หลังจากที่โมนาแยกจากเอสแล้วก็รีบขึ้นมาเรียน เมื่อเข้ามาในห้องก็เห็นแพรวามาแล้วเธอจึงรีบไปนั่งข้างๆ แพรวาทันที
“ยิ้มกริ่มมาแต่ไกล อารมณ์ดีเรื่องอะไรมาจ้ะเพื่อน”
แพรวาพูดแซวโมนาอย่างกวนๆ เมื่อเห็นโมนาอารมณ์ดีแปลกๆ
“ฉันก็ปกติมั้ย”
โมนาตอบแพรวาด้วยท่าทางเลิ่กลักจนแพรวาได้แต่ยิ้มกวนๆ ใส่เธอ
“หรอจ้ะ ฉันเห็นนะว่าแกขึ้นรถใครมาเรียน”
“แกเห็นด้วยหรอ เห็นตอนไหน เห็นอะไรบ้าง”
โมนารีบถามแพรวากลับอย่างเร็วเพราะกลัวเพื่อนจะเห็นตอนเธอหอมแก้มเอส
“ฉันก็เห็นแค่ตอนแกลงรถพี่รหัสแกมาแค่นั้นล่ะ ที่ไม่รอแกเพราะเห็นเหมือนพี่เอสเรียกแกไว้ เลยขึ้นมารอแกบนห้องเรียน”
คำตอบของแพรวาทำเอาโมนาถึงกับถอนหายใจโล่งอก
“อะไร ทำไมถอนหายใจใส่ฉัน หรือที่แกรีบถามฉันด้วยท่าทางตื่นกลัวมันมีอะไรมากกว่านั้นหรอ”
แพรวาถามโมนากลับอย่างจับผิด
“เปล๊า!”
โมนาตอบแพรวาเสียงสูง
“จ้า เปล่ามาซะเสียงสูง ไม่มีอะไรหรอกเนาะ อิอิ”
แพรวาแซวโมนากลับจนเธอได้แต่หันไปมองค้อนใส่เพื่อน แต่ก็ต้องละสายตาจากแพรวาเมื่อเห็นบริ๊งเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับมองเธอด้วยสายตาไม่พอใจซึ่งโมนาก็มองกลับอย่างไม่เกรงกลัว
“แกมีปัญหากับบริ๊งหรอยัยโม”
แพรวาถามโมนากลับด้วยความสงสัยเมื่อเห็นโมนามองบริ๊งด้วยสายตาไม่พอใจ
“เปล่า ก็ยัยนั่นมองหน้าฉันก่อน ฉันเลยมองกลับ”
โมนาตอบแพรวาไปแต่หางตายังเหลือบมองบริ๊งเพราะตอนนี้บริ๊งที่นั่งโต๊ะถัดโมนาไปสองโต๊ะก็มองเธออยู่
“ตั้งแต่เรียนมาเพื่อนร่วมห้องเราฉันว่ามีคนนี้ล่ะที่ดูไม่ค่อยเป็นมิตร ลักษณะทำตัวเหมือนสูงส่งยังไงไม่รู้แกว่ามั้ย”
แพรวาพูดกับโมนาตามความรู้สึกตัวเอง เพราะเธอและโมนาแทบไม่คุยกับกลุ่มของบริ๊ง แค่รู้จักกันในฐานะเพื่อนร่วมห้องเท่านั้น
“อย่าไปสนใจคนแบบนั้นเลย อาจารย์มาแล้ว”
โมนาพูดขึ้นเสียงเรียบแล้วชวนแพรวาหันไปสนใจอาจารย์ที่พึ่งเข้ามา ทางด้านบริ๊งก็มองโมนาอย่างเอาเรื่องไม่วางตา
“ยัยนี่หรอบริ๊ง ที่เป็นศัตรูหัวใจของแก”
ลันตาเพื่อนสนิทของบริ๊งเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นบริ๊งมองโมนาอยู่
“ใช่ ยัยโมนานี่ล่ะ เมื่อเช้าฉันเห็นกับตาว่ามันมากับพี่เอส ทั้งๆ ที่พี่เอสบอกว่าจะไปทำงานต่อที่คอนโดที่ไหนได้รีบมาอยู่กับมันนี่เอง”
บริ๊งพูดขึ้นด้วยความไม่พอใจ
“พี่เอสเขาแค่เล่นๆ รึเปล่าแก ยัยนี่ก็ไม่สวยอะไรนะ แถมฐานะยังไม่ได้รวยอีก สู้แกไม่ได้เลยสักอย่าง”
ลันตาพูดตามความคิดของตัวเอง
“หึ ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีสิ”
บริ๊งพูดขึ้นพร้อมกับยิ้มมุมปากจากนั้นก็เลิกคุยกับลันตาเพราะอาจารย์เริ่มสอนแล้ว ทางด้านเอสเมื่อมาถึงห้องเรียนแล้วก็มานั่งข้างๆ อคินอย่างอารมณ์ดี
“หวัดดีเพื่อนรัก”
เอสพูดกับอคินอย่างกวนๆ
“มึงกินยาไม่เขย่าขวดมาหรอ ถึงได้อารมณ์ดีมาแปลกๆ”
อคินถามเอสกลับเสียงเรียบ
“ยิ่งดีกว่ากินยาไม่เขย่าขวด เพราะวันนี้กูได้กำลังใจดีก่อนมาเรียน แม่ง โคตรรู้สึกดีเลยว่ะ”
เอสพูดขึ้นพร้อมกับยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดีเมื่อนึกถึงตอนที่โมนาหอมแก้มตัวเอง จนอคินได้แต่มองอย่างสงสัยเพราะไม่เข้าใจที่เอสพูดจึงตั้งท่าจะถามต่อแต่ก็ต้องเงียบเสียงเมื่อมีคนโทรหาเอสก่อน และก็ไม่ต้องเดาว่าใครโทรมาเพราะแค่เห็นสีหน้าของเอสจากที่ยิ้มแย้มเปลี่ยนมานิ่งขรึมก็รู้แล้วว่าคนที่โทรหาคือพ่อของเขา ทางด้านเอสเมื่อรู้ว่าพ่อโทรมาก็หุบยิ้มแล้วกดรับสายทันที
“ครับ”
(วันนี้เลิกเรียนแล้ว ไปส่งหนูบริ๊งที่บ้านด้วยนะ)
“ทำไมต้องให้ผมไปส่งครับ ตอนมาเธอมายังไง”
(ฉันบอกให้ไปส่งแกก็ต้องไปส่ง ฉันบอกหนูบริ๊งไว้แล้ว ถ้าหนูบริ๊งทำกิจกรรมรับน้องเสร็จแล้วจะโทรบอกแก อย่าทำให้ฉันผิดหวัง)
พูดจบอิทธิก็วางสายไปทันทีโดยไม่รอให้เอสพูดอะไร จนเอสได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย
“โดนบังคับให้ทำอะไรอีก”
อคินถามเอสเสียงเรียบเมื่อเห็นเพื่อนวางสายแล้ว
“เรื่องผู้หญิง พ่อจะจับคู่ให้กู แม่ง เสือกเป็นรุ่นน้องแถมยังอยู่ห้องเดียวกับน้องโมนาอีก”
เอสตอบอคินไปตามตรงโดยไม่ปิดบัง
“แล้วมึงจะยอมทำตามพ่อมึงเหมือนเดิม?”
อคินถามกลับสั้นๆ
“เรื่องอื่นกูยอมได้ แต่เรื่องนี้กูไม่โอเคว่ะ กูไม่ยอมทำให้น้องโมนาเสียใจแน่นอน ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม”
เอสพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ก็ดีที่มึงคิดได้แบบนั้น มีอะไรก็บอกกูพร้อมช่วยเสมอ”
“งั้นยืมเงินไปขอเมียหน่อยสิ เผื่อโดนพ่อไล่ออกจากกองมรดก”
เอสพูดขึ้นอย่างกวนๆ เพราะไม่อยากให้อคินเครียดตามเขาไปด้วย
“มึงจะเอาเท่าไหร่”
อคินถามเอสกลับด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“นี่มึงให้จริงๆ หรอ กูแค่พูดเล่น”
“หึ เปล่า กูก็พูดไปงั้นล่ะ”
อคินตอบเอสกลับอย่างกวนๆ
“ไอ้สัส”
เอสด่าอคินกลับทันทีเมื่อโดนพูดกวนกลับ สองหนุ่มคุยกันสักพักก็หันไปสนใจฟังอาจาย์สอนจนถึงเวลาพักเที่ยงเอสกับอคินก็ไปกินข้าวร้านข้างนอกหน้ามหาลัยเพราะอคินไม่ชอบไปกินที่โรงอาหารเพราะไม่ชอบคนเยอะ ส่วนเอสก็ไม่ใช่คนเรื่องมากเพื่อนชวนไปกินไหนเขาก็ไปหมด เมื่อสั่งข้าวแล้วเอสก็โทรหาโมนาทันที สักพักเธอก็รับสาย
(ฮัลโหลค่ะพี่เอส)
“ทำอะไรอยู่ครับ กินข้าวยัง”
(กินแล้วค่ะ วันนี้อาจารย์ปล่อยเร็ว กำลังจะขึ้นตึกไปรอเรียนแล้ว พี่พักยังคะ)
“พึ่งพักครับ พี่ออกมากินร้านข้างนอก ว่าแต่วันนี้หนูต้องรับน้องใช่มั้ยครับ”
(ใช่ค่ะ พี่กลับก่อนก็ได้นะคะ ไม่ต้องรอหนูก็ได้ เดี๋ยวกลับถึงบ้านหนูโทรหา)
“ไม่เอาครับ ไม่อยากให้เมียนั่งรถเมล์กลับ เดี๋ยวพี่รอดีกว่า”
(เมียอะไร ขี้ตู่อีกแล้ว ว่าแต่รอได้จริงๆ หรอ นานนะคะกว่าจะทำกิจกรรมเสร็จ)
“สำหรับหนูนานแค่ไหนพี่ก็รอได้ครับ”
(ขออ้วกได้มั้ยคะ เลี่ยนมาก อยากรอก็รอไปค่ะ ทำกิจกรรมเสร็จเดี๋ยวหนูโทรหานะคะ)
“ค้าบ”
เมื่อคุยกันเสร็จโมนาก็วางสายไปทันที
“ยัดเยียดเก่งเหลือเกินนะมึง ถามน้องเค้ายังว่าอยากเป็นเมียมึงมั้ย”
อคินพูดใส่เอสอย่างกวนๆ เมื่อเห็นเพื่อนวางสายแล้ว
“ตอนนี้ยังแต่โดนกูยัดเยียดบ่อยๆ อาจจะใจอ่อนเร็ว ฮ่าๆ”
เอสพูดขึ้นอย่างอารมณ์ดีทำเอาอคินถึงกับหายเป็นห่วงเมื่อเห็นเพื่อนมีความสุขมากขึ้นตั้งแต่เจอโมนา ทางด้านโมนาเมื่อวางสายจากเอสแล้วก็ยิ้มใส่โทรศัพท์อย่างอารมณ์ดีโชคดีที่แพรวาเข้าห้องน้ำอยู่ไม่งั้นคงโดนแซวไม่หยุด
“เสร็จแล้วแก ปะ ไปกันเถอะ”
เมื่อแพรวาทำธุระเสร็จแล้วก็เดินมาหาโมนาที่ยืนรออยู่ข้างนอก โมนาจึงพยักหน้าตอบแล้วสองสาวก็เดินตรงไปยังลิฟต์เพื่อรอขึ้นตึกไปเรียน ขณะที่โมนาและแพรวาเดินเข้ามาในลิฟต์บริ๊งลันตาก็เดินเข้ามาเหมือนกันพร้อมกับมองโมนาด้วยสายตาเย้ยหยัน ส่วนโมนาก็นิ่งเฉยไม่ได้สนใจบริ๊งเลยแม้แต่น้อย
“นี่ยัยบริ๊ง วันนี้แกไม่ได้เอารถมานิ แกจะกลับยังไง ให้ฉันไปส่งมั้ย”
ลันตาพูดขึ้นทันทีเมื่อเข้ามาในลิฟต์แล้ว
“ไม่ต้องจ้ะ วันนี้แฟนฉันจะไปส่ง”
บริ๊งพูดขึ้นอย่างอารมณ์ดี
“แฟนแก ใครหรอ นี่ฉันตกข่าวหรอเนี่ย บอกมาเลยนะว่าใครที่สามารถทำให้คนอย่างแกยอมเป็นแฟนได้เนี่ย”
ลันตาแกล้งพูดออกมาเสียงดังเพราะอยากให้โมนาได้ยิน
“แฟนฉันก็พี่เอส รุ่นพี่ปีสองไง เห็นว่าจะรับไปกินข้าวที่บ้านเหมือนเมื่อวานเพราะคุณพ่อของพี่เอสบ่นคิดถึงฉัน ตอนแรกฉันว่าจะไม่ไปพี่เอสก็คะยั้นคะยอตื๊ออยากให้ไปอีก ฉันก็ใจอ่อนสิ”
บริ๊งพูดแต่งเรื่องขึ้นมาพร้อมกับยิ้มเขินอาย
“มโนเก่งจริงๆ”
“แกว่าใครมโนเก่ง”
บริ๊งหันไปถามโมนาทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของโมนา
“อะไร หูฝาดรึเปล่า ฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ”
โมนาตอบบริ๊งอย่างกวนๆ ทำเอาบริ๊งถึงกับมองด้วยความไม่พอใจ
“ฉันได้ยินเต็มสองหูว่าแกพูดยัยโมนา”
บริ๊งพูดขึ้นอย่างไม่ยอม
“หลอนยามารึเปล่าจ้ะ ฉันพูดตอนไหน แกได้ยินมั้ยยัยแพร”
โมนาหันไปพูดกับแพรวาอย่างกวนๆ
“ไม่นะ เมื่อกี๊เราสองคนก็ยืนอยู่เงียบๆ เธอหลอนไปเองรึเปล่าบริ๊ง”
แพรวาพูดเสริมโมนาอีกคนพร้อมกับยิ้มกวนๆ ใส่บริ๊งและลันตา
“นี่แก!”
ขณะที่บริ๊งกำลังจะอ้าปากด่าโมนาและแพรวาด้วยความโกรธก็ต้องชะงักเพราะลิฟต์นั้นเปิดออกแล้วมีคนเข้ามาพอดี เธอจึงหยุดพูดแล้วข่มอารมณ์โกรธตัวเองไว้ ส่วนโมนาและแพรวาก็หันไปยิ้มใส่กันอย่างชอบใจเมื่อเห็นท่าทางโกรธของบริ๊ง ส่วนบริ๊งหลังจากลิฟต์เปิดออกก็ไม่มีโอกาสได้พูดกับโมนาต่อเพราะคนที่ขึ้นลิฟต์มาด้วยนั้นเป็นเพื่อนเรียนห้องเดียวกันจึงได้แต่ข่มความโกรธตัวเองไว้ ทางด้านโมนาเมื่อเข้ามาในห้องเรียนก็ไม่ได้สนใจบริ๊งเลยแม้แต่น้อยพอเรียนเสร็จก็ไปทำกิจกรรมรับน้องต่อ
“แกจะกลับกับพี่เอสใช่มั้ย”
แพรวาเอ่ยถามโมนาทันทีเมื่อทำกิจกรรมรับน้องเสร็จแล้ว
“อือ พี่เค้ารอน่ะ เลยจะให้พี่เค้าไปส่ง”
โมนาตอบแพรวาไปตามตรง
“พี่เค้าจีบแกหรอ”
แพรวาถามโมนาด้วยรอยยิ้ม
“จะมาถามอะไรตอนนี้ เดี๋ยวค่อยคุยกัน มันจะยาวไม่ได้กลับบ้านพอดี”
โมนารีบพูดดักแพรวาเพราะกลัวจะได้คุยยาว
“อิอิ ก็ได้ๆ เดี๋ยวมาถามน๊า ช่วงนี้ระวังยัยบริ๊งไว้บ้างนะ คนแบบนี้เดาใจยากไม่รู้จะทำอะไรแผลงๆ รึเปล่า งั้นฉันไปล่ะนะ”
“อืออ ขอบใจนะแก”
พูดจบแพรวาก็เดินไปทางหน้ามหาลัยเพราะไปรอรถเมล์ ส่วนโมนาก็เดินมาทางที่จอดรถของคณะเพราะนัดให้เอสไปรอที่รถ
“โมนา”
ขณะที่โมนาเดินมาถึงหลังตึกคณะก็ต้องหยุดเดินแล้วหันกลับไปเมื่อได้ยินบริ๊งเรียกไว้ ส่วนบริ๊งเมื่อเห็นโมนาหันกลับมาแล้วก็เดินตรงไปหาโมนาด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตร