EPISODE05 สัญญาเลือด

1710 Words
NARIKA TALK “นาฬิอยู่ไหนแซน” เสียงพ่อแว่วมาแต่ไกล น้ำเสียงค่อนข้างโมโห นาน ๆ ครั้งถึงจะได้ยินน้ำเสียงโทนเข้มแบบนี้จากพ่อ พ่อเป็นแบบนี้เพราะฉันลองดีด้วยการผิดนัดทั้งที่รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าว่าง ก็นะ ไม่รับปากแบบนั้นจะหาทางหนีได้เหรอ คนฉลาดต้องหาทางรอดสิ ไม่มีสัจจะในหมู่นาฬิกาอยู่แล้ว พ่อเลี้ยงฉันมากับมือน่าจะรู้เรื่องนี้ดีที่สุด “ฬิอยู่ในห้องนั่งเล่นอะพี่ แซนเพิ่งป้อนข้าวไป” บอกไม่อยู่หรือเพิ่งหลับหรืออะไรยังง่ายกว่าต้องมาเผชิญหน้าพ่อ แซนตี้ตรงเกินไป ตอนพูดทำตาลอกแลกด้วยแน่ ๆ เคยโกหกเนียนที่ไหน แม่พระยืนหนึ่งต่างจากแฝดซานคนละขั้ว “ป่วยจริงเหรอ อาการยังไง” เสียงพ่อนอสเริ่มชัดเข้ามาเรื่อย ๆ กำลังเดินมาทางนี้ชัวร์ ฉันควรแกล้งหลับ สวมบทคนป่วยที่ตระเตรียมมาเป็นอย่างดี สาธุขอให้รอด “ก็ตัวร้อน ๆ อะพี่” จะไม่รอดก็ตรงเสียงแซนตี้มีพิรุธนี่แหละ “แค่ตัวร้อน?” บังเอิญพ่อนอสเป็นคนฉลาดด้วย “มีไอนิดหน่อย บ่นเจ็บคอ ปวดหัว หายใจลำบาก” เนี่ย อันนี้ก็เกินไปอะ พบพิรุธเพียบ “ขนาดนี้พี่ว่าพาไปหาหมอท่าจะดี” ฉันก็คิดแบบพ่อเลย คือถ้าเป็นขนาดนี้ไปหาหมอเถอะ “อ่อ แซนว่าดูอาการอีกหน่อยดีกว่า เมื่อวานหลานเปียกฝนจ้ะพี่ แซนให้กินยาไปแล้วเดี๋ยวก็ดีขึ้น” หลานทั้งที่อายุน้อยกว่า อาแซนพลาดแล้วหนึ่ง ปกติไม่มีหรอกนะที่จะเรียกฉันว่าหลานอะ ตื่นเต้นเพราะกลัวโดนจับได้ จึงเป็นเหตุให้โดนจับได้ รู้งี้ฝากเรื่องแบบนี้ให้ไข่เจียวทำยังง่ายกว่า ระดับไข่เจียวโกหกเก่งสุดเนียนสุดละ “ยิ่งตากฝนยิ่งต้องไปหาหมอที่โรงพยาบาลเลย เดี๋ยวนี้โรคภัยมันเยอะ ไปนอนโรงพยาบาลสักอาทิตย์น่าจะดี” พ่อนอสนั่งโซฟาตัวยาวที่ฉันแกล้งนอนหลับอยู่ ใจฉันมันเริ่มลุกลี้ลุกลนแล้วไง ไม่ได้ ไปนานขนาดนั้นได้ไง อาหารตาอาหารใจของฬิก็เฉาหมดสิ มือของพ่อนอสวางที่กรอบหน้าก่อนจะเลื่อนมาลูบที่ศีรษะฉัน ได้เวลาตีบทแล้ว ฉันค่อย ๆ ลืมตา โดยการกะพริบตาช้า ๆ ทีละนิด ทีละนิด ทำหน้าคล้ายคนจะตาย กลืนน้ำลายหนึ่งอึกเพื่อปรับเสียงให้แหบแห้งเล็กน้อย “พ่อนอสขา ฬิขอโทษนะคะที่ไม่ได้ไปตามนัด” อืม ผ่านนะ น้ำเสียงน่าสงสาร ใบหน้าเศร้าเคล้าไปด้วยความรู้สึกผิด ไปแคสงานอาจจะผ่านนะ “นาฬิกาทำไมตัวร้อนแบบนี้ลูก เสียงก็แหบแห้ง มาลูกพ่อจะพาหนูไปโรงพยาบาล” พ่อนอสตีบทแตกยิ่งกว่า เขาเอามือแตะอังตามร่างกายฉัน สีหน้าห่วงใยเหลือล้น น้ำเสียงยิ่งไม่ต้องพูดถึง คล้ายว่าพ่อเป็นห่วงใช่ไหม ทว่าฉันที่เติบโตมากับลุงทิวรู้ดีว่าพ่อเสแสร้ง พ่อจับได้ว่าฉันแกล้งป่วยและตอนนี้พ่อนอสตามน้ำเพื่อพาฉันไปขังที่โรงพยาบาลสักพัก ไม่สักพักหรอก มันต้องนานมากแน่นอน ซึ่งฬิจะไม่ปล่อยให้มันเป็นแบบนั้นเด็ดขาด “พ่อนอสขาฬิกินยาแล้วค่ะ พักนิดเดียวก็คงจะดีขึ้นไม่ต้องไปโรงพยาบาลให้เสียเวลา” พ่อนอสยิ้ม รอยยิ้มแบบนี้ฬิรู้คำตอบแล้ว “ไม่ได้ลูก ไปตรวจน่ะดีแล้ว พ่อจะได้ไม่ต้องเป็นกังวล ปะ พ่อพานาฬิกาไปเองนะลูกรัก” “พ่อคะ” ไม่ทันได้แย้งพ่อนอสช้อนตัวฉันขึ้นจากโซฟาพาเดินออกมาจากห้องนั่งเล่น ฉันทำได้เพียงส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากแซนตี้ “เอ่อ พี่นอส แซนว่าแซนดูหลานได้ค่ะ” “ไม่เป็นไรแซน แซนงานเยอะ เดี๋ยวพี่พานาฬิกาไปหาหมอเอง ดูสิ หน้าลูกสาวพี่ก็ดูซีด ๆ บางทีอาจจะเป็นโรคร้ายแรง ให้หมอเช็กดูให้ละเอียดจะได้ปลอดภัยที่สุด พี่ไม่อยากกังวลด้วย พี่ไปนะ” “อาแซน…” “ฬิเดี๋ยวแซนไปเยี่ยมนะ” แซนตี้เจื่อนยิ้มและเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน ยกมือโบกบ๊ายบาย ใบหน้าบ่งบอกว่าทำดีที่สุดแล้วนะนาฬิกา แต่ช่วยได้แค่นี้จริง ๆ ซึ่งฉันอยากถามว่าหล่อนก็เป็นเคยหมอทำไมไม่บอกพ่อว่าจะรักษาฉันเองยะ นังอาตัวร้าย พ่ออุ้มฉันเข้ามานอนในรถแล้วสั่งคนขับให้ไปโรงพยาบาลด่วน ๆ ก็นะ ถึงแม้ฉันจะโดนจับได้ ทว่ายังต้องรักษาบทบาทที่ได้รับ นั่นก็คือแกล้งป่วยให้สุดดีกว่าโดนพ่อนอสลากไปขอโทษทางนู้น “พ่อนอสขาฬิจะอ้วกค่ะ ให้คนรถขับช้ากว่านี้ได้ไหมคะ” สีหน้าพะอืดพะอมขึ้นมาเลยค่า ก็ถ้าไม่ใช้วิธีนี้หมอก็ตรวจรู้น่ะสิว่าฉันไม่ได้ป่วย “ขับให้เร็วกว่านี้” “พ่อ…” “ยิ่งคลื่นไส้ยิ่งต้องขับเร็วนะลูก พ่อว่าอาการหนูหนักแล้ว ถึงมือหมอไม่ทันพ่อต้องรู้สึกผิดแน่ ๆ พ่อรักนาฬินะครับ” “…” อืม เพราะพ่อนอสฉลาดกว่าฬิ พ่อเอาความรักความห่วงใยที่พ่อมีให้ลูกมาอ้าง แต่ว่าฬิจะไม่ยอมแพ้เพียงเพราะเรื่องแค่นี้ ยังไงซะคนอย่างนาฬิกาก็ไม่มีทางให้ใครมาบังคับ ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง เวลานี้ฉันนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยในห้องวีไอพี โชคดีที่แซนตี้ฉลาดอยู่บ้างถึงให้รุ่นพี่นางที่เรียนหมอมารับหน้าโกหกเรื่องอาการของฉัน แน่นอนว่าพ่อนอสเชื่อ ถุย! เชื่อที่ไหน พ่อนอสน่ะเหรอจะเชื่อ พ่อไม่เชื่อแต่ตีเนียนอือเออกับพี่หมอเพื่อให้ฉันนอนโรงพยาบาลดูอาการ พ่อตั้งใจกักบริเวณลูกสาวคนสวย “พี่ฬิขา พี่ฬิเจ็บไหมค้า” เสียงปักใจน้องสาวคนเล็กสุด เรื่องของเรื่องหลังจากที่เข้าแอดมิทแม่ก็พาน้อง ๆ มายี่ยม รู้สึกผิดที่โกหกนิด ๆ แต่คนเราอะเมื่อถึงทางตันก็ต้องหาวิธีเอาตัวรอดถูกไหม “พี่ฬิเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวค่ะ” “พี่ฬิขาหิวไหมค้า ปักหมุดป้อนข้าวไหม” นี่ก็น้องอีกคน มีความห่วงพี่ด้วย “ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวอาแซนตี้มาป้อนพี่ฬิ” “เด็ก ๆ ไปเล่นห้องนู้นกันก่อนนะลูก แม่ขอคุยกับพี่ฬิสักเดี๋ยว” แม่เวย์ดูออกแหละ ฬิคงแสดงละครไม่เก่งอ่าเนอะ โถ ใครจะไม่ดูออก นี่มันวิธีเด็กน้อยไม่อยากไปโรงเรียนอะ ทำไงได้อะมันปุบปับถึงคิดได้แค่นี้ “ค่าแม่เวย์” เมื่อน้อง ๆ เดินไปที่ห้องรับรอง ฉันก็ตีเนียนดึงผ้าห่มมาคลุมโปง หนีสิคะ หนีหน้าแม่ค่ะ “นาฬิกาคะ” “ขา” หากจะถามว่าชีวิตนี้นาฬิกากลัวใคร ก็คนนี้แหละค่า แม่เวย์นี่แหละที่ฬิกลัวมาแต่ไหนแต่ไร “ทำแบบนี้คิดว่าตัดปัญหาได้เหรอคะ นัดคราวหน้ายังไงก็ต้องไปหรือรอบหน้าก็จะทำอะไรแบบนี้อีกน่ะเหรอ” “แม่ขา เขาต้องการเงินเท่าไหร่คะ ฬิจ่ายได้นะ แม่เคลียร์ให้ฬิหน่อย ฬิไม่อยากแต่ง” “ตรีโยธาไม่ได้เดือดร้อนเงินค่ะนาฬิกา สาเหตุที่ต้องแต่งเพราะเพื่อนของคุณปู่ทวดเคยผูกพันธะกันไว้” “งั้นฬิจะไปขอร้องคุณปู่ทวดให้ยกเลิกสัญญาโบราณนี้ซะ ฬิไม่แต่งหรอกค่ะ” “ไม่ใช่ปู่ทวดคงคาค่ะนาฬิกา เป็นปู่ทวดคุณวุฒิน้องชายของปู่ทวดคงคา ซึ่งนาฬิก็รู้ว่าท่านเสียไปนานแล้ว” “เสียนานแล้ว ถ้าอย่างนั้นจะมายึดติดทำไมคะ” ป่านนี้ปู่ทวดไปเกิดใหม่แล้วไหม “ก็เพื่อนของปู่ทวดคุณวุฒิยังอยู่ ท่านเริ่มเจ็บออดแอดจึงอยากทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับเพื่อน เวลาจากโลกนี้ไปจะได้สู้หน้าเพื่อนได้ สัญญาเป็นสัญญาเลือดท่านจึงยึดถือกันมาก” “เอาเลือดมาทำสัญญา เป็นแวมไพร์ เป็นซาตานเหรอคะ” “จะยังไงเราก็ต้องแต่งกับตรีโยธา” “แม่บังคับฬิ” “แม่ไม่ได้อยากบังคับนะลูก มันจำเป็น” “ฬิจะถือว่าแม่ไม่ได้พูดอะไรกับฬินะคะ” “นาฬิกา” “ไม่ค่ะแม่ แฟนฬิก็ไม่เคยมีจะให้ฬิไปใช้ชีวิตกับใครก็ไม่รู้ฬิไม่เอาด้วยนะคะ แม่ขา แม่ไม่สงสารลูกสาวที่น่ารักคนนี้เหรอคะ” ฉันเปิดผ้าห่มออกมาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าบวกกับบีบน้ำตาให้เอ่อคลอ แม่เวย์วางมือที่หัวฉันพร้อมเอ่ยด้วยสีหน้ากล้ำกลืน “แม่ตามใจพี่ฬิได้ทุกเรื่อง แต่เรื่องนี้ทางผู้ใหญ่ตัดสินใจกันแล้ว แม่ไม่รู้จะช่วยหนูยังไงเลยลูก” “แม่เวย์ขาทางนั้นเป็นคนยังไงก็ไม่รู้ หน้าตาแบบไหนขายไม่ออกหรือเปล่า มีคนรักอยู่แล้วไหม ให้ฬิไปแย่งของคนอื่นฬิไม่เอาด้วยนะคะ นิสัยใจคอต่าง ๆ จะเข้ากับลูกสาวของแม่ได้ไงคะ แม่ขาแค่คิดฬิก็จะร้องไห้แล้ว” “เท่าที่แม่ได้ยินแม่ เจ้าบ่าวของลูกชื่อปรานต์ อายุ 20 ปี เป็น…” “เดี๋ยวค่ะแม่ แม่จะให้ฬิกินเด็กเหรอคะ เด็กกว่าฬิตั้งเท่าไหร่ ไม่เอาหรอกค่ะไม่อยากถูกเรียกว่าป้า” หยิบยกเหตุผลนี้ทั้งที่ความจริงฉันชอบเด็กมาก ชอบแบบชอบที่สุดอะ “อายุไม่ใช่ตัววัดนะคะลูก” แม่เวย์พูดแบบนี้แสดงว่าไม่ได้อยู่ฝั่งฉันแน่นอน “…” กรรม อายุขนาดนี้เกิดมาเพิ่งเคยถูกบังคับ ดูเหมือนไม่มีใครอยู่ข้างฉันสักคน แบบนี้ฉันแย่แน่ โว้ย นี่มันยุคไหนแล้วมาสัญญาเลือดอะไรกัน โมโห โมโห โมโหมากค่ะ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD