เพียงเผลอใจรัก จึงพลั้งผูกใจภักดิ์ รักเพียงท่านตลอดไป
ในถังไม้ขนาดใหญ่น้ำอุ่นเริ่มเย็นแล้ว ทว่าสองร่างเปลือยในถังกลับยังคงกรุ่นร้อนทั่วอณูผิวกาย
หลังจากเสร็จสมรอบสุดท้ายตรงขอบเตียงนอนในท่วงท่าคุกเข่าซ้อนหลังและต่อด้วยท่าอุ้มแตง หวงลี่ฟางก็ถูกจ้าวฉีเสวียนพามานั่งในถังอาบน้ำให้นางอิงอกกว้างอย่างหมดเรี่ยวแรงตรงนี้
ทั้งสองมีสภาพไม่ต่างกันคือทั่วตัวปรากฏริ้วรอยหลายสาย ฝ่ายชายมีรอยเล็บจนเลือดซึม ฝ่ายหญิงมีรอยขบกัดดูดเม้มจนผิวช้ำ
บุรุษก้มหน้าพรมจูบขมับสตรีพลางลูบไล้เนินอกอิ่มอย่างเพลิดเพลิน
หวงลี่ฟางได้แต่ปรือตามอง “ข้าสมควรช่วยซื่อจื่ออาบน้ำ บีบนวดคลายความเมื่อยล้าและขัดหลังให้ท่านจึงจะถูก”
“ข้านวดและขัดด้านหน้าให้เจ้าดีกว่า”
ว่าแล้วก็จับร่างนุ่มเนียนพลิกหันตัวเข้าหา กระชับเอวกิ่ว ยกสะโพกมนขึ้นคร่อมเอวสอบ จมูกโด่งสันจรดลงบนถันชูชัน
“อื้อ...ซื่อจื่อ”
การเปลี่ยนท่วงท่ากะทันหันทำหวงลี่ฟางครางประท้วง ทว่าเพราะเรียวลิ้นหรือเรียวนิ้วก็สุดรู้ เพียงครู่เดียวนางก็เอื้อมแขนโอบกอดลำคอหนา สองมือเกาะเกี่ยวบ่ากว้าง แอ่นอกยกบั้นท้าย แนบเนื้อสนิทแน่น
ปฏิกิริยากึ่งอ่อนโอนกึ่งผลักไสเช่นนี้ย่อมส่งผลให้คนบังเกิดอารมณ์กระสัน จ้าวฉีเสวียนจึงจับมือนุ่มลงเบื้องล่าง ให้นางสัมผัสตัวตนฝ่าม่านน้ำในถังไม้
หวงลี่ฟางสะดุ้งน้อยๆ ด้วยไม่ชินเสียทีกับความใหญ่โตที่สัมผัส จ้าวฉีเสวียนกอบกุมมือน้อยไว้ สะกดนางด้วยสายตาคมกล้าที่แฝงเปลวไฟด้านใน หญิงสาวร้อนผ่าวไปทั้งตัว
“ขยับให้หน่อย”
เขาสั่งเสียงทุ้มพร่า ซึ่งนางรู้ว่าขยับอะไร
มือเล็กกระชับแน่นขึ้นยามกอบกุมและรูดขึ้นรูดลง ยิ่งขยับ ตัวตนของเขาก็ยิ่งใหญ่โตขึ้น
“จับใส่เลย”
แน่นอนว่าหวงลี่ฟางรู้ว่าต้องจับอะไรใส่อะไร นางรู้ใจเขา หญิงสาวยกกายขึ้นสอดใส่แก่นกายแข็งขึงเข้าเนินบุปผาที่ฉ่ำชื้นพร้อมเบ่งบานเพื่อเขา
การโยกโยนไร้เสียงกระทบเนื้อมีเพียงเสียงน้ำกระฉอกเกิดขึ้นในจังหวะรัญจวน
เสียงครวญครางแว่วหวานผสานเสียงครางกระหึ่มทุ้มต่ำขณะสองกายพัวพันไม่สิ้นสุด
ลิ้นเล็กบางเป็นฝ่ายรุกล้ำเข้ามาในโพรงปากหนา เมื่อนางเป็นฝ่ายดูดดึงอย่างทนไม่ไหวจึงสร้างความพึงพอใจให้จ้าวฉีเสวียน เขาได้รับการตอบสนองที่น่ารักน่าใคร่เช่นนี้มีหรือจะอดใจไหว
มือใหญ่จับบั้นท้ายนางโยกขึ้นกดลงเร็วขึ้นแรงขึ้น ส่งตัวตนแข็งแกร่งเข้าออกช่องทางบุปผาฉ่ำรักอย่างร้อนแรงไม่มีผ่อนปรน
การอาบน้ำที่มิใช่อาบน้ำจึงดำเนินเนิ่นนานไม่เสร็จง่าย
กว่าหนึ่งชั่วยามทีเดียวหวงลี่ฟางถึงได้เวลาดูแลปรนนิบัติใส่เสื้อผ้าให้จ้าวฉีเสวียน
ความกร้าวแกร่งทรงพลังที่สตรีอื่นใช้สายตามองจนรับรู้ได้ ยังไม่เท่าเศษเสี้ยวที่นางกำลังเผชิญ
ขณะตรวจดูความเรียบร้อยแล้วเงยหน้ายิ้มแย้มอ่อนหวาน เป็นรอยยิ้มละมุนละไมที่ส่งถึงดวงตา พาให้ใบหน้าอ่อนโยนแลดูนุ่มละมุนกว่าสตรีใดในใต้หล้า
เมื่อแต่งตัวเสร็จ นางมองอย่างชื่นชมจากก้นบึ้งของหัวใจ “เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ”
เขาพยักหน้าเอ่ยเสียงเรียบ “อืม ข้าไปล่ะ”
นางเดินไปส่ง แต่ยังไม่ทันออกนอกห้องหับในเรือนส่วนตัว เสื้อคลุมที่สวมไว้หลวมๆ พลันร่นลงเผยหัวไหล่นวลเนียนหมิ่นเหม่
หวงลี่ฟางรีบรั้งขึ้น ทว่ากลับสายไป
กิริยาอ่อนหวานนั้นมิอาจหลุดรอดดวงตาปานเปลวเพลิงพร้อมแผดเผาของใครบางคนได้
จ้าวฉีเสวียนที่เสมือนเชื้อเพลิงใกล้กองไฟจุดติดง่ายดายยิ่งหันมารั้งร่างนวลเนียนหอมกรุ่นเข้าหาทันที
“เจ้ากล้ายั่วยวนข้า”
หวงลี่ฟางกะพริบตา นางมิได้ตั้งใจเลยสักนิด
มือใหญ่เกี่ยวเอวเล็กให้ประชิด เนินอกนุ่มๆ สัมผัสอกแกร่ง เนื้อแนบเนื้อ บนล่างผสานพันกัน จุมพิตเกิดขึ้นอย่างร้อนแรง อารมณ์ปรารถนาจุดติดทันใด ชายหนุ่มยกหญิงสาวขึ้นนั่งบนโต๊ะริมหน้าต่างที่ปิดสนิทมิได้เปิดอ้า
เดิมทีจ้าวฉีเสวียนตัวโตสูงใหญ่มาก หวงลี่ฟางสูงแค่ไหล่เขา มีเพียงยามต้องทำกิจกรรมเช่นนี้ที่อกกว้างล่ำสันที่น่าลูบไล้ของเขาจะอยู่ระดับเดียวกับหน้าอกนุ่มนิ่มของนาง
เขาโน้มตัวก้มหน้ากดจูบริมฝีปากลากไล้ไปที่ติ่งหูซอกคอพลางเลิกกระโปรงเปิดกางเกงชั้นใน ยกขาข้างหนึ่งของนาง เปิดทางให้ตัวตนของเขาผงาดกล้าและดำดิ่งลึกล้ำ ตอกตรึงลงไปในความอุ่นนุ่มชุ่มฉ่ำแสนหวานอย่างลึกซึ้ง
หวงลี่ฟางไม่เคยปฏิเสธ นางตามใจจ้าวฉีเสวียนทุกอย่าง พอๆ กับที่เขาเอาแต่ใจกับนางอย่างไม่เลือกเวลา
ต่อหน้าบิดามารดา เบื้องหน้าไพร่ฟ้าธารกำนัลและยามสะสางงานแต่ละขั้น จ้าวฉีเสวียนเป็นบุรุษสุขุม เงียบขรึมจริงจัง เคร่งครัดกฎเกณฑ์ ยึดมั่นระเบียบแบบแผน มีเพียงกระทำการเหลวไหลกับนาง เขากลับผาดโผนไร้กฎเกณฑ์อย่างสิ้นเชิง
แม้หวงลี่ฟางมีนิสัยพูดน้อยถนอมคำ มารยาทงามล้ำ ท่าทางสงบเสงี่ยมเจียมตน แต่เมื่อถูกคนเรียกร้องอย่างเอาแต่ใจ นางก็มักประท้วงด้วยเสียงครวญครางแว่วหวานอันเย้ายวนใจเสมอ
นี่ไยมิใช่เขาเสนอนางสนองเพื่อแลกเปลี่ยนความสุขสมระหว่างชายหญิง
การร่วมรักเกิดขึ้นเนิ่นนาน ก่อเกิดหลุมดำแห่งความเสพสมคล้ายสวรรค์กลั่นแกล้ง ประหนึ่งเทพจันทราแสร้งตบตาคนว่ามนุษย์เดินดินไม่มีอยู่จริง ใต้หล้านี้มีเพียงเทพธิดากับเทพเซียนกำลังเสพสมกันบนชั้นฟ้าชั้นดาวดึงส์เท่านั้น
ความรู้สึกถึงดวงดาวที่พร่างพราวและคลับคล้ายว่าทั้งตัวล่องลอยสูงลิบอยู่บนเมฆาเกิดขึ้นจนฟ้าเปลี่ยนสีอีกครา จ้าวฉีเสวียนก็กลับจวนชินอ๋อง หวงลี่ฟางจึงได้รับอิสระ
จ้าวฉีเสวียนมิเคยกักขังหน่วงเหนี่ยวนางแต่อย่างใด ทุกสิ่งที่ทำล้วนเป็นนางเต็มใจ
กาลก่อนนางที่ไม่เคยได้ย่างเท้าออกนอกเรือน ทั้งวันต้องท่องตำรา ทบทวนบทเรียน คร่ำเคร่งฝึกศาสตร์ทุกแขนง ศิลปะสี่ประการของสตรี กระทั่งมารยาทและความประพฤติทุกอย่างภายใต้การสั่งสอนอันเข้มงวด
อิสระคืออะไร นางไม่รู้จักด้วยซ้ำ
หลายครั้งอยากโยนทุกสิ่งทิ้งไปอย่างไม่ไยดีแต่ก็มิอาจกระทำ จำต้องก้มหน้าก้มตายอมรับชะตากรรมอันสูงส่งเทียมฟ้า
แต่ยามนี้นางมีเวลาว่างมากมาย นางใช้เวลาว่างที่ได้รับไปกับฝึกทำอาหารที่จ้าวฉีเสวียนชอบ บางครั้งก็ปักผ้า เลี้ยงปลา บางครายังได้ออกไปเที่ยวที่ตลาดเลือกหาซื้อของที่ตัวเองชอบและจ้าวฉีเสวียนอาจจะพึงใจเมื่อเห็นสิ่งเหล่านั้นอยู่บนเรือนร่างนาง
เบี้ยหวัดรายเดือนนางไม่มีหรอกเพราะมิได้มีสัญญาขายตัวเฉกบ่าวไพร่ทั่วไป มีเพียงหีบไม้ที่จ้าวฉีเสวียนมักจะแวะเวียนมาเติมเงินใส่ทองวางเครื่องประดับเอาไว้ให้