไปเข้าข้างคนอื่นอีก ชิ... คิดถึงฟานกับซานโต้จริง ๆ สองคนนั้นรักพี่ยี่หวาที่สุด หึ...” ทำเสียงขึ้นจมูก พร้อมกับหยิบมือถือมาไถเล่น ไม่สนใจสำลีแล้ว
สำลีลุกขึ้น ได้แต่มองอย่างสงสาร อยากจะให้มีใครสักคนมาปรามแม่สาวน้อยคนนี้จัง เมื่อไรเธอจะโตเป็นผู้ใหญ่สักที
“รีบหาแฟนเข้านะคะ เผื่ออะไร ๆ จะดีขึ้น เช่นความคิดของคุณยี่หวาจะได้โตขึ้น อะไรแบบนี้น่ะค่ะ” ยังหยอดทิ้งท้ายก่อนจะเดินหายไป
“แฟนเหรอ ใครจะแก่แดด แล้วอีกอย่าง ใครจะไปเหมือนยายนีน่าที่อยากได้ผัวจนตัวสั่น หึ-หึ” คิดไปถึงฉัตรธิดา แล้วก็อีกคน ‘นายองศา’
กดโทร.เข้าไปหาเขาอีกครั้ง คราวนี้องศากดรับ
(“ว่ายังไงยายจอมยุ่ง ว่างมากหรือ ถึงได้โทร.จิกแบบนี้ เกิดปีไก่หรือยังไง ถึงได้จิกไม่เลิก”) เขาแซว ใบหน้ายิ้มระรื่น รออยู่เหมือนกันว่า ชญานีจะโทร.กลับมาอีก รออยู่ตั้งนาน
“แล้วยายเกิดปีจอหรือยังไง ถึงได้เที่ยวกัดคน เที่ยวเหาคน” พูดสวนไปในทันที
(“โอ้แม่เจ้า ยายเด็กคนนี้ เธอน่ะอายุน้อยกว่าฉันอยู่หลายปี ทำไมพูดจาไม่น่ารักเอาเสียเลย อยู่ใกล้ ๆ จะจับตีให้ก้นลาย”)
“ก็มาตีสิ จะได้สวนด้วยไม้ค้ำเนี่ย” ยกไม้ค้ำขึ้นมา ทั้งที่เขาก็ไม่ได้อยู่ตรงนั้น
(“มีอะไรครับ คุณหนูเอาแต่ใจ”)