จวนสกุลจาง
ในยามที่แสงแดดแผดจ้า แต่พอเข้าเขตจวนสกุลจางก็มีเงาไม้จากต้นไม้ใหญ่ให้ความร่มเย็น พวกเด็กตัวเล็กๆ ที่เมื่อครู่ไปวิ่งเล่นที่ตลาดถูกคุณหนูจางหยูเฟยไล่ให้เข้าจวน ขณะที่นัยน์ตาหงส์เหลือบมองไปยังสองแม่ลูกอย่างพินิจพิเคราะห์ คนเป็นแม่สามีและสะใภ้มีท่าทางแปลกพิกล แต่นางยังให้คำตอบตัวเองไม่ได้ว่าแปลกอย่างไร
ในตอนแรก นางไม่คิดจะรับคนทั้งคู่มาทำงานที่จวน แต่ฟังเสียงรบเร้าของซารังและเด็กๆ หลายคนที่นางอุปการะไว้ไม่ได้ วันนี้เจ้าเด็กพวกนั้นพากันคุกเข่ากลางตลาด และขอให้นางรับกงลี่ถิงเป็นพี่เลี้ยง แม้นางจะปฏิเสธไปแล้ว แต่ซารังน้อยก็ยังทำตาละห้อย แล้วบอกว่าชอบลี่ถิงมาก จางหยูเฟยสงสารซารังน้อยอยู่เป็นทุน เพราะบัดนี้นางเองก็ยังตามหาศพของยอนฮวาไม่พบ
แม้ว่ายอนฮวาจะไม่ใช่ชาวฮั่นและถูกบิดานำตัวล่องเรือข้ามทะเลปั๋วไห่กลับมาด้วย แต่สกุลจางให้เกียรติยอนฮวาดุจเครือญาติ แอบเลี้ยงดูนางเงียบๆ ไม่ได้เลี้ยงดูอย่างเชลย เพราะยอนฮวาผู้นี้เป็นผู้ช่วยบิดาของนางให้รอดชีวิต นับว่าเป็นผู้มีพระคุณของสกุลจาง
ภายหลังยอนฮวาเกิดตั้งครรภ์ บิดาของนางและนางก็ไม่คิดรังเกียจ แม้ไม่รู้ว่าเบื้องหลังของยอนฮวาเป็นมาอย่างไรเพราะนางความจำเสื่อม แต่ยอนฮวาเป็นคนเก่ง นางคิดและสอนอะไรหลายอย่าง จนจางหยูเฟยทึ่งกับความรู้แปลกใหม่
ตอนที่บิดาของนางเสียชีวิต สกุลจางซวนเซ ทรัพย์สมบัติร่อยหรอแทบไม่พอเลี้ยงผู้คน เพราะภายในจวนไม่มีทรัพย์สมบัติสะสมไว้ดั่งเช่นจวนอื่น อดีตแม่ทัพออกรบนานหลายปี ส่งแต่เบี้ยหวัดกลับมาให้ลูกและเมีย พอสิ้นบุญของอดีตแม่ทัพ เบี้ยหวัดที่เคยได้จึงไม่ได้อีก เงินจึงยิ่งร่อยหรอ
ยอนฮวาผู้นี้จึงเสนอให้นางเริ่มทำการค้าโดยนำสินค้าประเภทผ้าไหมและเครื่องปั้นดินเผาไปเสนอขายกับพ่อค้าเร่ต่างชาติ แรกเริ่มนางสื่อสารกับคนพวกนั้นไม่ได้ แต่ยอนฮวาสื่อสารรู้เรื่อง ซ้ำยังเก่งกาจสามารถนำผ้าไหมไปแลกเป็นทองคำกลับมา ดังนั้นนางจึงไม่ได้เห็นว่าซารังเป็นเพียงเด็กในบ้าน แต่ซารังคือหลานสาวของนาง
“หากคุณหนูรับพี่ลี่ถิงมาดูแลพวกข้า พวกข้าจะเป็นเด็กดี ไม่ดื้อ ไม่ซน ไม่วิ่งชนของในจวนแตกอีกเจ้าค่ะ”
จางหยูเฟยไม่รู้ว่าเหตุใดซารังน้อยถึงถูกชะตากับกงลี่ถิงผู้นี้นัก ทั้งที่เพิ่งพบกันครั้งแรกที่ตลาด ในเมื่อเด็กๆ ชอบและเวลานี้คนในจวนต่างมีงานล้นมือ จางหยูเฟยเลยยอมให้โอกาสแม่สามีกับลูกสะใภ้คู่นี้เข้ามาทำงานในจวนสกุลจาง
จางหยูเฟยหันไปบอกสาวใช้ให้พาคนทั้งสองไปพักที่เรือนหลังเล็กท้ายสวนผัก บรรยากาศที่นั่นเงียบสงบเพื่อให้ฟางเหนียง แม่สามีของลี่ถิงได้พักผ่อนอย่างสบายเพราะกำลังป่วยอยู่
“ลี่ถิง เจ้าพาแม่สามีตามสาวใช้ไปพักก่อน หากเรียบร้อยดีแล้วกลับมาหาข้าที่เรือนใหญ่”
“เจ้าค่ะคุณหนู” ลี่ถิงย่อตัวคำนับนาง พลางมองตามเรือนร่างอ้อนแอ้นหมุนกายเดินหายเข้าไปในเรือนใหญ่
พอลี่ถิงสะกิดให้ยายแก่ข้างๆ ลุกขึ้นได้แล้ว เว่ยกงกงดูเหมือนจะลุกไม่ขึ้นเพราะเมื่อครู่คุกเข่าอยู่นาน เสียงแหบพร่ากระซิบข้างหูเว่ยกงกงที่เวลานี้แต่งกายเป็นฮูหยินม่าย สวมบทฟางเหนียงแม่สามีของนาง
“นี่ข้าพาเจ้ามาด้วย ช่วยอะไรข้าได้บ้าง หรือข้าพาเจ้า
มาเป็นภาระ”
เว่ยกงกงได้ยินดังนั้นก็ตัวสั่นงันงกรีบลุกขึ้น
“ขออภัยพ่ะ...”
ยังไม่ทันจบเสียงกระซิบขู่ดังมาติดๆ “เดี๋ยวตบหน้าหัน ข้าสั่งว่าอยู่นอกกำแพงวังให้พูดอย่างไร”
ท่าทางแสร้งมีจริต แต่แววตาของโอรสสวรรค์นั้นดุดันเอาเรื่องจนฮูหยินม่ายต้องรีบขออภัย “ข้าเข้าใจแล้วลูกสะใภ้ ต่อไปนี้แม่สามีจะไม่ทำตัวเชื่องช้าให้เป็นภาระของเจ้า”
“งั้นก็ดี คืนนี้เราต้องเริ่มงานกันแล้ว”
“พวกเจ้าทำอะไรกันอยู่ รีบตามมาสิ” สาวใช้ผู้ถูกมอบหมายจากคุณหนูหันมาเรียกสองแม่ลูกเพราะไม่เดินตามนางไปเสียที
“ตามนางไปเร็วเข้า เดินให้มันไวๆ หน่อย” ลี่ถิงหันไปสั่งแม่สามี แต่แล้วร่างเล็กๆ ก็วิ่งตามนางมาแล้วฉุดรั้งมือขาวสะอาดเอาไว้
“พี่ลี่ถิงเจ้าคะ ซารังทำตามที่ท่านขอแล้วนะเจ้าคะ” เด็กน้อยแบมือขาวสะอาดยื่นมาตรงหน้าลี่ถิง “ไหนเล่ารางวัลของข้า”
***เด็กพวกนี้บังอาจรีดไถฮ่องเต้*** “ติดไว้ก่อน วันนี้ไม่ว่าง วันหลังค่อยกิน”
ซารังน้อยไม่ยอมแพ้วิ่งไปดักข้างหน้า “พี่สาว งั้นข้าไปบอกคุณหนูว่าไม่อยากได้ท่านเป็นพี่เลี้ยงแล้ว ท่านใจร้ายชอบ
หลอกเด็ก”
ซารังตัวเล็กท่าทางเฉลียวฉลาดจึงถูกมือเรียวแต่แข็งแรงเขกหัวเบาๆ แต่ออมแรงไว้แล้ว “ข้าละเหนื่อยใจกับพวกเจ้า เอาละ”
ลี่ถิงหันไปมองหน้าแม่สามี “ท่านทำขนมอะไรอร่อยบ้างเจ้าคะท่านแม่”
ฮูหยินม่ายสะดุ้ง ก่อนจะลอบถอนหายใจ เป็นขันทีมาหลายสิบปีไม่เคยเจองานเหนื่อย งานยาก เท่ากับงานชิ้นนี้ โอรสสวรรค์สั่งแล้วไม่ทำมีคำเดียวคือตาย
“แล้วแต่ลูกสะใภ้จะบัญชา”
ลี่ถิงตวัดสายตาคมดุมองแม่สามีของนางไปทีหนึ่ง “งั้นท่านแม่ทำขนมอะไรก็ได้ หม้อใหญ่ๆ ให้เจ้าเด็กพวกนี้กินที ทำเยอะๆ ให้กินให้อิ่ม จะได้เลิกรังควานข้าเสียที”
ซารังน้อยแหงนหน้ามามองค้อนพี่ลี่ถิงคนงาม “พี่สาวใจร้าย ข้าไม่ได้รังควาน แค่ทวงรางวัลที่ท่านบอกจะให้”
“ใครว่าข้าจะไม่ให้ ข้าแค่เหนื่อย จึงตั้งใจจะติดไว้ก่อน”
“คุณหนูสอนไม่ให้เป็นคนผัดวันประกันพรุ่งเจ้าค่ะ มันไม่ดี”
“เจ้า... ด่าข้ารึ” โอรสสวรรค์ไม่เคยถูกใครตำหนิ แต่วันนี้พระองค์รู้สึกเจ็บลึกๆ เพราะถูกเด็กน้อยกล่าวโทษต่อหน้า
“ข้าเปล่าเจ้าค่ะ”
“เอาเถอะ แล้วเจ้าอยากกินขนมอะไร”
“ข้าชอบขนมหยวนเซียวเจ้าค่ะ เด็กคนอื่นๆ ก็ชอบกันทุกคนเจ้าค่ะ” เด็กหญิงตัวน้อยนึกถึงขนมลูกกลมๆ ทำจากแป้งเหนียวๆ นุ่มๆ ด้านในของก้อนแป้งกลมๆ มารดาของนางคิดค้นให้มีหลายไส้ ทั้งงาดำที่คุณหนูชอบ และไส้เผือกซึ่งเป็นของโปรดของซารัง ซึ่งจวนอื่นนั้นไม่เคยเห็นมีใครทำหยวนเซียวไส้เผือก
โอรสสวรรค์ผลิยิ้มแกมหมั่นไส้แกมเอ็นดู “แต่ข้าว่าเจ้าคงชอบหยวนเซียวมากกว่าคนอื่นละมั้ง เอาละ ข้าจะให้ท่านแม่ทำหยวนเซียวให้พวกเจ้ากินจนพุงกาง”
ซารังน้อยกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ เพราะพี่สาวทุกคนในจวนมีภาระหน้าที่ต้องช่วยงานที่โรงปั้น ต่างคนต่างยุ่งเพื่อหาเงินมาเลี้ยงดูคนในสกุลจาง พวกนางจึงไม่ค่อยกล้ารบกวนร้องอ้อนขอให้ทำโน่นทำนี่ กระนั้นคุณหนูก็สั่งสาวใช้ให้ทำขนมของว่างแจกเด็กๆ เสมอ แต่สำหรับพวกเด็กๆ แล้วการได้กินขนมมากๆ คือลาภปากอันประเสริฐ
แต่ก็ไม่มีใครทำขนมหยวนเซียวได้อร่อยเท่ามารดาของนางอีกแล้ว คุณหนูจางหยูเฟยบอกว่าแม่ของนางไปทำธุระให้คุณหนูยังไม่กลับมา
ลี่ถิงเห็นซารังน้อยหน้าเศร้าลงจึงเกิดความสงสัย “ขนมข้าก็สั่งท่านแม่ทำให้เจ้าตามสัญญาแล้ว เจ้าเป็นอะไรอีก อย่าบอกนะว่าคิดรีดไถข้าเพิ่ม”
“มิใช่เจ้าค่ะท่านพี่ลี่ถิง ซารังแค่คิดถึงท่านแม่ของข้า”
“แม่ของเจ้า! แม่เจ้าไปไหน ไม่ได้อยู่รับใช้คุณหนูในจวนรึ”
“ท่านแม่ยอนฮวาของข้าเดินทางไปส่งผ้าไหมให้คุณหนู บัดนี้นางยังไม่กลับมาเลยเจ้าค่ะ”
ปกติแล้วฮั่นหลิวตี้ไม่ชอบเจรจากับเด็กนักเพราะไม่ชอบเอาใจใคร พระองค์เคยชินกับการถูกเอาใจ แต่น้ำตาหน่วยหนึ่งกำลังคลอเบ้าตาทั้งสองข้างของซารัง ทำให้คนใจแข็งพลันอ่อนยวบ
ร่างสูงย่อตัวลงแล้วตบศีรษะของซารังเบาๆ “เอาละ เดี๋ยวแม่เจ้าก็คงกลับมา เอาแบบนี้ดีหรือไม่ เดี๋ยวข้าบอกท่านแม่ให้ทำขนมหยวนเซียวให้เจ้ากินคนเดียวสองชามโตๆ เลย”
“จริงหรือเจ้าคะ” พอได้ยินว่าจะได้กินหยวนเซียวสองชามโต น้ำตาที่คลอเบ้าเมื่อครู่ถูกหลังมือเล็กๆ ปาดไล่ออก พลันเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มขึ้นมาแทน
ลี่ถิงส่ายหน้าท่าทางระอา “อะไรของเจ้า เมื่อครู่เจ้ายังร้องไห้คิดถึงแม่ พอข้าบอกให้กินขนมสองชาม เจ้ากลับยิ้มได้ เจ้านี่มันตะกละจริง”
“ข้าไม่ได้ตะกละนะเจ้าคะ แต่ข้าดีใจต่างหาก เดี๋ยวข้าต้องรีบไปบอกเพื่อนๆ ก่อน”
ร่างเล็กๆ น่าเอ็นดูรีบวิ่งเหยาะๆ ไปบอกสหายวัยไล่เลี่ยกันของนาง ว่าพี่ลี่ถิงคนสวยยอมจ่ายรางวัลให้แล้ว