ตอนที่ 3 ปรนเปรอ1

1422 Words
ลานเล็กหลังคฤหาสน์หนิงเทียนเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างประตูข้างกับทางเดินแผ่นหินทอดยาวไปถึงเรือนของหวงลี่ฟาง สวนดอกไม้ห่างจากโรงครัวเล็กน้อย สาวใช้หน้าตาจิ้มลิ้มสองคนกำลังนั่งคุยกัน คนแรกนามว่าตานฉง คนที่สองนามว่ายุ่นเอ๋อร์ ตานฉงทำเสียงจิ๊ปากเอ่ยอย่างขัดเคืองใจ “ต่อให้นางเป็นสาวงามแค่ไหน น่าเอ็นดูปานใด สุดท้าย ชายาชินอ๋องซื่อจื่อก็เป็นตำแหน่งสูงศักดิ์สำหรับพญาหงส์เท่านั้น หญิงงามรู้ใจที่ได้เคียงข้างหรือก็แค่สตรีเร้นลับที่ถูกเก็บในซอกหลีบ มิอาจเชิดชูตลอดกาล แค่ภรรยาลับ เหตุใดต้องทำตัวสูงส่งปานนั้น หน้าที่ปรนนิบัติบนเตียงให้ซื่อจื่อ ข้าเองก็ทำได้ดี เจ้าบอกข้าทีว่าข้างามไม่เท่านางที่ใด ไฉนทุกคราที่ซื่อจื่อเข้าคฤหาสน์มา นางต้องให้พวกเราออกมาห่างจากเรือนนอนด้วย” ยุ่นเอ๋อร์ขมวดคิ้ว มองหน้าตานฉงด้วยแววตาซับซ้อน พลางถามเสียงเบา “พี่ตานฉง คันฉ่องในห้องท่านน่าจะขุ่นมัวเกินไปกระมัง ให้ข้าเอามาขัดให้ดีหรือไม่?” ไหล่บางของยุ่นเอ๋อร์ถูกตีดังเพียะ “โอ๊ย! ข้าผิดไปแล้ว” ตานฉงเชิดหน้ากล่าวอีกว่า “อาจเป็นเพราะนางเข้าครัวแสดงฝีมือการทำอาหารให้ซื่อจื่อด้วยตัวเองเป็นแน่ ผู้ใดไม่รู้บ้าง ว่าบุรุษสกุลจ้าวชอบกินข้าวฝีมือสตรีของตน ฮึ! ข้าเคยแอบชิมฝีมือของนางหนหนึ่ง รสชาติไม่เห็นจะดี” บุรุษสกุลจ้าวล้วนเป็นราชนิกุล[1] จ้าวฉีเสวียนคือบุตรชายของชินอ๋องจ้าวเฟิ่ง ชินอ๋องเป็นพระอนุชาแท้ๆ ขององค์จักรพรรดิแคว้นจิน ดังนั้นการเอ่ยถึงไม่ว่าร้ายหรือดีล้วนเป็นคำกล่าวที่อาจทำให้สาวใช้นางหนึ่งถึงขั้นหัวหลุดจากบ่าได้ ยุ่นเอ๋อร์จึงบิดไหล่หนีห่างตางฉงเล็กน้อย ก่อนเอ่ยเสียงเบา “รสชาติจะเป็นอย่างไรข้าไม่รู้ แต่ข้าได้ข่าวจากพี่องครักษ์ของซื่อจื่อที่มาครั้งก่อนว่า พระชายาจัดให้มีการแข่งขันการทำอาหารที่จวนชินอ๋อง บรรดาคุณหนูผู้งดงามวัยออกเรือนพากันตบเท้าเข้ามาอวดฝีมือกันคับคั่ง หมายได้รับคำวิจารณ์จากซื่อจื่อ ทว่าซื่อจื่อกลับเลือกมากินอาหารที่นี่” ตานฉงหันขวับ ดวงตาปานเพลิง “เจ้าก็ดีแต่ขัดวาจาข้า ยุ่นเอ๋อร์ วันนี้ข้าจะตีเจ้าให้หนัก” ยุ่นเอ๋อร์มีหรือจะนั่งอยู่ นางลุกขึ้นวิ่งหนีทันที อาจพูดได้ว่าวันนี้เป็นเคราะห์ร้ายของสาวใช้นามตานฉง เพราะหากหวงลี่ฟางไม่บังเอิญเดินผ่านมาแล้วได้ยินพอดิบพอดี นางก็คงไม่ใส่ใจอันใด หญิงสาวเดินขึ้นหน้าด้วยสีหน้าเยือกเย็น เผยร่างงามให้สองสาวใช้ได้เห็น และทันทีที่ตางฉงกับยุ่นเอ๋อร์เห็นหวงลี่ฟาง นางทั้งสองก็ชะงักฝีเท้า “ม่ะ...แม่นางฟางเหนียง” ยุ่นเอ๋อร์รีบคารวะนอบน้อม ก่อนยืนนิ่ง ก้มหน้าหลุบตามิกล้าเงย ในขณะที่ตานฉงเพียงยอบกายคารวะเร็วๆ คราหนึ่ง ก่อนยืนนิ่ง แต่ลอบกลอกตาเหยียดริมฝีปากอย่างไร้ความเคารพ หวงลี่ฟางย่อมไม่ถือสาหาความยุ่นเอ๋อร์ผู้ร่วมสนทนา นางเพียงมองตานฉงนิ่ง สีหน้าเรียบเย็น ตานฉงมองหวงลี่ฟางตรงๆ แต่เพียงวูบเดียวนางก็ต้องรีบก้มหน้าหลุบตา มันเป็นไปตามสัญชาตญาณ มิรู้ว่าคิดไปเองหรือไม่ แต่ดวงตาคู่งามที่จับจ้องของสตรีตรงหน้าให้ความรู้สึกข่มขวัญอย่างประหลาด ฟางเหนียงผู้นี้เหตุใดใช้เพียงแววตามองมานิ่งๆ กลับทำให้ผู้อื่นนึกอยากคุกเข่าสยบแทบเท้าปานนี้เล่า? ตานฉงเริ่มตัวสั่น ขณะตัวสะท้านงันงก น้ำเสียงเยือกเย็นก็ดังแว่วเข้ามา “พ่อบ้านฉิน พาตัวตานฉงไปยืนรอข้าที่ลานหน้าเรือนใหญ่” สิ้นเสียงหวงลี่ฟาง ตานฉงก็เบิกตากว้าง พริบตานางพลันถูกบ่าวชายร่างใหญ่สองคนลากตัวไป แม้ว่านางจะดิ้นรนปล่อยวาจาไม่ยินยอมออกมาเท่าใดก็ล้วนไร้ผล เมื่อตานฉงถูกพามานั่งคุกเข่าหน้าเรือนหลัก หวงลี่ฟางที่เดินกลับออกมาจากเรือนส่วนตัวเพียงสั่งเสียงเย็นไปทางพ่อบ้าน “โบยให้หนักแล้วขายออกไปให้พ้นหน้าข้า” ตานฉงเบิกตาโพลง “ไม่นะ” ขณะถูกจับขึง นางตะโกนลั่น “ข้าเป็นคนของซื่อจื่อ สตรีเช่นเจ้ามีสิทธิ์ใดสั่งลงโทษข้า” หวงลี่ฟางแย้มยิ้ม ทว่ารอยยิ้มกลับไปไม่ถึงดวงตาคู่งาม “สัญญาซื้อขายของบ่าวไพร่คฤหาสน์หนิงเทียนล้วนขึ้นตรงต่อข้า” วาจานางเพียงพอต่อสิทธิ์อันชอบธรรมต่อการลงทัณฑ์ จ้าวฉีเสวียนแม้หื่นกระหายและเอาแต่ใจ เรียกร้องทั้งราตรี แต่กลับตอบแทนหวงลี่ฟางอย่างสาสม เขาให้ทั้งเงินและอำนาจในคฤหาสน์แห่งนี้ต่อนางอย่างน่าพึงพอใจ “รบกวนพ่อบ้านฉินแล้ว” กล่าวจบเพียงล้วงแขนเสื้อหยิบสัญญาของตานฉงออกมา พ่อบ้านฉินรีบตรงเข้ามารับไว้ ท่ามกลางเสียงโบยตีอันรุนแรงและเสียงกรีดร้องโหยหวนของตานฉง หวงลี่ฟางเพียงปรายตามองสาวใช้คนอื่นเนิบช้า แววตาเรียบนิ่ง แต่กลับทำทุกคนตัวสั่นยิ่งกว่านกกระสาฉ่ำพิรุณ “คนยิ่งมาก ยิ่งจัดระเบียบยาก ข้าเพียงหวังว่าพวกเราจะอยู่ร่วมกันอย่างเรียบง่ายสงบสุขเท่านี้ ไม่มีใครถูกขายออกไปอีก และหวังว่าจะไม่ได้ยินวาจาร้ายกาจใดเล็ดลอดออกมาให้ระคายหู” ทุกคนต่างคุกเข่าตอบรับพร้อมเพรียง พรั่นพรึงทั้งกายใจ เดิมทีสตรีผู้นี้มีนิสัยนุ่มนวลแย้มยิ้มอ่อนหวานเป็นนิจ แต่ใครจะคิดว่ายามขัดเคืองใจจะเย็นชาไร้ปรานีปานนี้ ยุ่นเอ๋อร์รีบโขกศีรษะกล่าวนำทุกคนว่า “บ่าวทราบแล้ว ต่อไปจะระมัดระวังมิให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นอีกเจ้าค่ะ” ทุกคนจึงกล่าวตามพร้อมเพรียง “บ่าวก็ทราบแล้วเจ้าค่ะ” หวงลี่ฟางยกยิ้มพึงพอใจพลางโบกมือเบาๆ ให้ทุกคนไปได้ แต่ไหนแต่ไรการที่มีสตรีอื่นหมายปองจ้าวฉีเสวียนจนแทบเก็บกิริยาไม่อยู่มิใช่เรื่องใหญ่โตอันใด หลายครั้งที่ตานฉงเผยแววตาสื่อนัยลึกซึ้งต่อจ้าวฉีเสวียนอย่างไม่เกรงใจนางที่ยืนอยู่ข้างๆ เขา หลายคราที่ชอบทำทีท่าเรียกร้องความสนใจออกนอกหน้า ทว่ากลับถูกยุ่นเอ๋อร์ลากตัวออกไปเสียก่อนที่จะถูกสังเกตเห็น กิริยาซ่อนนัยว่าดูแคลนเหยียดหยัน นางก็มิใช่ว่าไม่เคยเจอ เพียงแต่หวงลี่ฟางจำต้องปล่อยไว้อย่างใจเย็นไม่คิดถือสา เพราะส่วนหนึ่งล้วนยอมรับได้ถึงสถานะตนที่เปลี่ยนไปตามกาลเวลา ซึ่งได้รับผลพวงจากเหตุการณ์วิกฤตพลิกผันแห่งชีวิตนำพา วาจาดูแคลนเกี่ยวกับภรรยาลับ นางไม่ติดใจเอาความเท่าใด ทว่าเรื่องฝีมือการทำอาหารนั้น ออกจะมากเกินไป มีสิ่งหนึ่งที่ไม่มีใครล่วงรู้คือ นอกจากน้ำแกงเลี่ยงบุตรแล้ว หวงลี่ฟางทำน้ำแกงอื่นไม่เป็นด้วยซ้ำ ทว่านางก็มีความตั้งใจจริงในการฝึกทำอาหารให้จ้าวฉีเสวียนเพื่อเอาอกเอาใจเขา แต่ทุกครั้งกลับเป็นเขาที่พานางเข้าครัว ปิดประตูหน้าต่างเสียมิดชิดทุกบาน แล้วลงมือจัดการจับนางกลืนกินบนโต๊ะในครัวก่อนหนึ่งรอบใหญ่ จากนั้นอาหารทุกจานน้ำแกงทุกถ้วยล้วนเป็นเขาที่ทำให้นางกิน หวงลี่ฟางรู้มาว่าพระชายาเพ่ยหนิงมีฝีมือการทำอาหาร ชินอ๋องจ้าวเฟิ่งชมชอบฝีมือพระชายาตนมาก แต่นางคิดไม่ถึงว่าจ้าวฉีเสวียนเองก็ชอบทำอาหารเช่นกัน ดังนั้นการที่ตานฉงบังอาจวิจารณ์เรื่องรสชาติอาหารในสำรับของนางกับจ้าวฉีเสวียน นางย่อมมิอาจอภัย... [1]ราชนิกุล ผู้มีเชื้อสายของพระมหากษัตริย์, ตระกูลที่สืบเชื้อสายมาจากพระมหากษัตริย์.
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD