บทที่ 9 คนไม่เข้ากัน

1380 Words
           “คุณพ่อ ฟ้าเพิ่งกลับมาเมื่อวานเองนะคะ ฟ้าขอเวลาพักผ่อนก่อนไม่ได้เหรอคะ” ปรายฟ้าเริ่มถามทันทีที่บิดามารดาตามเข้ามาในห้อง ขณะเดียวกันเฮนรี่ก็อยู่ด้วยตลอดเวลา             “พ่อให้ลูกพักผ่อนได้ แต่หลังจากนั้นต้องทำงาน พ่อกับแม่แก่แล้วนะ” บิดาบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง             “ฟ้าทราบค่ะ แต่ตอนนี้ฟ้าไม่พร้อม อยากพักใจสักหน่อยได้ไหมคะคุณพ่อ” ปรายฟ้าก็ซีเรียสไม่แพ้กันอยากให้ทุกคนเข้าใจ แต่กลับมองว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระ             “พ่อรู้แล้ว แม่เล่าให้ฟัง แต่ที่บอกเพราะอยากให้ลูกเตรียมตัวไว้เท่านั้นเอง ไม่ได้บังคับว่าต้องเป็นตอนนี้” แต่สิ่งที่บิดาบอกกับเหล่าผู้บริหาร ก็แปลได้ว่าเธอต้องดูแลทุกอย่างแทนบิดาแล้ว             “ก็ได้ค่ะคุณพ่อ ถ้าพร้อมแล้วฟ้าจะบอก แต่ตอนนี้ยัง” ปรายฟ้าตอบแบบขอไปที และงานนี้ประกิตคงต้องตามใจบุตรสาวสินะ             “เมื่อคืนเราคุยกันแล้วนะลูก” มารดาแทรกขึ้นเพราะกลัวว่าปรายฟ้าจะจมปลักและเอาแต่เศร้าสร้อยกับสิ่งที่จากมาคนละทวีป             “ค่ะคุณแม่ ฟ้าไม่ลืมค่ะ จำได้ ” ปรายฟ้าตอบอย่างหนักแน่นแต่แววตาไม่ได้เป็นเช่นนั้น             “ตอนเย็นไปงานกับพ่อและแม่นะลูก” ประกิตเปลี่ยนเรื่องคุย หวังจะให้ลูกได้ออกงานสังคมพบปะผู้คน ทว่าเธอกลับทำหน้าซังกะตายเสียอย่างนั้น             “ฟ้าไม่ใช่เซเล็บฯ ไม่ไปได้ไหมคะ” ปรายฟ้าตอบอย่างไม่แยแส             “เป็นลูกพ่อกับแม่ เป็นว่าที่เจ้าของธุรกิจ คิดว่าไม่ไปได้เหรอ”             “ไปประกาศตัวให้ทุกคนหันมาจับจ้อง และหลังจากนั้นจะกระดิกตัวไปทางไหนก็ลำบาก ควงผู้ชายไปเที่ยวไหนก็ไม่ได้” ฟังเธอพูดเข้าสิ ประชดเสียเหลือเกินถ้าไม่ติดว่าพ่อกับแม่เข้าใจเด็กหัวนอกล่ะก็เป็นได้หัวใจวายกับคำนี้             “ฟังพูดเข้า ไม่เห็นน่ารักเลย ไปแป๊บเดียวก็ได้นะลูก เสร็จแล้วแม่ให้อิสระ” มารดาบอกอย่างเอาใจ             “แปบเดียวจริงๆ นะคะ ทุกอย่างเลยนะคะ” ดูเหมือนปรายฟ้าจะดีใจขึ้นบ้างแล้ว ทว่าน้ำเสียงเจ้าเล่ห์เสียเหลือเกิน             “น้ำเสียงไม่น่าไว้ใจ” ประกิตบอกยิ้มๆ             “ไม่เอาแล้ว หมดธุระของฟ้าแล้ว ฟ้าไปช็อปปิ้งได้หรือยังคะ” เธอเกิดมาเพื่อสิ่งนี้จริงๆ สินะ ประกิตคิดพลางมองหน้าเฮนรี่ ซึ่งเขาก็ยืนนิ่งแม้อยากจะพูดแทรกแต่ไม่ใช่เรื่องของลูกจ้างเสียหน่อย             “เชิญครับนางฟ้า เฮนรี่ฝากยัยฟ้าด้วย” ประกิตเอ่ยอนุญาตพร้อมกับยิ้มอย่างอ่อนโยน และฝากฝังให้เฮนรี่ดูแลเธอให้ดีที่สุด “ครับคุณท่าน ไม่ต้องห่วง” เฮนรี่รับคำอย่างหนักแน่น แต่ไม่มีใครเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยหรอก จะห่วงก็แต่เรื่องที่เธอจะเหวี่ยงใส่เฮนรี่นี่สิ “ฟ้าขอตัวนะคะ” จากนั้นปรายฟ้าจึงออกมาจากห้องทำงานของบิดา ส่วนเฮนรี่เดินตามประกบมาติดๆ ทำให้เธอต้องยืนชะงักทว่าไม่ได้หันมามอง เพียงแต่เอ่ยถามเท่านั้น “จะไปห้าง ไปด้วยอย่างนั้นเหรอ” ปรายฟ้าถามไปอย่างนั้นเองแหละทั้งที่รู้ว่าเฮนรี่จะต้องตามไปทุกที่อยู่แล้ว แต่ที่ถามเพราะอยากรู้ ว่าถ้าไปช้อปปิ้งแล้วผู้ชายอย่างเขาจะกล้าไปด้วยหรือเปล่า             “ไปครับ คิดว่าผมจะปล่อยให้คุณไปคนเดียวอย่างนั้นเหรอ” เขาตอบเสียงเรียบ ดวงตาคมกริบยังคงเย็นชาเช่นเดิม อยากจะใช้ไฟร้อนๆ เผาเสียจริงเชียว             “ยังจะไปอีกเหรอ ไม่ใช่สถานที่ที่ผู้ชายชอบไปซะหน่อย” ปรายฟ้าถามกลับด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเล็กน้อย ความจริงเธออยากเดินคนเดียว ไม่ต้องการให้ใครตาม             “ไม่อยากให้ไป แล้วถามทำไมครับ” เฮนรี่สวนกลับทันที             “ถามเป็นมารยาทต่างหาก ไปก็ไปสิ ดีเสียอีกมีคนถือของให้” พูดจบปรายฟ้าก็สะบัดหน้าใส่เขาเล็กน้อยแล้วเชิดหน้า คอตั้งหลังตรงเดินนำไปที่ลิฟต์ ทำเอาเฮนรี่ถึงกับส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะเดินตามพร้อมกับลูกน้องอีกสองคนเช่นเคย  เมื่อเข้ามาในลิฟต์ ด้วยความที่มีแต่ผู้ชายตัวโต เฮนรี่จำเป็นต้องยืนขนาบข้างเจ้านายสาว และถือได้ว่าเบียดเสียด้วยซ้ำ นั่นมันทำให้ปรายฟ้าอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก ร้อนวูบวาบไปตามเนื้อตัวแปลกๆ หัวใจเต้นตุบๆ เกินจะควบคุม แต่สรุปได้เลยว่าเฮนรี่เป็นผู้ชายที่ไฟแรงสูงมาก แม้ว่าเขาจะยืนเฉยๆ ก็ตาม             “ยืนห่างๆ ก็ได้ป่ะ ไม่เห็นต้องยืนชิดกันขนาดนี้ ไม่มีใครทำอะไรฉันหรอกน่ะ” ปรายฟ้าบอกด้วยอาการกระอักกระอ่วนเหมือนพูดไม่ออกชอบกล พาลจะหายใจไม่ออกเสียดื้อๆ             “ก็เห็นอยู่นี่ครับว่าลิฟต์มันแคบ จะไปยืนตรงไหนได้อีก ผมเป็นผู้ช่วยก็ต้องยืนใกล้ๆ คุณหนูนี่แหละ” เฮนรี่เถียงกลับได้น่าหมั่นไส้มาก ซึ่งมันก็ไม่ผิดหรอกเพียงแต่เธอไม่เป็นตัวของตัวเอง ยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งได้กลิ่นน้ำหอมผู้ชาย ว่าแต่เขาใช้น้ำหอมด้วยอย่างนั้นหรือ             “ลิฟต์ตั้งกว้าง” เธอว่าด้วยน้ำเสียงเหวี่ยงๆ             “กว้างครับแต่ผมตัวใหญ่” เฮนรี่ก็ยังคงเถียงเช่นเดิม เธอจึงได้แต่สงบคำ คนบ้ากวนประสาท เธอคิดและรอจนกระทั่งลิฟต์พาลงมาถึงชั้นล่างสุดของตึก             ต่อมาเฮนรี่พาเจ้านายคนสวยไปช้อปปิ้งตามที่ได้รับปากเอาไว้ ตั้งแต่ก่อนที่จะมาบริษัท แน่นอนว่าเขาต้องทำหน้าที่เป็นคนถือของอย่างไม่ต้องสงสัย อุตสาห์เป็นถึงหัวหน้าบอร์ดี้การ์ดทั้งที หล่อเท่ ทุกกระเบียดนิ้ว ไม่คิดว่าจะต้องได้มาทำอะไรแบบนี้ ถือของพะรุงพะรังของผู้หญิง แม้จะรู้สึกไม่ชอบใจนักแต่ก็ต้องทำ ขณะที่ปรายฟ้าเข้าร้านนั้นออกร้านนี้เป็นว่าเล่น ซื้อทุกอย่างที่อยากได้ กระทั่งเหนื่อยและขี้เกียจจ่าย เธอถึงได้หาร้านกาแฟเพื่อนั่งพักขา             “พอแล้วเหรอครับ” เฮนรี่เอ่ยถามขณะที่เธอหยุดช้อปแล้วแต่ดูเหมือนเขากำลังประชดมากกว่า             “ยัง! แค่พักขา” ปรายฟ้าตอบพลางเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย แล้วเดินตรงไปยังร้านกาแฟร้านหนึ่ง เฮนรี่กับลูกน้องอีกสองคนจำต้องเดินตามอย่างเสียมิได้ ทว่าทุกอย่างก็เต็มใจทั้งสิ้นเพราะอย่างไรเสียก็เจ้านาย แต่ระหว่างที่ปรายฟ้ากำลังเดินเข้าร้านกาแฟอยู่นั้น ด้วยความสวยเจิดจรัสบวกกับเดินมาพร้อมบอร์ดี้การ์ดรูปหล่อ เรียกได้ว่าหล่อมาก จนกลายเป็นจุดสนใจของคนในร้าน โดยเฉพาะคนกลุ่มหนึ่งที่นั่งเป็นจุดสนใจเช่นกัน แต่ทว่าปรายฟ้าไม่ได้สนใจสักเท่าไหร่ เพราะเธอเชิดจนมองไม่เห็นหัวใครเลยนอกจากบอร์ดี้การ์ดตัวเอง             “คุณเฮนรี่ครับเดี๋ยวผมขอนั่งอีกโต๊ะหนึ่งนะครับ” ภาสกรบอร์ดี้การ์ดหนุ่มซึ่งเป็นลูกน้องของเฮนรี่เอ่ยขึ้น ขณะที่ชายหนุ่มกำลังนั่งลงเคียงข้างเจ้านาย             “ตามสบาย” เฮนรี่เอ่ยอนุญาตเพราะถือว่าเหมาะสมแล้วที่นั่งคนละโต๊ะ จะได้ไม่ต้องมารองรับอารมณ์ของปรายฟ้า             “ขอบคุณครับ ตามสบายครับคุณหนู” เมื่อได้รับอนุญาตแล้วภาสกรจึงเลี่ยงไปนั่งอีกโต๊ะร่วมกับบอร์ดี้การ์ดอีกคนซึ่งเป็นคนขับรถ                        “คุณหนูรับอะไรดีครับผมจะจัดไปการให้” เฮนรี่ทำหน้าที่ของตัวเองทันที             “คาปูชิโน่เย็น” ปรายฟ้าตอบเสียงเรียบและยังคงเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย             “สักครู่ครับ” จบคำเฮนรี่จึงเดินไปที่เคาน์เตอร์ แล้วสั่งกาแฟให้เจ้านายพร้อมกับของตัวเองด้วย นั่นคืออเมริกาโน่ เมื่อสั่งเสร็จก็จ่ายเงินเอาไว้ให้เรียบร้อย และเดินกลับมาที่โต๊ะดังเดิม เพื่อรอให้พนักงานนำมาเสิร์ฟ จากนั้นก็ไม่ได้เอ่ยอะไรกับเธออีกนอกเสียจากแสร้งมองไปทั่วร้านตามประสาคนช่างสังเกต 
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD