จันทร์เจ้าขาตั้งใจกลับมาทำงานต่อหลังจากกลับมาแล้ว... ยังมีเพื่อนทำงานอีกหลายคนที่นั่งวาดสตอรีบอร์ดของงานโฆษณานมสดรสกล้วยที่กำลังเป็นที่นิยมซึ่งติดต่อบริษัทมาเพื่อทำโฆษณาแนววัยรุ่นเพื่อดึงดูดกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย... บริษัทสกายเป็นบริษัทเล็กๆ ที่กำลังเป็นที่พูดถึง และมีงานเข้ามาเรื่อยๆ บริษัทใหญ่ๆ ก็เข้ามาติดต่อเพิ่มมากขึ้นหลังจากที่โฆษณาหลายชิ้นติดตลาด และคำพูดในโฆษณายังเป็นที่พูดถึงและเป็นวลีที่นิยมพูดกัน
การแข่งขันในวงการโฆษณาค่อนข้างสูง แต่พื้นที่ในการทำงานก็ขยายกว้างมากขึ้นทำให้มีงานเข้ามาอยู่เสมอๆ และทำรายได้ให้กับบริษัทมาก อาทิตยะและจันทร์เจ้าขาทำงานที่บริษัทสกายเป็นหลัก ส่วนน้องสาวคนสุดท้องมุ่งเน้นทางเข้าวงการมากกว่าซึ่งพี่ชายกับพี่สาวก็สนับสนุนเป็นอย่างดีแม้ว่าจะค่อนข้างเป็นห่วงอยู่บ้าง แต่ต่างคนต่างโตและรับผิดชอบตัวเองได้แล้วจึงไม่มีการก้าวก่ายเพราะรัศมีดาราก็รู้หน้าที่และปฏิบัติตัวดีเป็นน้องสาวที่น่ารักเสมอมา...
อย่างวันนี้รัศมีดาราค่อนข้างกลับบ้านดึกทั้งที่ดูคิวถ่ายที่น้องสาวเคยให้มานั้นรัศมีดาราทำงานถึงแค่ช่วงเย็น จันทร์เจ้าขาก็ไม่ได้โทรตามหาน้อง แต่ส่งข้อความสอบถามน้องสาวแทนว่าอยู่ไหนทำไมกลับบ้านช้านัก น้องสาวยังไม่ได้ตอบข้อความกลับมาแต่เห็นว่าเจ้าตัวอ่านแล้วและคิดว่าคงรู้แล้วว่าหล่อนเป็นห่วง จันทร์เจ้าขาทำงานต่อไป พอเงยหน้าจากจอคอมพิวเตอร์มาอีกทีก็เห็นว่าน้องสาวกลับมาแล้ว
“พี่อาร์ตมาส่งหรือเปล่าดารา...ทำไมไม่ชวนมานั่งทานข้าวทานปลากันก่อนล่ะ” จันทร์เจ้าขาลุกไปหาน้องสาวที่เดินเข้ามา ปรายตาไปมองที่รถยนต์ที่เพิ่งถอยจากลานจอดหน้าบริษัทไปแล้วก็ขมวดคิ้วเมื่อไม่ได้เป็นรถสปอร์ตของพี่อาร์ตผู้จัดการส่วนตัวของรัศมีดาราที่มักมาส่งหล่อนด้วยตนเองในช่วงแรกที่รัศมีดาราทำงาน แต่วันนี้กลับเป็นรถเบนซ์สปอร์ตสีดำคุ้นตาแทนที่เพิ่งเลี้ยวถอยออกไป... จันทร์เจ้าขานิ่วหน้ามองกลับมาที่น้องสาวเห็นช่อดอกกุหลาบนอกสีชมพูหวานช่อใหญ่ในมือของน้องสาวแล้วคิ้วหล่อนก็ขมวดมุ่น...
“ไปไหนมา แล้วช่อดอกไม้นั่นได้มาจากไหนจ๊ะ”
“แหม ถามเสียงเข้มอย่างกับพ่อรอดุลูกตอนเข้าบ้านแน่ะ ดีที่พี่รพีไม่อยู่ไม่งั้นคงผสมโรงด้วยอีกคน... ไม่ได้อ่านข้อความของดาราล่ะสิ ถึงได้ทำท่าตกอกตกใจอย่างนั้น ดาราไม่ได้ไปทานข้าวกับผู้ชายที่ไหนมาหรอกน่า... ดาราแค่ไปดินเนอร์กับพี่คมเพชร เขามาขอโทษกับเรื่องที่เกิดวันนั้นเพราะความเข้าใจผิดของเขากับคุณน้ำเงินแล้วก็เลี้ยงข้าวดารา ไม่ได้มีอะไรเลยค่ะ”
“เขามาขอโทษ” จันทร์เจ้าขาเลิกคิ้วสายตาเคลือบแคลงสุดๆ
เพราะรัศมีดาราไม่รู้อะไร ถึงได้มองคมเพชรในแง่ดีมากๆ รอยยิ้มของน้องสาวตอนที่พูดถึงเขาทำให้จันทร์เจ้าขาถึงกับหัวใจชาหนึบเพราะความหวาดหวั่นที่น้องสาวแสนใสซื่อของหล่อนกำลังชื่นชมเขาอยู่
“ใช่ค่ะ คุณคมเพชรมาขอโทษถึงที่นี่เลย แต่ว่าพี่พระจันทร์กับพี่รพีไม่อยู่ ดาราก็จะออกไปทำงานพอดี เขาเลยไปรับไปส่งดาราแล้วก็พาไปทานข้าว เล่าให้ฟังว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดว่าพี่พลอยมาอยู่ที่บ้านเราแต่จริงๆ ไปอยู่คอนโดเพื่อน ดาราเห็นเขาจริงใจดีเลยไปด้วย อีกอย่างเขาเป็นพี่ชายพี่พลอยด้วย... เลยบอกแทนพี่รพีกับพี่พระจันทร์ไปแล้วว่าเราไม่ได้จะเอาความกับเขาแต่แรกแล้วเพราะเดี๋ยวเขาก็รู้เองว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน”
เพราะตอนแรกที่อาทิตยะไปโรงพยาบาล รัศมีดาราไม่เข้าใจว่าทำไมพี่ชายกับพี่สาวไม่เอาเรื่องคนที่บุกรุกมาทำร้ายร่างกายอย่างอุกอาจที่บ้าน อาทิตยะและจันทร์เจ้าขาบอกน้องสาวอึกอักว่าไม่อยากเอาเรื่องเพราะคนกันเอง แถมเรื่องนี้ยังเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันด้วย เลยปล่อยให้เรื่องเงียบๆ ไปแล้วค่อยมาตกลงกันทีหลังจะยอมความหากว่าเขามาขอโทษ ไม่น่าเชื่อว่าสิ่งที่บอกน้องปัดๆ ไปวันนั้นจะเปิดโอกาสให้คมเพชรได้มาใกล้ชิดกับรัศมีดาราได้...
จันทร์เจ้าขาถอนหายใจ... พยายามใจเย็น แม้รู้ว่าคมเพชรกำลังเล่นสงครามประสาทกับหล่อน หล่อนพยายามไม่โมโหน้องสาวหรือว่าต่อว่าอะไรเพราะน้องสาวไม่ได้รู้เรื่องไม่ได้เป็นคนผิด
“แล้วช่อดอกไม้นี้ล่ะ เขาเอามาจีบหรือไง”
“พี่พระจันทร์ก็ว่าไป เขาไม่ได้เอามาจีบหรอกค่ะ เขาถือมาตั้งแต่แรกที่มาที่บ้านแล้ว... เขาจะมาจีบเราทำไมคะ เขามีข่าวกับคุณแหวนลูกนายกรัฐมนตรีโน่น คงจะหมั้นกันหลังงานแต่งงานพี่พลอยนี้แล้วเขาจะมาจีบนางเอกน้องใหม่ปลายแถวอย่างดาราทำไมกันล่ะคะ... ดาราว่าเขาคงตั้งใจเอามาขอโทษคนที่บ้านเรามากกว่าค่ะ... ดาราให้พี่พระจันทร์ดีกว่าไหนๆ เขาก็ตั้งใจเอามาให้คนบ้านเราอยู่แล้วพี่พระจันทร์เองก็เป็นเจ้าของร่วมแต่ดารายกให้หมดเพราะพี่พระจันทร์ชอบดอกกุหลาบสีชมพูมากกว่าดารา ดาราไม่ชอบดอกกุหลาบไม่ชอบสีชมพูด้วย พี่พระจันทร์เอาไปปักแจกันที่ห้องเถอะนะคะ”
น้องสาวยกมือหล่อนมารับช่อกุหลาบ จันทร์เจ้าขารับมาอึ้งๆ
“ดารา... อย่าไปกับเขาอีกนะ”
“ทำไมเหรอคะ” น้องสาวถามพาซื่อ
“เดี๋ยวเป็นข่าวไม่ดี... พี่ไม่อยากให้เรามีชื่อเสียงไม่ดีเข้าใจไหม”
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ เราไม่ได้นัดกันไปไหนอีกสักหน่อย เขาไม่ได้สนใจดาราหรอกน่าดาราดูออก... เขาแค่บอกว่าเจอกันตอนงานแต่งงานพี่พลอยซึ่งเราก็ต้องไปกันอยู่แล้ว... ไม่มีท่าทางอื่นใด พี่พระจันทร์ไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ เราสัญญาแล้วไงว่าเข้าวงการแล้วจะไม่ทำตัวเสียหายให้เป็นข่าวฉาวแน่นอน”
“จ้ะ... พี่เชื่อใจดารา ยังดีที่ไม่ไปเคลิ้มเพราะคารมเขา เพราะรู้ว่าพี่ชายยายพลอยไม่ได้นิสัยดีเหมือนหน้าตาพี่เลยกลัวเราตกหลุมพรางของเขา” จันทร์เจ้าขาบอก ในตาหล่อนมีแววหวาดหวั่นจริงๆ เมื่อนึกคิดว่าน้องสาวหล่อนจะตกหลุมพรางของเขาเหมือนที่หล่อนเคยเป็น
“อย่าเครียดสิคะ ดาราบอกแล้วว่าไม่มีอะไร รู้อย่างนี้ไม่ไปดินเนอร์กับเขาก็ดี” รัศมีดาราหน้าง้ำ คิดว่าสิ่งที่ตัวทำไม่ได้ปิดอะไรเลย หล่อนบริสุทธิ์ใจด้วยจันทร์เจ้าขาจึงเลิกคาดคั้นน้องสาว เพราะรู้ว่าความผิดไม่ได้อยู่ที่รัศมีดารา
“อืมๆ ไม่เครียดจ้ะไม่เครียดไม่ต้องโวยวาย ไปอาบน้ำนอนเถอะไป แต่งหน้าหนาๆ แล้วไม่รีบล้างแบบนี้เดี๋ยวก็หน้าเหี่ยวหรอก” จันทร์เจ้าขารีบไล่น้องสาวไปอาบน้ำพักผ่อน เพราะรู้ว่าเจ้าตัวทำงานมาไม่น้อย...
“ตกลงค่ะ อยากพักผ่อนอยู่เหมือนกัน... วันนี้เป็นซีนอารมณ์ ร้องไห้เป็นสิบๆ รอบผู้กำกับก็ไม่พอใจ น้ำตาเกือบเป็นสายเลือดแน่ะถึงจะผ่านฉากนั้นมาได้ งั้นดาราไปนอนก่อนนะคะ พรุ่งนี้มีถ่ายงานแต่เช้า”
“จ้ะ พักผ่อนเยอะๆ นะ อย่าลืมทานวิตามินที่พี่จัดไว้ให้ด้วยล่ะ”
“ค่ะพี่สาว... พี่พระจันทร์ก็รีบนอนนะคะ อย่ามัวแต่ทำงาน เดี๋ยวตาเป็นหมีแพนด้าเหมือนพี่ๆ ครีเอทีฟหรอกนะคะ...”
จันทร์เจ้าขารับคำน้องสาวแล้วก็ยิ้มน้อยๆ ยามเมื่อน้องสาวกอดแน่นๆ แล้วขึ้นไปชั้นบนเพื่ออาบน้ำพักผ่อน... ตัวหล่อนเองยังต้องทำงานที่ค้างไว้ต่อนิดหน่อยในช่วงกลางคืนเพราะพักหลังๆ ช่วงกลางวันนี้หล่อนมีธุระที่ต้องไปจนไม่มีเวลามาทำงานจึงต้องมานั่งคิดนั่งทำอะไรในช่วงค่ำแทน...
ส่วนช่อดอกกุหลาบนอกแสนสวยถูกยกให้แม่บ้านที่มาดูแลความสะอาดและคอยช่วยดูแลเรื่องอาหารรอบดึกให้เหล่าครีเอทีฟหัวตีบกะดึก แม้ดอกกุหลาบช่อนี้จะเป็นดอกไม้ที่จันทร์เจ้าขาชอบที่สุดและมีไว้บนโต๊ะทำงานแล้วต้องอารมณ์ดีแต่หล่อนก็ไม่อาจเก็บมันไว้ได้เพราะความเกลียดชังน้ำหน้าของเจ้าของเลยทนมองไม่ได้...
หล่อนได้แต่หวังว่าน้องสาวของหล่อนจะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับเขาให้เป็นข่าวหรือว่าต้องเจ็บใจกลับมา... เหมือนที่หล่อนเคยเจ็บ