“อยากทำอะไรก็ทำไปสิคะ จะมารอให้หนูอนุญาตทำ…อื้อออ”
โมนาถึงกับกลืนคำพูดลงคอตากลมเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่ออยู่ดีๆ เอสก็ปลดเข็มขัดนิรภัยตัวเองออกแล้วโน้มตัวมาจูบเธอแบบไม่ทันตั้งตัว แต่แทนที่เธอจะขัดขืนปากของเธอกลับตอบสนองจูบตอบเขาอย่างว่าง่าย ทางด้านเอสเมื่อเห็นโมนาไม่ขัดขืนก็สอดลิ้นเข้าไปในโพรงปากเธอทันทีจากที่จูบแลกลิ้นเบาๆ ก็เปลี่ยนเป็นเร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆ จนโมนาต้องทุบอกเขาไว้เพราะเริ่มหายใจไม่ออก เอสจึงยอมผละจูบออกแต่ก็ยังเอาจมูกถูกับจมูกเธอไปมาอย่างอ่อนโยนทำเอาโมนาถึงกับใจเต้นแรงใบหน้าขาวเนียนเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อด้วยความเขินแต่ก็ไม่ได้ผละหน้าออกจากเขาได้แต่นั่งนิ่งสบตากับเขาอยู่อย่างนั้น
“ถ้าเกิดหนูไม่ห้ามพี่ เราสองคนคงไม่ได้ไปเรียนแน่ หนูทำพี่แทบคลั่งรู้มั้ย เกือบจะจับหนูกินในรถแล้ว”
เอสพูดขึ้นเสียงกระเส่าเพราะตอนนี้อารมณ์ของเขากำลังพลุ่งพล่านจนแทบจะคุมตัวเองไม่อยู่
“งืออ ถอยไปเลยนะคะ ฉวยโอกาสหนูอีกแล้ว รู้จักพี่แค่ไม่กี่วันรู้สึกเปลืองตัวมากเลย คิดจะจูบก็จูบไม่ขอสักคำ”
โมนาแว๊ดเสียงใส่เอสแก้เขินเมื่อได้ยินคำพูดของเขาแล้วพยายามผลักเขาออกแต่เอสกลับไม่ยอมถอยจากตัวเธอเลยสักนิด
“ใครบอกว่าพี่ไม่ขอ พี่ขอก่อนแล้วนะครับ แล้วหนูก็บอกเองว่าอยากทำอะไรก็ทำเลย”
เอสพูดขึ้นพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่เธอ
“ก็พี่แค่ถามหนูว่าทำได้มั้ย แต่ไม่ได้บอกหนูนิว่าจะทำอะไร หนูก็เลยตอบแบบนั้นไป ถ้ารู้ว่าจะจูบหนูไม่อนุญาตหรอก”
โมนาเถียงเอสกลับด้วยความไม่พอใจเมื่อเสียท่าให้กับคนเจ้าเล่ห์อย่างเขา
“โอเค ต่อไปพี่จะขอก่อนแล้วกันนะครับ งั้นตอนนี้ก่อนขับรถขอหอมแก้มหน่อยนะครับ ฟอดด”
พูดจบเอสก็โน้มหน้าไปหอมแก้มโมนาทันที
“งืออ ไอ้พี่บ้า หนูยังไม่อนุญาตเลยนะ ถ้าจะขอแล้วทำเลยแบบนี้จะขอทำไมคะ”
โมนาพูดขึ้นด้วยความตกใจแล้วผลักเอสออกซึ่งเขาก็ยอมผละตัวออกมานั่งที่ตัวเองอย่างว่าง่าย เพราะไม่คิดว่าเขาจะพูดเร็วทำเร็วแบบนี้จนเธอตั้งตัวหลบไม่ทัน
“พอดีพี่เป็นคนคิดเร็วทำเร็ว เพราะฉะนั้นหนูต้องรีบตอบพี่ให้ทันนะครับ แก้มหนูหอมจัง โคตรชื่นใจ วันนี้มีแรงเรียนเต็มที่แล้วค้าบผม โอ๊ย! ฮ่าๆ”
เอสร้องเจ็บออกมาทันทีเมื่อโดนโมนาตีเข้าที่แขนอย่างแรงแต่ก็หัวเราะชอบใจเมื่อเห็นใบหน้าสวยกำลังไม่พอใจเขาอยู่
“ไอ้พี่บ้า ไม่ต้องกงต้องกินมันแล้วข้าวเนี่ย ขับรถไปเลย”
โมนาพูดขึ้นด้วยท่าทางงอนๆ แล้วปิดกล่องข้าวยื่นไปวางไว้หลังรถทันที
“อ้าว! แต่พี่ยังไม่อิ่มเลยนะครับ ได้กินไม่กี่คำเอง”
เอสพูดขึ้นด้วยความเสียดายเพราะไม่คิดว่าเธอจะงอนจนไม่ยอมป้อนข้าวเขาต่อ
“ไม่ต้องกิน อยากกินก็กินเองแล้วกันค่ะ ขับรถไปเดี๋ยวนี้เลยนะ จะสายแล้วเนี่ย”
“ค้าบบบ”
เอสรีบตอบโมนาอย่างว่าง่ายแล้วขับรถออกไปทันทีเพราะกลัวเธอจะโกรธจริงๆ ทำเอาโมนาถึงกับอมยิ้มเมื่อเห็นเขารีบทำตามที่เธอบอกโดยไม่บ่นเลยสักนิด เอสพยายามชวนโมนาคุยนั่นคุยนี่จนเธอกลับมาคุยกับเขาปกติเพราะแพ้กับท่าทางอ้อนๆ ของเขา สักพักทั้งสองก็มาถึงมหาลัย
“ไม่ต้องเดินไปส่งเลยนะคะ หนูขี้เกียจตอบคำถามยัยแพร”
โมนารีบห้ามเอสไว้ทันทีเมื่อเขาจะเดินตามเธอมายังตึกเรียนรวม เพราะเด็กปีหนึ่งมีวิชาเรียนพื้นฐาน แต่เอสต้องไปเรียนที่ตึกคณะตัวเอง
“ว้า อุตส่าห์จะไปเปิดตัวสักหน่อย”
เอสพูดขึ้นพร้อมกับทำหน้าเสียดายจนโมนาได้แต่มองค้อนใส่เขา
“เปิดตัวอะไรคะ อย่ามาเนียน ว่าแต่เลิกเรียนแล้วพี่จะไปบ้านเลยมั้ยคะ”
โมนาถามเอสขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้
“ไม่ครับ พี่จะไปส่งหนูที่บ้านก่อนแล้วถึงจะไป”
เอสตอบกลับโมนาด้วยรอยยิ้ม
“แต่หนูต้องรับน้องอีกนะคะ พี่รอไหวหรอ พี่ไม่ได้เป็นสตาฟนิ เดี๋ยวหนูนั่งรถเมล์กลับก็ได้”
โมนาพูดขึ้นด้วยความเกรงใจเพราะไม่อยากให้เขากลับไปกลับมาหลายรอบ
“ไม่เป็นไรครับ เรื่องที่บ้านไม่ได้สำคัญเท่าเรื่องหนู เอาเป็นว่าพี่จะรอไปส่งหนูนะครับ”
คำพูดของเอสทำเอาโมนาถึงกับมองหน้าเขานิ่งเมื่อเขาบอกว่าเธอนั้นสำคัญกว่าเรื่องอื่น ในใจรู้สึกดีไม่น้อยแต่ก็ไม่ได้แสดงออกอะไรมาก
“งั้นก็ตามใจพี่แล้วกันค่ะ หนูไปเรียนก่อนนะคะ”
“เดี๋ยวก่อนครับ”
โมนาชะงักหันกลับมาทันทีเมื่อเอสเรียกไว้ก่อน
“มีอะไรหรอคะ”
โมนาถามเอสด้วยความสงสัย
“ขอกำลังใจก่อนไปเรียนได้มั้ยครับ”
เอสพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มแล้วเอียงแก้มไปหาเธอ ทำเอาโมนาถึงกับมองค้อนใส่เขา
เพียะ
“โอ๊ย! ตบอีกแล้ว”
เอสร้องเจ็บทันทีเมื่อโดนโมนาตบที่แก้ม แต่ก็ไม่ได้แรงมากเหมือนกับตอนแรกที่โดนเธอตบ
“ตั้งใจเรียนนะคะพี่รหัส อิอิ”
โมนาพูดขึ้นอย่างอารมณ์ดีแล้วเดินขึ้นตึกไปเรียนทันทีเพราะห้องเรียนเธออยู่ชั้นสอง ทำเอาเอสถึงกับยิ้มตามเธอ
“หึ ฝากไว้ก่อนเถอะ เลิกเรียนเดี๋ยวจะมาเอาคืนนะครับน้องรหัส”
เอสพูดขึ้นพร้อมกับกระตุกยิ้มอย่างอารมณ์ดีขณะที่มองโมนาเดินขึ้นบันไดไป จากนั้นก็เดินไปตึกคณะของตัวเอง ทางด้านโมนาเมื่อเดินเข้ามาในห้องเรียนแล้วก็รู้สึกแปลกใจไม่น้อยเมื่อไม่เห็นแพรวาเพื่อนรักของเธอ เพราะปกติแพรวาจะมาก่อนเธอตลอดโมนาจึงโทรหาแพรวาแต่เธอก็ไม่รับสายจนอาจารย์เข้าห้องโมนาจึงหยุดโทรหาเพื่อนตัวเอง กว่าแพรวาจะมาก็สายไปเกือบยี่สิบนาทีแล้ว
“ทำไมวันนี้แกมาสายยัยแพร”
โมนาเอ่ยถามแพรวาทันทีเมื่อแพรวาวิ่งมานั่งข้างๆ เธอแล้ว
“มีเหตุฉุกเฉินนิดหน่อย ฉันเลยไม่ทันรถเมล์สายแรกอะ เดี๋ยวคค่อยคุยกันเรียนก่อนเถอะ”
เมื่อได้ยินคำพูดของแพรวา โมนาจึงไม่ถามอะไรต่อแล้วหันไปสนใจอาจารย์สอน จนถึงเวลาพักเที่ยงสองสาวก็มากินข้าวที่โรงอาหารเหมือนเดิม
“เล่ามาค่ะ เมื่อเช้าแกเกิดเหตุฉุกเฉินอะไร ทำไมถึงทำให้คนตรงเวลาแบบแกมาเรียนสายได้”
โมนาเอ่ยถามแพรวาทันทีเมื่อถือจานข้าวมานั่งที่โต๊ะเรียบร้อยแล้ว
“ฉันทำอาหารเช้าให้พี่อคินแล้วเอาไปแขวนไว้ที่หน้าห้องพี่เค้า เลยยืนรอลุ้นว่าพี่เค้าจะกินอาหารของฉันหรือจะเอาไปทิ้งน่ะ”
แพรวาบอกโมนาไปตามตรงโดยไม่ปิดบัง
“ขอเดาว่าพี่อคินคงโยนทิ้งใช่มั้ย”
“อืม ทำไมแกเดาถูก”
แพรวาถามโมนากลับทันทีเมื่อโมนานั้นเดาถูก
“แกคิดว่าคนที่แสดงตัวชัดเจนว่าไม่ได้ชอบแกตั้งแต่แรกจะยอมกินอาหารที่แกทำง่ายๆ หรอจ้ะ อีกอย่างฉันขอเตือนแกในฐานะเพื่อนนะ แกจะหลงรักผู้ชายหัวปักหัวปำตามจีบตามตื๊อยังไงฉันไม่ว่า แต่อย่าให้มันกระทบการเรียนได้มั้ยยัยแพร สาเหตุที่แกมาสายวันนี้ฉันไม่โอเคเลย”
โมนาบ่นยาวเหยียดให้แพรวาด้วยความเป็นห่วงเพื่อน จนแพรวาได้แต่ยิ้มให้เธอโดยไม่ได้โกรธอะไรเธอเลยแม้แต่น้อย เพราะรู้ว่าโมนาเตือนด้วยความเป็นห่วง
“ขอโทษ ฉันก็ไม่ได้คิดจะยืนรอพี่เค้าทุกวันหรอก วันนี้แค่อยากเห็นสีหน้าของเค้าตอนที่เห็นถุงอาหารเช้าว่าเค้าจะมีท่าทียังไงแค่นั้นเอง รับรองวันต่อไปจะไม่มาสายแน่นอน”
แพรวาตอบกลับโมนาด้วยรอยยิ้ม
“ก็ดี ที่แกคิดได้แบบนั้น แต่ว่ารู้ยังว่าพี่อคินโสดมั้ย”
โมนาเอ่ยถามแพรวาด้วยความอยยากรู้
“ยัง ฉันยังไม่ได้ถาม ถึงถามพี่อคินก็ไม่บอกหรอก”
แพรวาพูดขึ้นพร้อมกับใช้ความคิดหาวิธีสืบว่าอคินมีแฟนรึยัง จนโมนาได้แต่ยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าของเพื่อน
“ไม่ต้องคิด ฉันมีวิธี”
โมนาพูดขึ้นทันทีเมื่อเห็นแพรวากำลังใช้ความคิดอยู่
“ยังไงหรอ”
แพรวาถามโมนากลับด้วยความอยากรู้ ส่วนโมนาก็ไม่ได้ตอบอะไรแต่หยิบโทรศัพท์กดโทรหาเอสพร้อมกับเปิดสปีกเกอร์โฟนให้แพรวาฟังด้วย รอสายไม่นานเอสก็กดรับสาย
(ว่าไงครับน้องโมนา คิด…)
“สวัสดีค่ะพี่เอส ตอนนี้พี่เอสว่างรึเปล่าคะ สะดวกคุยมั้ยคะ”
โมนารีบพูดดักเอสก่อนทันทีเพราะกลัวเขาจะพูดอะไรแปลกๆ ออกมา ทางด้านเอสเมื่อได้ยินโมนาพูดแปลกๆ บวกกับมีเสียงสะท้อนนิดหน่อยจึงรู้ว่าโมนาอาจจะเปิดสปีกเกอร์โฟน จึงทำเป็นพูดด้วยน้ำเสียงปกติกับเธอ
(พี่ว่างครับ มีเรียนอีกทีบ่ายสอง น้องโมนามีอะไรรึเปล่าครับ)
“เอ่อ ตอนนี้พี่เอสอยู่กับพี่อคินรึเปล่าคะ”
(ไอ้คินไปเข้าห้องน้ำครับ จะถามเรื่องเพื่อนพี่หรอ)
“ทำไมพี่เอสเดาถูกคะ”
(ฮ่าๆ ก็พี่เป็นเก่งไงครับ)
“ชมตัวเองก็เป็นด้วย”
โมนาได้แต่มองบนเมื่อได้ยินคำพูดกวนๆ ของเขา
(ไม่มีใครชมก็ชมตัวเองไว้ก่อนไงครับ ว่าแต่จะถามอะไรหรอ)
“โมแค่อยากรู้ค่ะ ว่าพี่อคินมีแฟนยังคะ”
(น้องโมนาชอบไอ้คินหรอครับ)
โมนาถึงกับอยากจะด่าเขาออกมาเมื่อโดนเอสถามกวนใส่ เพราะดูก็รู้ว่าเขารู้ว่าเธอถามให้เพื่อน
“เปล่าค่ะ โมถามให้เพื่อน”
(อ่อ คนอย่างไอ้คินไม่มีใครกล้าเป็นแฟนมันหรอกครับ ใครมาจีบมันก็พูดแรงใส่จนสาวๆ กลัววิ่งหนีตลอด)
“ขอบคุณนะคะพี่เอส งั้นโมวางนะคะ”
(เดี๋ยวครับ พี่อุตส่าห์บอกแล้ว น้องโมนาต้องเลี้ยงข้าวพี่หนึ่งมื้อนะครับ)
“ได้อยู่แล้วค่ะพี่รหัส แค่นี้ก่อนนะคะ”
(ครับ)
โมนาวางสายทันทีเมื่อคุยกับเอสเรียบร้อยแล้ว คำตอบของเอสทำเอาเพื่อนรักของเธอถึงกับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ตั้งท่าจะเดินหน้าจีบอคินเต็มที่จนโมนาได้แต่ส่ายหน้ายอมกับความมุ่งมั่นของเพื่อนตัวเอง จากนั้นสองสาวจึงหันมาสนใจจานข้าวของตัวเอง ขณะที่โมนากำลังกินข้าวอยู่นั้นก็มีข้อความแชทเธอเด้งขึ้นโมนาจึงเปิดอ่านทันที
เอส : พี่ใจเสียมากเลยนะครับรู้มั้ย ทั้งโดนหนูถามเรื่องเพื่อนพี่ แถมยังเปลี่ยนสรรพนามตัวเองไม่แทนตัวเองว่าหนูกับพี่อีก เลิกเรียนต้องมาปลอบใจพี่ด้วยนะครับ (สติ๊กเกอร์ร้องไห้)
โมนาถึงกับมองบนเมื่อเห็นข้อความที่เขาส่งมา
โมนา : ไม่ต้องมาแกล้งดราม่าเลยค่ะ หนูไม่หลงกลพี่หรอก (สติ๊กเกอร์กระโดดถีบ)
เอส : ไม่ดราม่าก็ได้ครับ แต่อย่าเผลอแล้วกันนะครับ จุ๊บ
โมนา : (สติ๊กเกอร์โมโห)
เมื่อไม่เห็นเอสตอบกลับอะไรเธอก็ก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อทันที ทางด้านเอสเมื่อเห็นเธอส่งสติ๊กเกอร์โมโหกลับมาก็หัวเราะชอบใจอย่างอารมณ์ดีจนอคินที่เดินออกมาจากห้องน้ำได้แต่มองเอสด้วยความสงสัยเพราะเป็นครั้งแรกที่เห็นเพื่อนตัวเองดูมีความสุขมากเป็นพิเศษแต่ก็ไม่เอ่ยถามอะไรเพราะเขาไม่ค่อยชอบยุ่งเรื่องส่วนตัวของคนอื่น