อย่ามายุ่งกับฉัน

1763 Words
ออกจากห้องพักผู้ป่วยของพี่ชายมาแล้วจันทร์เจ้าขาก็พยายามติดต่อเข้าเบอร์วาวพลอยแต่ไม่มีคนรับสาย หญิงสาวต่อเข้าที่เบอร์คอนโดมิเนียมใจกลางเมืองที่พี่ชายเคยซื้อให้สมัยเรียนมหาวิทยาลัยซึ่งอาทิตยะปล่อยให้คนเช่ามาตลอดสองปีหลังจากที่หล่อนเรียนจบมาและทำงานที่บ้าน... ตอนนี้คงไม่มีคนเช่าแล้วอาทิตยะถึงพาวาวพลอยไปอยู่ที่นั่นได้ หรือไม่ที่นั่นก็เป็นจุดนัดพบระหว่างพี่ชายหล่อนกับวาวพลอยมานานแล้วโดยที่หล่อนไม่มีโอกาสรู้... แม้จะคิดเช่นนั้นแต่ตอนนี้หญิงสาวไม่โกรธทั้งคู่แล้ว เพียงแต่กำลังครุ่นคิดว่าทั้งคู่จะหาทางออกที่จะเป็นทางที่ดีที่สุดอย่างไรเท่านั้น หญิงสาวย่นคิ้วเมื่อพนักงานต้อนรับของคอนโดมิเนียมหล่อนบอกว่าไม่มีคนอยู่ในห้องที่จะรับสาย... หรือว่าวาวพลอยจะไม่รู้ว่าหล่อนรู้เรื่องทั้งหมดและไม่ยอมรับสายหล่อน... จันทร์เจ้าขาส่งข้อความหาวาวพลอยเพื่อบอกให้แน่ชัดก่อนที่หล่อนจะไปหาวาวพลอยเพราะกลัววาวพลอยจะหลบออกไปจากห้องเมื่อมีคนที่ไม่ใช่อาทิตยะติดต่อไปหา... “ยายพลอย แกอยู่ไหน รู้ไหมว่าพี่ชายแกตามหาแกจนเกิดเรื่องใหญ่แล้ว บอกมาว่าแกอยู่ไหนฉันกำลังจะไปหาแก รับสายฉันด้วย” หญิงสาวส่งข้อความไปแล้วก็เดินออกมาจากแผนกผู้ป่วยใน ขณะที่กำลังจะเดินไปที่ลานหน้าโรงพยาบาลเพื่อเรียกแท็กซี่ก็มีสายเรียกเข้าจากวาวพลอยจันทร์เจ้าขาจึงรีบกดรับทันที... “แกอยู่ที่ไหน ฉันโทรไปหาทำไมไม่รับสาย” หญิงสาวถาม... ปลายสายเงียบไปสักพักก่อนจะตอบ... “หันหลังมาสิ แล้วจะได้รู้ว่าอยู่ที่ไหน” เสียงเย็นเยียบ ฟังแล้วหนาวจนขนลุก ตัวหล่อนเย็นเฉียบราวกับว่ายืนอยู่ท่ามกลางอุณหภูมิติดลบของแถบขั้วโลก... เพราะอะไรนะหรือ... ก็เพราะว่าเสียงที่ตอบรับมานั้นมันเป็นเสียงของคมเพชร... จันทร์เจ้าขาหันกลับไปมองช้าๆ แล้วก็เห็นเขายืนพิงรถเบนซ์สีดำสนิทของเขาอยู่... คมเพชรจ้องหล่อนด้วยสายตาเยือกเย็นเหมือนเสียงพูดของเขาไม่มีผิด เขารู้หมดแล้วสินะ... เมื่อขายาวๆ ของเขาก้าวเดินเข้ามาหาหล่อน จันทร์เจ้าขาก็รีบกดลบข้อมูลการโทรออกของหล่อนในทันทีเพราะจะไม่ยอมให้เขาได้รู้ว่าหล่อนโทรไปหาวาวพลอยที่ไหนบ้าง... “ฉลาดอีกตามเคยนะ พระจันทร์” เขาทันเห็นว่าหล่อนทำอะไร จึงไม่คิดดึงโทรศัพท์จากหล่อนไปเช็คเพราะคิดว่าคงไม่ได้ข้อมูลอะไรจากในนั้น... ที่เขาจะพอคาดคั้นเอาคำตอบได้ ก็คงจะเป็นตัวหล่อนเอง... “อย่ามายุ่งกับฉัน” หญิงสาวถลึงตาใส่เขา... เกลียดคำพูดที่ทำเป็นเหมือนคุ้นเคยกับหล่อนดีนั่นเหลือเกิน... “ผมไม่ได้อยากยุ่งกับคุณเลย... ตอนนี้สิ่งเดียวที่ผมต้องการคือน้องสาวผม... ยายพลอยจะแต่งงานอาทิตย์หน้าแต่หายตัวไป... จะปากแข็งบอกว่าไม่มีส่วนรู้เห็นไปถึงไหน” คมเพชรกอดอก ใบหน้าคมเข้มของเขาจ้องหน้าหล่อน จันทร์เจ้าขาปั้นหน้าแทบไม่ถูก... มือไม้สั่นไปหมด หล่อนไม่เคยโกหกผิดก็ว่าตามผิด แต่ครั้งนี้หล่อนพูดความจริงไม่ได้จริงๆ “ฉันบอกแล้วว่าคุณต้องขอโทษที่ปรักปรำพวกฉัน เราไม่มีส่วนรู้เห็น” พยายามบอกเสียงแข็ง ใบหน้าหวานเชิดขึ้นอย่างทระนง... “งั้นเหรอ” เสียงถามเย้ยหยัน “แล้วเมื่อกี้ที่ส่งข้อความและก็โทรหายายพลอยล่ะ...” “ฉันเห็นพวกคุณตามหาก็เลยอยากรู้ว่าเพื่อนอยู่ที่ไหน” หล่อนรีบตอบ... คมเพชรเบือนหน้าจากหล่อนแล้วก็หัวเราะไม่ใช่แบบรื่นเริงหากแต่หัวเราะเหี้ยมๆ เหมือนพยายามหักห้ามใจตัวเองไม่ให้บีบคอหล่อนมากกว่า... หล่อนรู้ว่าคนแบบเขาไม่ชอบให้ใครเถียงทำดื้อตาใสใส่ แต่ทำยังไงได้ล่ะ... “แล้วคุณจะเสียใจที่พวกคุณทำอย่างนี้” เขาหันมาบอกเสียงเย็นเยียบ แล้วก็เดินกลับไปที่รถ... จันทร์เจ้าขารีบเดินออกมาตรงนั้น มือบางกุมหน้าอกตัวเองแน่นเพราะหัวใจเต้นระรัวหนักหน่วง... ไม่รู้ว่ามันเกิดเพราะตื่นเต้นหวาดหวั่นที่ได้พบเขาใกล้ๆ อีกครั้ง หรือว่าหล่อนกำลังกลัวที่โกหกกันแน่... จันทร์เจ้าขาโบกแท็กซี่ไปที่ห้างสรรพสินค้ากลางเมืองใกล้ๆ คอนโดมิเนียมเพราะไม่รู้ว่าคมเพชรจะตามหล่อนหรือเปล่า หล่อนเดินทะลุห้างสรรพสินค้าและไปขึ้นรถไฟฟ้าสถานีที่ใกล้คอนโดมิเนียมแล้วมองซ้ายมองขวาอย่างหวาดระแวง เห็นว่าไม่มีใครแล้วหล่อนก็เดินเข้าคอนโดมิเนียมไป... พนักงานของนิติบุคคลที่ดูแลห้องพักให้หล่อนยังเป็นชุดเดิมเมื่อตอนที่หล่อนเคยพักที่นี่จึงจำหล่อนได้หญิงสาวได้กุญแจสำรองและขึ้นไปที่ห้องพักเร็วเท่าใจนึก “ยายพลอย” เสียงเรียกคนที่มาเปิดประตูให้ระโหยโรยแรงมาก เพราะเหนื่อยและมีความขลาดกลัวมาบีบเค้นหัวใจเหลือเกิน... “เข้ามาก่อน พี่รพีบอกแล้วว่าพระจันทร์จะมา” “เรามีเรื่องต้องคุยกัน” จันทร์เจ้าขาบอกเพื่อนเสียงเข้มก่อนจะเดินตามสาวสวยร่างอรชรอ้อนแอ้นเข้าไป... วาวพลอยเพื่อนของหล่อนเป็นดาวคณะ ความสวยของหญิงสาวเป็นที่เล่าลือกันทั่วมหาวิทยาลัยแต่ใครต่อใครต่างก็เสียใจเมื่อรู้ว่าหญิงสาวเป็นคู่หมั้นคู่หมายของน้ำเงิน เพื่อนพี่ชายของเจ้าตัวเอง... จันทร์เจ้าขาจำได้ว่าวาวพลอยโอดครวญเสมอว่าการหมั้นของหล่อนกับน้ำเงินเป็นสิ่งที่พี่ชายของหล่อนบีบบังคับให้หมั้น หล่อนเองไม่มีปากไม่มีเสียงอะไรต้องทำตามอย่างเสียไม่ได้ ตั้งใจจะหมั้นแล้วไม่ยอมแต่งงาน แต่เมื่อเรียนจบมาแล้วสองปี วาวพลอยยังไม่สามารถถอนหมั้นได้วันแต่งงานของหล่อนก็ใกล้เข้ามาถึงแล้ว วาวพลอยพูดเสมอว่ารักน้ำเงินแบบพี่ชายแต่ก็ยังไม่อยากเชื่อว่าวาวพลอยจะหาวิธีหนีการแต่งงานได้อย่างแยบยลเช่นนั้น... อาหารหลายเมนูของร้านเดลิเวอรี่ที่สั่งมาทานที่บ้านได้ยังไม่ได้ถูกทานให้หมด เห็นได้ชัดว่าวาวพลอยกำลังทานมื้อกลางวันอยู่... ในใจก็คิดสงสารเพื่อนที่ต้องมาตกระกำลำบากหลบซ่อนแล้วยังต้องมาทานอาหารที่ปรกติเจ้าตัวไม่มีวันกินแน่ เพราะความรักที่พี่ชายหล่อนกับเพื่อนของหล่อนมีให้กันอย่างนั้นหรือ... จันทร์เจ้าขาจะให้มันยุติลงตรงนี้ได้ยังไง เมื่อเห็นทั้งสองต่อสู้ไปด้วยกันขนาดนี้... “ทานข้าวมาหรือยัง... ทานด้วยกันไหม... เราสั่งมาตั้งหลายอย่าง ตอนหิวมันหน้ามืดมาก ทั้งพิซซ่า แมค เคเอฟซี เราสั่งสามที่เลย จ้างพี่นิติบุคคลรับแล้วเอามาให้ที่ห้อง” วาวพลอยบอกยิ้มๆ ตามแบบที่เป็นคนที่สดใส อารมณ์ดีเสมอ ยิ่งกับเพื่อนสนิทอย่างจันทร์เจ้าขาหล่อนก็อารมณ์ดีและยิ้มได้ตลอดไม่เคยโกรธโทษหรือว่าโมโหเลย จันทร์เจ้าขาจึงได้ผ่อนคลายความเครียดลงไปด้วยอีกคน... ตอนนี้สติเท่านั้นที่จะแก้สถานการณ์และรับมือกับคมเพชรได้ “จ้ะ พลอยทานไปเถอะ สั่งมาเยอะเชียว แต่เมื่อก่อนพลอยไม่ทานของแบบนี้นี่” “ไก่ทอดกับพิซซ่านี่เหรอ... ก็ใช่นะ... พลอยอยากทานมาตั้งแต่ตอนเริ่มแพ้ท้องแล้วล่ะ พระจันทร์รู้แล้วใช่ไหมว่าพลอยท้องกับพี่รพี” วาวพลอยถามลองเชิง... “อืม เรารู้แล้วล่ะ...” “โกรธเราหรือเปล่า ท่าทางพระจันทร์เครียดมากเลยนะ” วาวพลอยทานไปถามไป... คนที่กินอะไรไม่ลงตอนแรกเห็นเพื่อนทานอย่างเอร็ดอร่อยก็หยิบมาทานบ้างเพราะตั้งแต่เช้าก็ไม่ได้ทานอะไรเลยเช่นกัน... “ไม่ได้โกรธหรอก... แต่ตกใจมากกว่า... พลอยจะแต่งงานอีกไม่กี่วันอยู่แล้ว แต่พี่ชายกับคู่หมั้นมาตามหาไม่พอ เรายังเพิ่งรู้ว่าพลอยกับพี่ชายเราคบกันมาตั้งนานแล้ว แถมตอนนี้ท้องอีก... ช็อกจนทำอะไรไม่ถูกทีเดียวล่ะ” “อืม... มันก็พูดยาก เราไม่อยากแต่งงานตั้งแต่แรกมีความอยากต่อต้านด้วยส่วนหนึ่ง เราคิดไว้ตั้งแต่ตอนที่หมั้นแล้วว่า ถ้ามีงานแต่ง เราจะไม่คัดค้าน ปล่อยให้จัดงานทุกอย่างไป แต่ว่าเราจะไม่เข้าพิธี จะหนีให้ไกลสุดขอบโลก ถ้าเกิดหนีไม่ได้ก็จะฆ่าตัวตาย” “อย่าพูดอย่างนั้นสิ” จันทร์เจ้าขาห้ามปรามเพื่อน... “คิดต่อต้านอย่างนี้ทำไมไม่บอกเขาแต่แรก ว่าไม่อยากแต่ง” “คิดว่าไม่บอกหรือไง... บอกจนปากเปียกปากแฉะ กับพี่น้ำเงินเราก็แสดงออกตลอดว่าไม่รัก แต่เขาคิดว่าหลังแต่งงานกันไปแล้วจะรักกันได้ เราก็จนปัญญา เรารักพี่รพีมาตั้งแต่สมัยมาเจอพี่รพีที่บ้านนี้ตอนมาหาพระจันทร์ตั้งแต่มัธยมแล้ว... กว่าพี่รพีจะยอมรับความรักของเราแล้วก็คบกันจนมาขนาดนี้ เราคงไม่ยอมให้มันจบลงหรอก เรากับพี่รพีสัญญาแล้วว่าจะต่อสู้จนพี่คมเพชรกับพี่น้ำเงินยอมรับ... เราขอโทษพระจันทร์มากนะที่ปิดบังมาตลอดทั้งที่คนแรกที่ควรจะรู้เรื่องของเรากับพี่รพีคือพระจันทร์” “ฮื่อ... พลอยไม่ต้องรู้สึกผิดหรอก มันผ่านมาแล้ว พลอยทานให้อิ่มก่อนเถอะ... แล้วค่อยมาคุยกันเรื่องหาทางออก” จันทร์เจ้าจาวางมือบนหลังมือเพื่อนอย่างปลอบโยน อีกมือหนึ่งเลื่อนกล่องซีซาร์สลัดและก็สลัดทูน่าจากร้านไก่ทอดร้านดังไปใกล้เพื่อน... “ทานของที่มีประโยชน์เยอะๆ ด้วย ทานแต่อาหารขยะระวังจะอ้วนเป็นตุ่มนะ” “จ้ะ... งั้นพระจันทร์ก็ช่วยเราทานพิซซ่าด้วย ของโปรดพระจันทร์นะ” วาวพลอยเลื่อนถาดพิซซ่าที่มีชีสมากเป็นพิเศษให้เพื่อนให้ช่วยกันทานเพราะของมากมายที่สั่งมาเพราะหิว ทานคนเดียวไม่หมดแน่ โชคดีที่พระจันทร์มาได้จังหวะพอดี...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD