บทที่ 7 หน้าที่ปลุกเช้าแรก

1737 Words
“หนู” ปรายฟ้าเถียงไม่ออกเลยทีเดียว     “เพราะจัสตินหรือเปล่า” มารดาสวนกลับอย่างรู้ทันอีกครั้ง        “คุณแม่! ค่ะ จัสตินขอเลิกกับหนู” พูดจบปรายฟ้าก็ร้องไห้ออกมาด้วยความอัดอั้น จนมารดารั้งเข้าไปกอดเอาไว้แนบแน่น “ก็เลยหนีกลับเมืองไทย และพลอยทำให้ลูกแม่อารมณ์ขึ้นลง เหวี่ยงใส่คนรอบข้างอย่างนั้นเหรอ” “คุณแม่ หนูไม่ดีตรงไหนคะ ทำไมเขาถึงขอเลิกกับหนู ทำไมเขาถึงไม่รักหนู” ปรายฟ้าพูดไปพลางร้องไห้อย่างสะอึกสะอื้น “แล้วทำไมหนูถึงทำให้เขาขอเลิกกับหนูได้ล่ะ ฮืม” มารดาถามกลับ พลางลูบไล้เรือนผมเธออย่างปลอบโยน แต่ทว่าเธอกลับดันตัวออกมามองหน้ามารดาตรงๆ “เพราะหนูเชื่อฟังคำสั่งสอนของพ่อกับแม่ไงคะ สอนหนูไม่ให้เอาตัวไปแลกกับหัวใจใคร จนกว่าจะแต่งงาน แต่มันกลับทำให้หนูเสียคนรักไป” ปรายฟ้าไม่ได้ตั้งใจโทษพ่อกับแม่หรอกนะ แต่โทษผู้ชายเห็นแก่ได้ต่างหาก “ถ้างั้นลูกไม่ต้องเสียใจที่ลูกเป็นเด็กดีของพ่อกับแม่ รู้ไหม? มันทำให้เห็นธาตุแท้ของผู้ชาย คนที่รักเราจริงคือคนที่อยู่ข้างเราเสมอ ไม่ว่ายามเจ็บปวดเสียใจหรือมีความสุข รักเราโดยไม่ต้องการสิ่งตอบแทน ไม่มีข้อแม้ เพราะถ้าความรักต้องแลกกับตัว นั่นไม่ใช่ความรักแต่มันเป็นความใคร่ ผู้ชายที่หวังแค่เรื่องนั้นเขาก็ไม่มีค่าพอที่หนูจะยกหัวใจและเสียน้ำตาให้” “แต่หนูรักเขาค่ะแม่” ต่างคนต่างคบกันเพราะความรักมาก่อน แต่เมื่อถึงจุดๆ หนึ่งแล้ว ความรักมันเปลี่ยนเป็นความต้องการทางอารมณ์ ทว่ามันไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการ “รักได้ นางฟ้า แต่ไม่ให้หลับหูหลับตารัก ลูกเสียใจได้แต่อย่าให้มันนาน ต้องเข้มแข็ง เขาทิ้งหนูไปมันก็ไม่น่าเสียดายหรอก เขาสิสมควรเสียดายหนู เขาต้องเสียใจที่ทิ้งหนู” มารดารู้เสมอถึงความเป็นไปเรื่องความรักและเข้าใจวัยรุ่น ที่สำคัญรู้ว่าบุตรสาวมีค่าที่สุด เป็นนางฟ้าที่คนทั้งบ้านเรียก คนที่ทิ้งไปนั่นต่างหากต้องเสียใจและเสียดาย “ขอบคุณค่ะคุณแม่ที่เข้าใจ” ปรายฟ้าบอกด้วยน้ำเสียงสั่นเครืออีกครั้ง   “มีอะไรอย่าเก็บไว้คนเดียวนะลูก บอกพ่อกับแม่เราจะได้ช่วยกันปรึกษาหาทางออก”  “ค่ะคุณแม่” รับคำเสร็จเธอก็สวมกอดมารดาอย่างขอบคุณเช็ดน้ำตาให้แห้ง “แต่งตัวซะแล้วก็พักผ่อนนะลูก ทำใจให้สบายพรุ่งนี้ตื่นมาจะได้สดชื่น จะได้ไม่เหวี่ยงใส่การ์ด” “แหม ดูท่าเฮนรี่จะกวาดคะแนนจากคนทั้งบ้านเพียบ ไม่เว้นแม้กระทั่งคุณพ่อคุณแม่ ถึงขั้นให้เฮนรี่ส่งหนูเข้านอนเลยทีเดียว” ปรายฟ้าอดที่จะประชดประชันไม่ได้ “ก็หนูเป็นนางฟ้า เป็นเจ้าหญิงของแม่ ก็เลยต้องมีองครักษ์ดูแล แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะพ่อกับแม่รักและห่วงลูกฉะนั้นอย่ารังแกเฮนรี่” “อ้าว! หนูก็นึกว่าคุณแม่จะห่วงหนูเสียอีก ไหงกลายเป็นห่วงเฮนรี่แทนล่ะ ไม่คิดว่าเขาจะรังแกหนูหรือยังไง” “ก็เฮนรี่เกิดมาเพื่อดูแลหนู เขาจะรังแกหนูได้ยังไง เอาล่ะแม่ไม่คุยด้วยแล้ว พักผ่อนนะนางฟ้า” ไหมฟ้าพูดมีนัยทำให้ปรายฟ้านึกสงสัยไม่น้อย เฮนรี่คนนี้ต้องมีอะไรดีแน่ๆ ถึงทำให้พ่อกับแม่ไว้ใจได้ขนาดนี้ เธอคิดด้วยความสงสัย             “ค่ะคุณแม่” ปรายฟ้ารับคำเสร็จจึงโน้มใบหน้าไปหอมแก้มมารดาเต็มฟอด ก่อนจะพยุงให้ลุกแล้วเดินไปส่งถึงหน้าประตูห้อง             “ฝันดีค่ะ”  “จ้ะ” ว่าแล้วมารดาก็เดินจากไปทันที จากนั้นปรายฟ้าจึงปิดประตูและกลับเข้ามาแต่งตัว เสร็จแล้วก็คลานขึ้นไปนอนบนเตียงนุ่ม แต่ไม่อยากจะคิดถึงวันพรุ่งนี้เอาเสียเลยว่ามันจะเป็นอย่างไร และคืนนี้เธอคงต้องหลับทั้งน้ำตา ให้ตายสิ ทำไมต้องไปหลงรักไอ้ฝรั่งบ้าคนนั้นอย่างหัวปักหัวปำด้วยนะ ลืมก็ลืมไม่ได้ หลับตาลงก็เห็นแต่หน้าเขา มารดาบอกไม่ให้เสียดาย แต่หัวใจของเธอกลับถวิลหาความรักจากจัสติน อยากให้เขาตามกลับง้อที่เมืองไทยบ้าง ไม่เข้าใจว่าเธอกำลังงี่เง่าอยู่หรือเปล่า                                                รุ่งเช้าวันใหม่ ภายในห้องนอนกว้างของนางฟ้าคนงาม ร่างกายกับสมองของปรายฟ้ายังปรับสภาพให้เข้ากับเวลาในประเทศไทยไม่ได้ ฉะนั้นเธอยังไม่ตื่น หรือเรียกว่าตื่นสายตาก็ได้ ถึงเวลาอาหารเช้าแม่คุณยังหลับอุตุบนเตียงอย่างสบายใจ กระทั่งไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีใครทำอะไรอยู่ในห้องนอน แต่จังหวะที่เธอนอนบิดไล่ตัวขี้เกียจ พร้อมกับพลิกตัวไปมาอย่างเป็นอิสระอยู่นั้น ก็ได้เผลอลืมตาและต้องตกใจราวกับเห็นผีเลยทีเดียว   “ว้าย! นี่นาย!” ปรายฟ้าร้องอุทาน เพราะบอร์ดี้การ์ดรูปหล่อยืนอยู่ข้างเตียง พร้อมกับผ้าเช็ดตัวและเสื้อคลุมพาดอยู่บนแขนของเขา ส่วนมืออีกข้างถือนมสดหนึ่งแก้ว ยืนทำหน้านิ่งราวกับหุ่นยนต์ ไม่แยแสต่ออารมณ์ตกใจของเธอเลย เหมือนในหนังไม่มีผิด เวลานี้เธอไม่ต่างอะไรกับเจ้าหญิง             “อรุณสวัสดิ์ครับคุณหนู” เฮนรี่ทักทายพลางเมินสายตาไปทางอื่น แต่ปรายฟ้ากลับไม่พูดไม่จาทำหน้านิ่งๆ ดวงตาเรียวคมบาดลึกราวกับจะเอาเรื่องชายหนุ่มให้ได้ ก่อนจะลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง และคว้าแก้วนมไปจากมือของเฮนรี่ด้วยท่าทางไม่พอใจ ก่อนจะยกดื่มรวดเดียวหมดแก้ว จากนั้นจึงคว้าผ้าเช็ดตัวและเสื้อคลุมลุกไปเข้าห้องน้ำทันที แต่เธอก็ต้องมาตะลึงงันอีกรอบ เพราะเฮนรี่ทำน้ำอุ่นเอาไว้ให้แช่ตัว ให้ตายสิ เขาคงเห็นหมดแล้วว่าเธอนอนได้น่าเกลียดแค่ไหน             “โอเค ฉันจะทำให้ใจมันชิน คนบ้าเอ๊ย โรคจิต ใครเขาจะชิน เพิ่งรู้จักกันเมื่อวาน” ปรายฟ้าบ่นพึมพำก่อนจะถอดเสื้อผ้าออกไปจากตัว แล้วแขวนเอาไว้และลงไปแช่ในอ่างอาบน้ำ พลางหลับตาพริ้ม สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ หวังก็แต่ว่าเฮนรี่จะออกไปจากห้องเรียบร้อยแล้ว แต่ที่ไหนได้ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง เธออาบน้ำเสร็จและออกมา ก็ยังเห็นเขายืนเอามือไพล่หลังยืนอยู่ตรงระเบียงห้อง สายตาคมกริบมองออกไปอย่างเหม่อลอย             “นี่ฉันมีคิวโชว์ตัวเหรอเนี่ย ถึงได้มายืนรอ” ปรายฟ้าเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ประชดเล็กๆ             “ครับ” เฮนรี่ตอบสั้นๆ โดยไม่ได้หันมามองหน้าเธอ             “คิวอะไร” ปรายฟ้าถามเสียงเรียบกลับไป และได้แต่ยืนมองแผ่นหลังกว้างๆ ของชายหนุ่มแทน             “คิวตารางงานวางอยู่บนที่นอนครับ” เฮนรี่ไม่ได้หันมามองเจ้านายคนสวยเลย เพราะเกรงจะไม่เหมาะสม และรู้ดีว่าเธอยังไม่ได้ใส่เสื้อผ้า             “นี่ฉันเพิ่งกลับมาเมื่อวานนี้นะ จะไม่ให้พักผ่อนเลยหรือยังไง”             “อ่านคิวก่อนครับ” เฮนรี่บอกอีกครั้งแล้วก็ยืนท่าเดิม เธอจึงส่ายหน้าอย่างไม่พอใจ ก่อนจะมองบนที่นอนก็เห็นแทบเล็ตวางอยู่ ปรากฏเป็นตารางงานราวกับผู้บริหารทั้งๆ ที่เธอยังไม่ได้รับหน้าที่อะไรจากบิดาเลย             “ประชุมอะไรตอนสิบโมง!” ปรายฟ้าถามอย่างไม่เข้าใจอีกครั้ง เฮนรี่จึงถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะหันมาอธิบาย             “ประชุมผู้บริหารในเครือตฤณยากร คอร์ปฯ ทั้งหมด คุณท่านสั่งครับเพราะอยากจะแนะนำคุณหนูให้ทุกคนรู้จัก” น้ำเสียงของเขาก็ไม่ต่างอะไรกับสั่งเธอเหมือนกันนั่นแหละ             “ไม่เห็นรู้เรื่องเลย ยังเหนื่อยอยู่เลยเนี่ย เจ็ตแล็คอยู่รู้หรือเปล่าให้พักผ่อนบ้างสิ” เธอว่าเสียงเข้มขึ้นรู้สึกว่าจะตีโพยตีพายเสียเหลือเกิน             “ผมมียาลม ยาดม ยาหอมครับ ไม่ต้องกลัวเหนื่อยหรือเพลีย หรือถ้าไม่ไหวผมจะพาไปหาหมอ” โอ้ยให้ตาย อีตาบ้า ทำไมไม่สงสารกันบ้างนะ             “เฮนรี่! ออกไปรอหน้าห้อง เดี๋ยวนี้” ปรายฟ้าขี้เกียจเถียงกับเขา เพราะคิดว่าเถียงไม่สู้แน่ๆ จำต้องไล่เขาออกไปเสียดื้อๆ             “ขออนุญาตรอด้านในครับ เกรงว่าคุณหนูจะใช้เวลานานกว่าปกติ” เฮนรี่สวนกลับด้วยสีหน้าและแววตาเย็นชามาก ใจจริงก็อยากจะพูดให้ตรงกว่านี้เสียด้วยซ้ำ             “ผู้หญิงแต่งตัวก็ช้าเป็นธรรมดาสิยะ” ปรายฟ้าขึ้นเสียงใส่เขาเล็กน้อย             “ช้าไม่ได้ครับอีกครึ่งชั่วโมงจะถึงเวลาประชุม First Time ผมอยากให้ผู้บริหารทุกคนประทับใจในตัวคุณหนู” ยังมีหน้ามาแทรกภาษาอังกฤษใส่เธออีกนะประชดสิไม่ว่า เห็นว่าเธอเป็นคนหัวนอกหน่อยไม่ได้             “ไม่ต้องมาประชด ลูกครึ่งเหรอเรา” เธอแสร้งถามไปอย่างนั้นเอง เพราะหน้าตาและชื่อของเขามันก็บ่งบอกอยู่แล้วว่าเป็นลูกครึ่ง ติดจะไปทางฝรั่งมากกว่าคนไทยเสียด้วยซ้ำ             “ไทย - อเมริกัน” อเมริกันอีกแล้วหรือ คิดยังไงมาเป็นบอร์ดี้การ์ดเนี่ย             “ชักจะเบื่อคนชาตินี้แล้วล่ะ น่ารำคาญ” พูดจบปรายฟ้าก็คว้าเสื้อผ้าที่เฮนรี่พับเตรียมไว้บนเตียง และเดินเข้าไปแต่งตัวในห้องแต่งตัวทันที เสื้อผ้าที่เฮนรี่เตรียมให้นั้นคือชุดเดรสสีขาวบลอน เข้ารูปยาวเลยหัวเข่า แขนในตัว ใช่แล้วปรายฟ้ามีเสื้อผ้าแบบนี้ แต่ไม่คิดว่าเฮนรี่จะหยิบมันออกมาให้ และคิดว่ามันเหมาะสำหรับการเปิดตัวทายาทแห่งตฤณยากร คอร์ปอย่างนั้นหรือ แต่ลองถ้าเธอได้ใส่แล้วมันเรียบหรูดูดีเสมอ ผมเผ้าไม่ต้องจัดทรงเสียให้ยากเพราะดัดเป็นลอนๆ อยู่แล้ว แค่จัดให้สวยไม่ยุ่งเหยิงเท่านั้นเอง แต่งหน้าบางๆ เพราะเธอสวยเจิด แต่งริมฝีปากด้วยลิปสติกสีแดงเลือดนกที่เธอชอบ 
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD