เวลา 17.40 น.
ฉันอยู่รีสอร์ทแห่งหนึ่ง กำลังรับบทนางแบบให้น้องแซมถ่ายรูปส่งอาจารย์ตามสายที่น้องเรียนมา รู้จักกับน้องแซมก็หลายปีแล้ว น้องเป็นเด็กน่ารักและน่าสงสาร
“สวยครับ สวยครับ ไปครับ เรื่อย ๆ เลย สวยมาก” น้องแซมกดถ่ายรัว ๆ เอ่ยชมไม่หยุดปากขณะที่ฉันโพสต์ท่าอิงแอบต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง น้องแซมเลือกรีสอร์ทแห่งนี้เพราะมีพื้นที่คงความธรรมชาติ ฉันก็ตามใจน้อง น้องอยากได้วิวแบบไหนฉันมั่นใจว่าตัวเองสวยมาก อยู่ที่ไหนความสวยก็ไม่มีทางลดน้อยลง
ผ่านไปร่วมสองชั่วโมงกับบทนางแบบแล้วทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี เวลานี้ฉันนั่งดื่มอยู่ข้างสระน้ำที่อยู่ภายในพื้นที่ของห้องพัก แน่นอนว่านาฬิกาใส่ชุดว่ายน้ำให้เข้ากับบรรยากาศ เวลาสั้น ๆ คนอย่างนาฬิกาก็เตรียมตัวทัน เพราะฬิพร้อมเสมอ
“ถ่ายพี่หน่อยสิ ชุดนี้พี่ก็สวยนะ”
“ไม่เอาครับ แซมไม่อยากให้คนเห็นพี่ฬิในชุดแบบนี้” พูดไปก็กดดูรูปที่เพิ่งถ่ายฉันไปด้วย
“ก็ถ่ายโทรศัพท์พี่ไง” ฉันยื่นโทรศัพท์ให้น้องแซม ใครบ้างจะไม่อยากใส่ชุดว่ายน้ำแล้วถ่ายรูป
“แซมมองคนเดียวก็พอแล้ว ไม่ถ่ายนะครับ”
“เดี๋ยวนี้หัดปากหวาน” น้องปากหวานขนาดนี้ฉันจะกล้าดื้อเหรอ ปกติน้องแซมจะนิ่ง ๆ ไม่ค่อยหยอดคำหวานเท่าไหร่นัก เดี๋ยวนี้เริ่มพัฒนาขึ้น คงเพราะใกล้เรียนจบมั้งนะ
“แซมขอบคุณพี่ฬิมาก ๆ นะครับ” น้องแซมวางกล้องและหันมายิ้มให้ฉัน
“ขอบคุณอะไรครับ เรื่องถ่ายแบบพี่บอกแล้วว่าพี่ยินดีมาก พี่ชอบ พี่มั่นใจว่าพี่สวย”
“เรื่องนี้ก็ด้วย แต่เรื่องที่แซมขอบคุณที่สุดคือพี่ฬิช่วยเหลือแซม ไม่ว่าจะเรื่องค่าใช้จ่ายหรือพาร์ทไทม์ที่พี่ฬิฝากให้ ถ้าไม่มีพี่ฬิในวันนั้น ชีวิตแซมคงไม่มาไกลแบบนี้”
“พี่ยินดีครับและน้องแซมต้องไปได้ไกลกว่านี้ แซมเก่งมาก ๆ รู้ไหม แล้วชีวิตก็เป็นของเรา ชอบแบบไหนก็ใช้แบบนั้น แค่อย่าทำให้คนอื่นเดือดร้อน ในฐานะเจ้าของชีวิตพี่ขอสั่งให้แซมมีความสุขในทุก ๆ วัน ใช้ชีวิตให้เต็มที่เลยนะ พี่รอดูแซมมีความสุข”
“พี่ฬิเป็นคนดีมาก เป็นคนที่ดีที่สุดในชีวิตของแซม บุญคุณของพี่ฬิแซมไม่มีวันลืม แซมจะใช้ชีวิตนี้เพื่อพี่ฬิ”
“บุญคุณอะไร พี่แค่อยากเป็นนางแบบให้ตากล้องที่พี่มองเห็นแวว อนาคตแซมเฉิดฉายพี่ก็พอใจแล้ว สู้ ๆ นะครับคนเก่ง พี่เป็นกำลังใจให้ตลอดนะ”
“…” ช่างภาพสุดหล่อของฉันน้ำตาเอ่อคลอ น้องแซมกำลังจะจบปี 4 เป็นเรื่องที่ดีสำหรับฉันที่ส่งเขาเรียนมาหลายปี น้องแซมเป็นคนแรกที่ฉันส่งเสียค่าใช้จ่ายให้ เขาเป็นจุดเริ่มต้นของการเลี้ยงเด็กไว้ดูเล่น ทว่าน้องแซมพิเศษกว่าทุกคน พิเศษกว่าคนโปรดที่ฉันคลั่งไคล้ เพราะน้องแซมจะอยู่กับฉันตลอดไป เขาจะเป็นเด็กคนเดียวที่ไม่มีวันหมดสัญญา
มันเริ่มต้นก็เพราะน้องแซมเป็นหลานของหนึ่งในลูกน้องพ่อนอส แม่น้องแซมหนีตามชู้ พ่อตามไปยิงชู้กับแม่ตายและฆ่าตัวตายตาม ลูกน้องพ่อนอสจึงรับน้องแซมมาอยู่ด้วย สภาพน้องตอนนั้นก็คือคนที่เจอเรื่องที่มีผลกระทบทางจิตใจอย่างหนัก ฉันในตอนนั้นอายุ 18 ปี น้องแซม 12 ปี เขาไม่ยอมไปเรียน ไม่พูดกับใครทั้งนั้น อยู่กับตัวเองแบบไร้จุดหมาย คล้ายชีวิตได้ตายไปแล้ว
วันหนึ่งฉันเห็นน้องเดินขึ้นดาดฟ้าจึงเดินตามไปแบบเงียบ ๆ เขากำลังจะกระโดดลงไป ฉันจึงยื่นมือไปดึงชายเสื้อน้องไว้ ทำให้น้องหงายหลังตกลงมาที่พื้น ฉันจึงรีบเบี่ยงตัวหลบ น้องแซมที่นั่งอยู่หันมองหน้าฉันก่อนจะล้มตัวลงนอนราบกับพื้น สีหน้าเขาสิ้นหวัง
ฉันเดินเข้าไปใกล้ ๆ แล้วก้มหน้ามองหน้าเขาที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความทุกข์อย่างชัดเจนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ‘จะไปแล้วเหรอ’
‘…’ เขาเฉยใส่ฉันแบบที่เคยเฉยใส่ทุกคน
‘ถ้าไม่เอาแล้ว งั้นชีวิตที่เหลือของน้องพี่ขอซื้อได้ไหม’
‘ชีวิตที่ไม่มีใครต้องการ ชีวิตที่ไม่เหลือใครจะอยากได้ไปทำไม’ เขานอนมองท้องฟ้าพูดออกมาอย่างไม่ใส่ใจ ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะพูดกับฉัน
ฉันจึงยิ้ม ยิ้มที่มั่นใจว่าตัวฉันสวยที่สุดแล้วเอ่ยแบบมั่นใจมาก ๆ ‘พี่เป็นคนรวย แต่ก็มีชีวิตเดียว ถ้ามีชีวิตน้องเข้ามาพี่ก็มีสองชีวิต เท่ออก’
‘บ้า’
‘ขอบคุณสำหรับคำชม” ฉันกรีดยิ้มสวยอีกรอบ อย่างน้อยน้องก็ตอบสนอง แต่ฉันพูดอะไรผิด ต่อให้รวยแค่ไหนก็มีชีวิตเดียวจริง ๆ นี่นา
‘ถอย’ น้องบอกและลุกขึ้นนั่ง ตั้งท่าจะลุกขึ้นยืน
ฉันก็เลยผลักอกให้เขานั่งลง ‘พี่บอกว่าพี่ซื้อไง’
‘ผมไม่ขาย ผมอยากตาย’
‘น้องรู้ไหมว่าตระกูลพี่เป็นมาเฟีย อะไรที่พี่อยากได้ไม่มีทางไม่ได้ ตอนนี้พี่อยากได้ชีวิตน้อง ยังไงพี่ก็จะเอา ต่อให้น้องไม่ยินยอมพี่ก็จะเอา’
‘...’
‘ขายเถอะ อย่าให้พี่ใช้ความรุนแรงเลย ชีวิตน้องเท่าไหร่พี่พร้อมจ่าย’
น้องแซมแสยะยิ้มเศร้าก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงหม่นหมอง ‘ชีวิตผมมีค่าด้วยเหรอ’
‘ตอนนี้น้องอาจจะคิดว่าชีวิตของน้องไม่มีค่า เดี๋ยวพี่จะทำให้มันมีค่าเอง ถ้าไม่รู้จะมีชีวิตอยู่เพื่อใครงั้นน้องมีชีวิตอยู่เพื่อพี่สิ ถ้าวันไหนพี่ตายน้องค่อยตายพร้อมพี่ ดีไหม’
‘...’ น้องแซมมองเหมือนว่าฉันเป็นตัวประหลาด ก็ไม่แปลกอะไรนะ สายตาแบบนี้ฉันเห็นจนชิน
‘ขายไหม พี่จะดูแลน้องอย่างดี’
‘ถ้าผมขายให้พี่ พี่จะไม่ทิ้งขว้างผมใช่ไหม’
‘แน่นอน พี่จะรักษาน้องอย่างดีและไม่มีวันทิ้งน้อง พี่สัญญา’ คำสัญญาของฉันมักสำคัญเสมอ เมื่อเอ่ยออกไปฉันจะทำให้ได้
คิดถึงความหลังเกือบสิบปีมาแล้ว ฉันไม่นึกเสียใจเลยที่วันนั้นเดินตามเขาไปที่ดาดฟ้า อย่างน้อยเด็กคนนี้ก็ยังชีวิตอยู่ แม้ว่าเขาจะตั้งปณิธานว่ามีชีวิตอยู่เพื่อฉันก็ตาม โตขึ้นอีกหน่อยเดี๋ยวเขาก็จะรู้ว่าเขามีชีวิตอยู่เพื่อตัวเขาเอง
ด้วยเหตุผลนั้นน้องแซมจึงเป็นคนเดียวที่อยู่กับฉันมานานที่สุดและฉันก็ไม่มีวันจะทอดทิ้งเขาเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไปเพราะฉันสัญญากับเขาไว้ในวันที่เขาคิดเริ่มต้นชีวิตใหม่ ฉันต้องรักษาเขาไว้ให้ดี
“ลุงซ่งบอกว่านายจะให้พี่ฬิแต่งงานเหรอครับ” คำถามของน้องแซมทำให้ฉันหมดอารมณ์คิดถึงความหลัง ทำไมมีแต่คนถามเรื่องนี้
“ใช่ พ่อพี่บังคับหนัก”
“น่าจะหนักมากครับ ถึงได้จับพี่ฬิขังโรงพยาบาล แล้วนายก็ให้แซมมาลองคุยกับพี่ฬิด้วย”
“อ้าว แล้วที่พี่เป็นแบบเมื่อกี้คือส่งงานอาจารย์จริงไหม หรือหลอกพี่มา”
“ส่งงานจริง ๆ ครับ แซมไม่คิดจะหลอกพี่ฬิสักครั้ง แต่นายอยากให้แซม...”
“อะ ๆ พี่เข้าใจ ถ้าพ่อถามบอกไปว่าพี่ขอเวลาอีกนิด เดี๋ยวพี่เข้าไปหา” พ่อก็แค่ให้คนที่ฉันสนิทด้วยทุกคนมากดดันฉันทางอ้อม
“พี่ฬิไม่ชอบผูกมัด”
“แต่พี่ชอบถูกมัดนะ แซมอยากลองมัดพี่ไหม” เห็นว่าน้องแซมดูกังวล ฉันก็เลยพูดแซว น้องหันมายิ้มพลางโคลงหัวไปมา ประมาณว่าพี่ฬิก็พูดไปเรื่อยตามประสาพี่ฬิ
“คืนนี้ค้างด้วยกันไหมครับหรือพี่ต้องไปคลับ”
“ไม่ได้เจอตั้งนาน นอนมองแซมแล้วหลับไปดีกว่า”
“นั่งให้มองทั้งคืนเลยครับ”
“น่ารักกว่านี้ไม่มีอีกแล้วมั้ง”
“น่ารักกว่านี้คงเป็นเด็กคนโปรดของพี่ฬิหรือเปล่า”
“รู้มาก ฮาฮา” น่ะ หัวเราะกลบเกลื่อนไปสิ กะจะหยอดน้องเจอน้องหย่อนกลับซะงั้น น้องแซมรู้เรื่องของฉันค่อนข้างเยอะ อาจจะเพราะเขาอยู่กับฉันมานานจนรู้ใจกันและเขาก็ได้สิทธิพิเศษสามารถรับโทรศัพท์ฉันได้ เอาตามตรงน้องแซมเหมือนเป็นคนของฉัน แต่ความจริงเขาเป็นคนของพ่อนอส น้องแซมรู้เรื่องฉันเลี้ยงเด็กหลายคนมาก ๆ น้องรู้มาตลอด ซึ่งเขาไม่เคยพูดให้พ่อฟัง ฉันก็ไม่ได้ห้ามนะ น้องไม่บอกเอง แต่เชื่อเถอะว่าถ้าพ่อนอสอยากรู้ไม่มีอะไรเกินความสามารถพ่อนอส
ฉันเพิ่งเข้าใจก็วันนี้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาพ่อรู้ทุกเรื่องของฉัน พ่อที่ฉลาดขนาดนั้นจะไม่รู้ได้ยังไง ที่พ่อไม่พูดเพราะอยากให้ฉันได้ใช้ชีวิตให้เต็มที่ก่อนที่จะถูกผูกมัดตลอดไป มันต้องเป็นแบบนี้แน่ ๆ