ตำหนักหยางหลงฮ่องเต้
รัชทายาทโจวหยางเย่วบัดนี้เสด็จกลับเข้าวังหลวงเพื่อเข้าเฝ้าหยางหลงฮ่องเต้พระบิดา เพื่อรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับสถานการณ์ของพระชายาให้กับพระบิดาได้ทรงทราบด้วยพระองค์เองอีกครั้ง และครั้งนี้ทรงตั้งพระทัยเอาไว้ว่าจะนำพระชายาเข้ามาพำนักภายในวังหลวงเสียด้วยกัน เพื่อที่พระองค์สามารถเสด็จไปพบพระชายาได้ตลอดเวลาตามปรารถนาได้ทุกตลอดเวลา
ท่ามกลางสายพระเนตรของหยางหลงฺฮ่องเต้ทรงจับจ้องพระโอรสที่กำลังนั่งคุกเข่าอยู่ตรงพระพักตร์ในห้องทรงงาน ครั้นได้ยินเรื่องราวทั้งหมด
“ชายาของเจ้ามีอาการเช่นนี้ด้วยอย่างนั้นเหรอ นี่ถ้าเกิดฟื้นขึ้นมาหลังจากนี้ดูท่าราชครูจะต้องฝังลูกสาวของตัวเองทั้งเป็นเข้าให้เสียแล้ว ไม่รู้ว่านี่คือโชคร้ายหรือโชคดีของนางกันแน่”รับสั่งพลางถอนพระทัยออกมาด้วยทรงสัมผัสถึงความห่วงใยของพระโอรสที่มีต่อพระชายาได้เป็นอย่างดี
“นี่เป็นเหตุผลอย่างหนึ่งใช่หรือไม่ที่เจ้าต้องการนำนางเข้ามาพำนักภายในเขตวังหลวงเพื่อที่จะคอยดูแลอย่างใกล้ชิด หากนางมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นมาอีก”รับสั่งถามกลับไป
“พ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ ลูกกังวลใจเกี่ยวกับอาการหลับลึกของชายาเป็นอย่างมากจึงขอเข้าเฝ้ากราบทูลต่อเสด็จพ่อขอได้โปรดทรงมีพระบัญชาอนุญาตให้ลูกนำนางเข้ามาพำนักในวังหลวงเป็นกรณีพิเศษด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ เพราะต้องรอฤกษ์มงคลในการประกอบพิธีอีกครั้งไม่รู้ว่าจะต้องรอเนิ่นนานเพียงใด จึงไม่วางใจเสียเท่าใดนัก”รัชทายาทหนุ่มกราบทูลตามความเป็นจริง
พระพักตร์ของฮ่องเต้หยางหลงพยักขึ้นลงติดต่อกันครั้นทรงได้ยินเช่นนั้น
“อีกอย่างเพื่อแก้เคล็ดให้นางไม่ต้องเผชิญอาการหลับลึกอีก ท่านราชครูได้เปลี่ยนชื่อให้นางใหม่ด้วยพ่ะย่ะค่ะ ลูกได้นำมาถวายให้เสด็จพ่อเพื่อให้ทางอาลักษณ์บันทึกลงในประวัติเชื้อพระวงศ์ แก้ไขเปลี่ยนแปลงจะได้ถูกต้องตรงกันและเพื่อเป็นมงคลกับชีวิตของนางในภายภาคหน้า”รัชทายาทต้าโจวรับสั่งพร้อมสอดพระหัตถ์ไปที่ชายแขนเสื้อกว้างพร้อมดึงม้วนผ้าแพรออกมานำถวายให้แก่พระราชบิดา
หยางหลงฮ่องเต้ทรงคลี่ผ้าแพรผืนน้อยซึ่งปรากฏชื่อใหม่พระชายาเอกของพระโอรส
“เว่ยหลินหลาง”รับสั่งชื่อดังกล่าวสุรเสียงเบาก่อนจะเงยพระพักตร์ขึ้นทอดพระเนตรรัชทายาทของพระองค์
“ดูท่าเจ้ารักมั่นต่อชายาผู้นี้ยิ่งนักทั้งที่ก็ไม่เคยพานพบกันมาก่อน เหตุใดจึงแสดงท่าทีราวกับว่าห่วงใยหรือร้อนใจทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับนางหรือว่าเจ้าทั้งสองเคยรู้จักกัน”รับสั่งถามกลับไปด้วยความสงสัยระคนอยากรู้
และคำถามของพระบิดาทำให้โจวหยางเย่วยืนนิ่งไปชั่วขณะ ด้วยจดจำคำเตือนของหอดวงดาวเป็นอย่างดีก่อนจะเดินทางออกจากสถานที่ดังกล่าว หากจะกล่าวกันตามความเป็นจริงแล้วพระองค์ก็ทรงจดจำไม่ได้แล้วว่าหอดวงดาวตั้งอยู่ในหุบเขาลึกตรงจุดไหนกันแน่ก่อนจะตัดสินใจมีรับสั่งออกไป
“หลิงเหลียนเป็นนางในฝันของลูกพ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ ลูกฝันเห็นนางมานานมากแล้วแรกเริ่มเดิมทีฝันเห็นแต่ชื่อไม่รู้แซ่และวงศ์วานจนกระทั่งเห็นชื่อของนางในรายชื่อคัดเลือกตัวเป็นพระชายา จึงเลือกนางทันทีและก็ไม่ผิดไปจากที่คิดเป็นนางที่อยู่ในความฝันของลูกจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ”รัชทายาทหนุ่มต้องยกหาเหตุผลที่เหนือความคาดหมายมาอธิบายเพื่อตัดปัญหาที่จะติดตามมา
“นางในฝันของเจ้าอย่างนั้นเหรอ”หยางหลงฺฮ่องเต้รำพึงออกมาทันที
ด้วยเพราะพระองค์ก็เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนั้นมาก่อนเช่นกัน เพราะในอดีตเมื่อครั้งต้องเข้าพิธีอภิเษกสมรสหยางหลงฮ่องเต้ไม่สามารถจะเลือกเฟ้นพระชายาตามแรงปรารถนาของพระองค์ได้ ด้วยเพราะพระพันปีทรงเลือกธิดาจากสกุลหวังเอาไว้ให้แล้วซึ่งก็คือหวังลี่จิน ฮองเฮาองค์ปัจจุบัน
ในขณะที่นางในฝันที่ทรงรักอย่างท่วมท้นหัวใจคืออันฟูหรง พระมารดาของอดีตรัชทายาทโจวลี่หยางคือหญิงงามที่อยู่ในความฝันและได้พานพบกันด้วยความบังเอิญก่อนจะเข้าพิธีอภิเษกเช่นเดียวกัน แต่หยางหลงฺฮ่องเต้ไม่อาจทำตามหัวใจได้แต่อย่างใด
ด้วยเหตุนี้จึงเป็นสาเหตุทำให้พระองค์ทรงอนุญาตให้พระโอรสได้มีโอกาสคัดเลือกพระชายาเอกเป็นครั้งแรกในรอบ200กว่าปีที่ฮองเฮาจะต้องมาจากสกุลหวังมาโดยตลอดเป็นผลสืบเนื่องมาจากที่พระองค์ไม่อาจยกอันฟูเหรินให้มาอยู่ในตำแหน่งสูงสุดเป็นแม่ของแผ่นดินเคียงข้างพระวรกายได้
ครั้นอันฟูเหรินทรงประสูติองค์ชายใหญ่โจวลี่หยาง จึงทำให้หยางหลงฮองเต้มีช่องทางที่จะยกฐานะอันฟูเหรินขึ้นสู่จุดสูงสุดในชีวิตเมื่อพระโอรสได้นั่งบัลลังก์ปกครองแทนพระองค์ ซึ่งนางจะอยู่ในตำแหน่งพระพันปีผู้กุมอำนาจสูงสุดของวังหลังแต่แล้วก็ต้องล่มสลายไปโดยพลัน
เมื่อมีการทำนายด้วงชะตาบ้านเมืองและตรวจสอบดวงชะตาขององค์ชายทุกพระองค์อีกครั้งภายหลังจากที่หวังฮองเฮามีพระประสูติกาลพระโอรสของพระนางออกมา
ครั้งนั้นโหรหลวงทำนายดวงชะตาองค์ชายใหญ่โจวลี่หยางว่าเป็นดาวแห่งหายนะ จะทำให้แคว้นต้าโจวล่มสลายอยู่ภายใต้การปกครองของแคว้นอื่น
แม้พระองค์จะทรงไม่ยินยอมทำตามแต่ก็ทนแรงกดดันจากเหล่าขุนนางที่ลงชื่อขับไล่องค์ชายใหญ่ให้ออกจากตำแหน่งนี้ไม่ได้ ซ้ำร้ายยังต้องเนรเทศองค์ชายใหญ่ให้ประทับอยู่ชายแดนเพื่อความปลอดภัยของราชบัลลังก์
ยิ่งมีคำทำนายเกี่ยวกับพระองค์ว่า องค์ชายใหญ่เป็นดาวแห่งอาเพศส่งผลต่อพระชนม์ชีพของพระบิดาและพระมารดาตลอดจนถึงราชบัลลังก์ของต้าโจว ประกอบกับทรงเชื่อและศรัทธาลิขิตของสวรรค์ พระองค์จึงมีพระบัญชาปลดองค์ชายใหญ่ออกจากตำแหน่งรัชทายาทแห่งต้าโจวและและเนรเทศให้พระโอรสองค์น้อยไปประทับอยู่แต่ชายแดนห้ามหวนคืนวังหลวงตราบชั่วชีวิต
พระพักตร์ของฮ่องเต้ต้าโจวในชันษาปีที่ 49 เริ่มมีริ้วรอยปรากฏขึ้นบริเวณหางตาและหน้าผากเห็นได้อย่างชัดเจน พระเกศาสีดำสนิทมีสีขาวแซมขึ้นเป็นหย่อมๆ แต่พระองค์กลับไม่ทรงไว้หนวดเครายาวเพื่อแสดงอำนาจของวิถีแห่งบุรุษผู้กล้าตามยุคสมัยดังกล่าว หยางหลงฮ่องเต้เข้าพระทัยของพระโอรสเป็นอย่างดีว่ามีความรู้สึกเช่นไร
“ในเมื่อต้องการเช่นนั้นพ่อก็จะอนุญาตให้เจ้านำชายาเข้ามาพำนักในวังหลวง”หยางหลงฮ่องเต้มีรับสั่งอนุญาตท่ามกลางความดีพระทัยของพระโอรสเมื่อได้ยินเช่นนั้น สองมือยกขึ้นประสานเข้าหากันทันทีเพื่อวถายคำนับพระราชบิดา
“ลูกขะ...”รัชทายาทยังไม่ทันที่จะมีรับสั่งสิ่งใดออกมาพลันเสียงหนึ่งก็ดังแทรกขึ้นมาทันที
“แต่แม่ไม่อนุญาต!!!”สุรเสียงของหวังฮองเฮาแผดก้องขึ้นมาทันทีพร้อมพระวรกายรีบก้าวเข้ามาพระตำหนักทรงงาน
หวังฮองเฮารีบเสด็จมาที่ตำหนักทรงงานของพระสวามีทันทีเมื่อได้รับรายงานว่า พระโอรสจะนำพระชายาเข้ามาพำนักในเขตวังหลวงเพราะหากนำนางเข้ามาอยู่ในเขตพระราชฐานชั้นใน การลอบสังหารบุตรีราชครูย่อมไม่สามารเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน หากลงมือฆ่านางในเขตวังหลวงแน่นอนว่าทุกคนย่อมพุ่งเป้ามาที่หวังฮองเฮาอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะทุกสิ่งอยู่ในความดูแลของวังหลังทั้งหมดซึ่งเป็นอำนาจของพระนาง
“ทำไมรึฮองเฮา”หยางหลงฮ่องเต้รับสั่งถามกลับไป
หวังฮองเฮาหยุดยืนทอดพระเนตรพระโอรสที่เป็นสายเลือดของพระนางเพียงหนึ่งเดียวด้วยความขุ่นเคืองมิคลาดครา ด้วยพระโอรสไม่ได้ดั่งพระทัยแม้แต่น้อยก่อนจะหันกลับไปมีรับสั่งกับพระสวามี
“ฝ่าบาทหลงลืมไปแล้วหรือเพคะว่าวังหลังทั้งหมดหม่อมฉันเป็นผู้รับผิดชอบดูแล จะต้องได้รับความเห็นชอบของหม่อมฉันด้วยซึ่งเรื่องนี้ไม่ต้องถามก็จะต้องทรงล่วงรู้ดี แม้ว่าเว่ยหลิงเหลียนจะได้รับการแต่งตั้งเป็นพระชายาของรัชทายาทแล้วก็ตามแต่การจะเข้ามาพำนักถึงเขตพระราชฐานชั้นในได้และอาศัยอยู่ในตำหนักที่จัดไว้ให้ ก็ต้องอภิเษกให้เรียบร้อยเสียก่อนเพียงแค่รั้งรอเวลาเพียงไม่กี่เดือนเหตุใดจึงรอไม่ได้”หวังฮองเฮารับสั่งพลางทอดพระเนตรพระโอรสเขม็ง
ในขณะที่หยางหลงฮ่องเต้ก็ได้แต่ถอนพระทัยออกมาเบาๆ หากจะกล่าวตามความเป็นจริงแล้วอำนาจของวังหลังเป็นของฝ่ายในซึ่งหวังฮองเฮาเป็นผู้ดูแล ดังนั้นหากพระองค์มีพระบัญชาออกไปก็จะเป็นการกระทำที่ไม่ไว้หน้าผู้เป็นใหญ่แห่งวังหลังที่กำลังโมโหพระโอรสของตัวเองเป็นฝืนเป็นไฟอยู่ในเวลานี้
“แล้วเจ้าคิดเห็นอย่างไรฮองเฮากับการที่ลูกจะนำชายาเข้ามาพำนักในวังหลวงเพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดฝันอาจจะเกิดขึ้นซ้ำรอยขึ้นมาได้อีก”หยางหลงฮ่องเต้รับสั่งถามกลับไป
ครั้นหวังฮองเฮาได้ยินเช่นนั้นพระนางหันกลับไปทอดพระเนตรพระสวามีทันทีพร้อมมีรับสั่ง
“หากฝ่าบาททรงอนุญาตให้เว่ยหลิงเหลียนเข้ามาพำนักในวังหลวง ทรงตรองดูเถิดเพคะว่าจะต้องพบกับคำถามมากมายอย่างไรบ้างที่จะเกิดขึ้นตามมา หากพระชายารองและอนุชายาอีกสองนางต่างเรียกร้องขึ้นมาเช่นกัน พวกนางจะยกข้ออ้างและต้องการเข้ามาพำนักในเขตพระราชวังหลวงก่อนหมายกำหนดการตามที่ราชสำนักกำหนดเอาไว้นะเพคะ”
รับสั่งของพระมารดาทำให้รัชทายาทโจวหยางเย่วหวนคิดถึงข้อผิดพลาดดังกล่าวขึ้นมาได้
“หากฝ่าบาททรงอนุญาตให้พระชายาเอกเข้ามาได้ พวกนางจะเรียกร้องว่าชายาเอกเข้ามาได้พวกนางก็เป็นชายาและอนุชายาที่ได้รับการคัดเลือกเช่นกัน และจะทำให้หม่อมฉันเสียระบบการปกครอง หากเป็นเช่นนั้น อีกหน่อยวังหลังก็จะไม่มีผู้ใดยำเกรงนึกอยากจะเข้ามาอยู่เมื่อไรก็ได้ ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดข้อครหาใดๆ หรือเป็นสาเหตุที่จะก่อให้เกิดความยุ่งยากเกิดขึ้น ขอฝ่าบาทคงวิธีปฏิบัติเช่นเดิมด้วยเถิดอย่างไรเสียเว่ยหลิงเหลียนก็ต้องได้เข้าวังหลวงในฐานะพระชายาเอกหาได้เปลี่ยนแปลงเป็นผู้อื่นเสียหน่อย”
รับสั่งของหวังฮองเฮาทำให้ทั้งพ่อและลูกต่างหันกลับมามองพร้อมกัน ด้วยรับสั่งดังกล่าวล้วนถูกต้องไม่อาจโต้แย้งได้เพราะหากยังฝืนทำใช่ว่าจะเป็นผลดีรังแต่จะเป็นผลเสียต่อทุกฝ่าย รัชทายาทหนุ่มยกสองพระหัตถ์ประสานเข้าหากันพร้อมก้มคำนับพระมารดา
“ขอเสด็จแม่ได้โปรดอภัยให้ลูกด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ ที่ไม่ทันไตร่ตรองข้อผิดพลาดที่จะเกิดขึ้นตามหลังมา เพื่อไม่ให้ฝ่ายในเกิดความวุ่นวายและข้อครหาใดซึ่งจะสะเทือนถึงการปกครองวังหลังของเสด็จแม่ ลูกน้อมรับและจะปฏิบัติตามรับสั่งเช่นเดิมขอเพียงอย่างเดียวชายาเอกของลูกจะต้องเป็นบุตรีของราชครูเว่ยอี้เท่านั้น สตรีอื่นลูกไม่เอา!”โจวหยางเย่วรับสั่งตอกย้ำออกไป
ท่ามกลางแรงพิโรธแม้จะยากเกินกว่าที่จะระงับเอาไว้ได้แต่หวังฮองเฮาก็ทรงพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อไม่ให้เสียการใหญ่ในแผนการที่กำลังวางเอาไว้ได้แต่ฝืนพระทัยยิ้มเหยียดออกมา
“แม่ไม่บังอาจร้องขอเสด็จพ่อเปลี่ยนตัวพระชายาเอกของเจ้าเป็นสตรีอื่นหรอก ในเมื่อนางไม่ได้ตายเสียหน่อยตำแหน่งก็ยังคงอยู่เช่นเดิม ชายารองและอนุชายาทั้งสองก็ต้องอยู่ในตำแหน่งของพวกนางไปก็เท่านั้น แม่คร้านที่จะขัดขวางเจ้าแล้วเพราะเหนื่อย!!”หวังฮองเฮารับสั่งประชดก่อนจะเสด็จไปยังตั่งตรงพระพักตร์สำหรับเสวยชาก่อนจะกระแทกพระวรกายลงนั่งอย่างไม่สบอารมณ์
หยางหลงฮ่องเต้ได้แต่ส่ายพระพักตร์ไปมาด้วยความระอาครั้นทรงได้ยินรับสั่งของหวังฮองเฮาเมื่อสงครามระหว่างแม่กับลูกและลูกสะใภ้จบลงได้ด้วยดี
“เสด็จแม่ของเจ้ายอมถอยให้แล้ว เช่นนั้นก็อย่าดื้อดึงอีกต่อไปจงทำตามขั้นตอนที่ถือปฏิบัติมา เพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวายขึ้นเย่วเอ๋อ เจ้าจะต้องนั่งบัลลังก์ต้าโจวต่อจากพ่อ ดังนั้นเหล่าชายาและอนุชายาทั้งหลายต้องปกครองให้ได้พยายามให้พวกนางสามัคคีกัน ถ้าไม่สามารถเข้ากันได้อย่างน้อยก็ต่างคนต่างอยู่ไม่ต้องเกี่ยวข้องกันจะได้ไม่มีเรื่องให้หนักใจตามหลัง”รับสั่งกับพระโอรสแต่แฝงเร้นความนัยบางอย่างเอาไว้
ในขณะที่หวังฮองเฮาล่วงรู้ดีว่าพระสวามีมีรับสั่งกระทบถึงพระนางด้วยเช่นกัน หากแต่ทำได้แต่เพียงคลี่พัดที่อยู่ในพระหัตถ์กระพือขึ้นลงอย่างเร็วตามอารมณ์โกรธเกรี้ยวของพระนาง
“ลูกน้อมรับพระบัญชาเสด็จพ่อและขอขอบพระทัยเสด็จแม่พ่ะย่ะค่ะที่เข้าพระทัยไม่บังคับฝืนใจลูกอีกต่อไป หากเป็นเช่นนั้นลูกก็จะขออนุญาตเสด็จพ่อเสด็จแม่ ไปแวะเยี่ยมเยียนและคอยดูแลพระชายาที่จวนของนางแทนการนำมาพำนักอยู่ในวังหลวงจนกว่าจะถึงวันประกอบพิธีอภิเษกสมรสครั้งที่สองพ่ะย่ะค่ะ”
“ตามใจเจ้าเถิด”หยางหลงฮองเต้รับสั่งอนุญาต
ฮ่องเต้ต้าโจวเหลือบสายพระเนตรไปที่หวังฮองเฮาที่กำลังโหมกระพือพัดขึ้นลงไปมาอยู่ในขณะนั้นพลางส่งสัญญาณบุ้ยใบ้ให้พระนางมีรับสั่งกับพระโอรส
หวังฮองเฮาจึงแสร้งทำตาประหลับประเหลือกอย่างไม่สบอารมณ์เสียเท่าไรเพื่อให้แนบเนียน
“อยากทำอะไรก็ทำ!”หวังฮองเฮารับสั่งสุรเสียงประชดพร้อมหันพระพักตร์ทำทีทอดพระเนตรไปทางอื่น
รอยแสยะยิ้มเหยียดพลันปรากฏขึ้นอยู่บนพระพักตร์ของหวังฮองเฮาเมื่อพระนางสามารถทำให้พระโอรสใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่นอกวังหลวง แม้ว่าจะห่วงความปลอดภัยรัชทายาทมากก็ตามแต่เพื่อให้แนบเนียนจำเป็นต้องทำ ลูกสะใภ้ที่พระนางไม่ต้องการจะต้องถูกกำจัดสถานเดียวเท่านั้น ลูกสะใภ้จะต้องมาจากสกุลหวังเพื่อสืบฐานอำนาจต่อไป
“อย่าหวังเลยว่านางเด็กคนนั้นจะมีโอกาสเข้ามาในวังหลวงนั่งชูคอแย่งอำนาจของข้าไป! เพราะสกุลหวังเท่านั้นที่จะครอบครองอำนาจวังหลวงนี้ทั้งหมดรวมไปถึงกองทัพอีกครึ่งแผ่นดินก็จะต้องตกอยู่ในกำมือของข้าสืบลูกชั่วหลาน!!!”หวังฮองเฮารับสั่งอยู่ในพระทัยพระเนตรลุกวาววับเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมยิ่งนัก