ในห้องหนึ่งของคฤหาสน์หนิงเทียน ควันสีขาวจากกำยานม้วนตัวอ้อยอิ่งท่ามกลางความกรุ่นร้อนบนเตียงนอน ชายหญิงไร้วาจาต่อขาน แม้มิได้สนทนาทว่ากลับมิได้เงียบงัน
แสงสว่างจากตะเกียงส่องไปยังเสี้ยวของพวกเขา เห็นเพียงหยาดเหงื่อผุดพราย ความอุ่นซ่านแผ่กำจายผ่านลมหายใจร้อนชื้น
เสียงครวญครางแว่วหวานผสานเสียงหอบหนักเนิ่นนาน
จ้าวฉีเสวียนจับหวงลี่ฟางนอนหงาย เขาแทรกกายลงมา ทั้งร่างทาบทับแนบชิดสนิทสนม
ชายหนุ่มขยับเอวสอบเกิดเป็นจังหวะลึกล้ำยากต้านทานความรัญจวน หญิงสาวทนไม่ไหว กรีดร้องเกร็งกระตุกอีกรอบ
พริบตาคล้ายฟ้าพลิกตลบ เมื่อมือใหญ่จับนางพลิกตัว กระชับเอวให้ยืนขึ้นหันหน้าเข้าหาต้นเสาหัวเตียงโดยมีเขาตามประกบซ้อนแผ่นหลัง การกระแทกกระทั้นในท่านี้เกิดขึ้นครู่ใหญ่ ก่อนที่คนตัวสูงจะจับคนตัวเล็กให้นั่งลงหันหน้าออกไปนอกเตียง บั้นท้ายอ่อนนุ่มบดเบียดบนตักแกร่ง
“อ๊ะ!”
หวงลี่ฟางร้องออกมาได้แค่นั้น กลับถูกจ้าวฉีเสวียนจับสะโพกมนกดลงแนบกับตัวตนแข็งขึง การตอกตรึงแบบซ้อนหลังเกิดขึ้นตรงขอบเตียง เมื่อฝ่ามือร้อนๆ ของคนด้านหลังเอื้อมขึ้นมาบีบเคล้นทรวงอกงาม ความร้อนพลันแผ่ขยาย ร่างบางอ่อนระทวยทว่ากลับขยับโยกเรือนกายตามจังหวะคนด้านหลังอย่างเร่าร้อน
“อา...ซื่อจื่อ”
หญิงสาวให้รู้สึกใกล้หลอมละลายอีกครา
“อืม...ฟางเหนียง”
พริบตาร่างบางพลันถูกจับพลิกกลับให้หันหน้าเข้าหาเขา กลางกายของสองเรายังคงแนบสนิทไร้ช่องว่าง
หญิงสาวเอื้อมมือเกาะบ่ากว้างจิกเล็บลงอย่างต้องการระบายความเสียวซ่าน พลางขยับเอวตามการสอดเสยของเขา
ชายหนุ่มล้มตัวลงนอนหงายปล่อยให้นางนั่งโยกโยนอย่างรุนแรงตามการควบคุมผ่านฝ่ามือกรุ่นร้อนตรงบั้นท้ายนาง
เงาร่างสองสายพลิ้วไหวอย่างเร่าร้อนแต่งดงามผ่านแสงสว่างจากไฟในตะเกียงนานครู่ใหญ่
หวงลี่ฟางรู้ดีที่สุด ไม่ว่าจ้าวฉีเสวียนจะสุขุมเยือกเย็น ทำตัวลุ่มลึกเป็นวิญญูชนชั้นสูงต่อหน้าผู้อื่นอย่างไร เขาก็มักทำตัวผาดโผนไร้ระเบียบแบบแผนและเอาแต่ใจเหมือนเด็กชายตัวโตที่ดื้อรั้นอย่างร้ายกาจยามมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับนางเสมอ
และนางก็ตามใจเขาอย่างร้อนแรงเสมอตลอดมา
กาลเวลามิได้ทำลายความเป็นตัวตนดังเดิมของหวงลี่ฟาง นางยังคงสง่างาม อ่อนหวานนุ่มนวล อ่อนโยนและพูดน้อยใจเย็น
ทว่าสิ่งหนึ่งกลับตราตรึงลึกล้ำอยู่ในจิตวิญญาณจนทำให้กลายเป็นคนเย็นชาและเมินเฉยต่อโชคชะตาที่เลวร้าย
ไร้ค่าแล้วอย่างไร ไม่มีฐานะแล้วอย่างไร
บนเตียงนอนกรุ่นร้อนที่กำลังลุกโชนไปด้วยเพลิงปรารถนาพาให้ไฟราคาะแผดเผาช่วยคลายความเศร้าในใจให้หวงลี่ฟาง
เมื่อชายหญิงพากันเดินทางไต่บันไดสูงชันจนเกือบถึงฝั่งฝันบนสวรรค์ชั้นฟ้า จ้าวฉีเสวียนพลันลุกขึ้นจับหวงลี่ฟางพลิกตัวนอนหงายอีกครา กลางกายสอดใส่อย่างรุนแรงและเร่งเร้า
“อา...ซื่อจื่อ”
หญิงสาวบิดตัวเร่ายามถูกกระหน่ำโยกโยน
ไม่นาน สองร่างก็กระตุกเกร็ง ต่างได้เห็นดาวพร่างพราวเต็มม่านตาพร้อมกัน
บุรุษหลั่งสายธารอุ่นร้อนเข้ามาในตัวตนคับแน่นฉ่ำชื้นก่อนฟุบตัวฝังใบหน้าคมสันลงในซอกคอหอมหวาน “ฟางเหนียง...”
หลังจากผ่านลมหายใจหอบหนักไปแล้ว จ้าวฉีเสวียนก็เพียงเอียงหน้าพรมจูบขมับชื้นเหงื่ออย่างคนได้รับการปลดปล่อยจนพึงพอใจ ก่อนพลิกตัวนอนหงายและจับร่างนุ่มข้างกายเข้ามากอดแนบชิดก่อนหลับสนิทไปอย่างสนิทสนม
คงเหลือเพียงหวงลี่ฟางที่ยังคงนอนหนุนแขนแข็งแกรง เหม่อมองเขาไม่วางตา
ครู่หนึ่งนางค่อยๆ เอื้อมมือลงต่ำ คลำดูที่กลางกายแกร่ง ซึ่งตัวตนของเขายังคงมิหลับใหลเฉกดวงตา
ชายหนุ่มผู้สุภาพเยือกเย็น เจ้าของกลิ่นกายสะอาดแม้มีหยาดเหงื่อพร่างพราว แต่พร้อมแปรเปลี่ยนเป็นกร้าวกระด้าง แผ่ซ่านกลิ่นอายร้อนแรงดิบเถื่อนคนหนึ่ง เพียงหญิงสาวลูบไล้เบาๆ ตัวตนที่เริ่มอ่อนตัวพลันผงาดกล้าทันทีพร้อมประกาศศักดาทันใด
จ้าวฉีเสวียนเปิดเปลือกตาขึ้นเผยดวงตาคมกริบแฝงริ้วประกายไฟวาบ เขาหรี่ตาลงอย่างอันตราย รอยยิ้มชั่วร้ายผุดขึ้นตรงริมฝีปากได้รูปน่ากดจูบ
“ข้ากำลังจะตายเพราะเจ้า”
จบคำก็พลิกร่างสูงใหญ่ลุกขึ้น เผยเรือนกายกร้าวแกร่งภายใต้แสงตะเกียงนวลตา
บ่ากว้าง เอวสอบ แขนล่ำ กล้ามงาม สะโพกเพรียว ทุกสิ่งแลดูทรงพลังเปี่ยมเสน่หาอันเร่าร้อน
เขาคร่อมทับนาง ส่วนกลางกายแนบสนิทชิดเชื้อในพริบตา จังหวะเริงสวรรค์พลันเริ่มต้นอีกครา
หวงลี่ฟางอมยิ้มนัยน์ตาพราว ใบหน้าหวานละมุนแดงซ่านมากขึ้น บางครั้งนางยังอดคิดมิได้ว่าที่แท้ภรรยาลับเช่นนางกำลังถูกกักขังเพื่อให้บุรุษมาหาความสำราญหรือเป็นฝ่ายรอคอยให้บุรุษมาปรนเปรอมอบความสุขให้กันแน่
หลายครั้งการมีสัมพันธ์ลึกซึ้งไร้กฎเกณฑ์กับจ้าวฉีเสวียนมักจะทำให้หวงลี่ฟางลืมฝันร้ายได้อย่างไม่น่าเชื่อ
อาจเป็นเพราะท่ามกลางชีวิตที่วิกฤตพลิกผันหลายครั้ง นางไม่เคยพบความสุขที่จีรัง กระทั่งได้เจอเขา ความสุขสั้นๆ นี้ ทำให้นางมักจะเผลอใจรักเขาหลายครากระมัง
การกอดเกี่ยวกระหวัดรัดรึงเกิดขึ้นอย่างเร่าร้อนครู่ใหญ่ ก่อนที่ทั้งสองจะกระตุกเรือนกายอย่างเสร็จสมอีกครั้งพร้อมกัน
จ้าวฉีเสวียนยังคงดึงนางมากอดไว้แนบอกแล้วหลับไป
หวงลี่ฟางลอบระบายลมหายใจปลดปลงอย่างไร้เสียง ก้มหน้าแนบชิดแผ่นอกกว้าง หลับตาซึมซับเสียงหัวใจแกร่งที่เต้นในจังหวะหนักแน่นมั่นคงฟังดูทรงพลังพาใจนางเต้นแรงมิสร่างซา
ในห้วงนิทรา หวงลี่ฟางฝันเห็นเพียงจ้าวฉีเสวียน...และเสียงพร่ำเตือนของหลันฮวา
การทอดกายให้เขาเชยชม ยอมมีสัมพันธ์ลึกซึ้งถึงขั้นนี้ มิใช่เรื่องที่ดีก็จริง แต่หากนางไม่ฉวยโอกาสกับเขาในวันนั้น เกรงว่าคงไม่มีโอกาสได้ใกล้ชิดกันเช่นวันนี้ เมื่อไตร่ตรองชั่งน้ำหนักดูแล้ว ความรู้สึกอยากได้สิ่งที่สูญเสียไปกลับคืนมามีมากกว่าความเสียใจที่ต้องสูญเสียพรหมจรรย์ นางแค่ไม่อยากเสียดายโอกาสที่พลาดไป ไม่อยากให้เรื่องของเราสูญเปล่าไร้ประโยชน์เหมือนที่ผ่านมา
“ข้าเป็นของท่าน...”
นางกระซิบบอกเขาเสียงแผ่วพร้อมกับกอดเอวสอบแน่น ทุกการกระทำและการแสดงออกของหญิงสาวล้วนเผยความหมายลึกซึ้งตรึงใจ
ทุกครั้งที่ใกล้ชิดแนบแน่น คลับคล้ายถักทอสายใยผูกพัน หลอมรวมดวงใจให้สมัครสมานโยงไยหมายเป็นหนึ่งเดียว
จากความสัมพันธ์ทางกายค่อยๆ สร้างความสัมพันธ์ทางใจ นานวันเข้าความผูกพันก็ร้อยรัดรึงใจนางไว้จนผสานปมเป็นเกลียวที่แนบแน่นเกินควบคุม
ในเมื่อเขายังไม่มีสตรีใดครอบครอง นางจะผิดมากหรือไม่หากคิดยึดครองเขาไว้ก่อนตอนที่ยังมีโอกาส
จับจองที่ว่างข้างกายของเขาเช่นนี้อย่างคนเห็นแก่ตัว ยึดเขาเป็นหลักให้แก่ชีวิตโดดเดี่ยว
แม้ภายหน้าเขาจะไม่ใช่ตัวคนเดียวก็ไม่เป็นไร ต้องแต่งงานมีฮูหยิน มีลูกสืบหลานห้อมล้อมรอบกายมากมายก็ไม่เป็นไร
เพราะนางก็แค่หลีกทางให้แต่โดยดี ไม่มีทางทำตัวเป็นปัญหาในครอบครัวของเขา
แต่การไปอยู่กับมารดาหรือ? นางคิดไม่ออกจริงๆ ว่าจะทนมองหน้าอีกฝ่ายโดยไม่รู้สึกอันใดได้อย่างไร...