4

1174 Words
นับว่าเป็นเรื่องแปลก พระองค์ไม่เคยได้ยินว่าคุณหนูสกุลใดมีนิสัยเยี่ยงนี้ ผู้หญิงตัวเล็กๆ อายุเพียงสิบแปดปี ต้องหาเลี้ยงบ่าวไพร่ในจวน ทั้งที่นางจะเลือกเอาความสุขสบายของตนเองแต่งออกไปกับคุณชายที่มีฐานะดีก็ย่อมได้ แต่บางทีนั่นอาจเป็นฉากบังหน้า เบื้องหลังอาจมีตื้นลึกหนาบางแอบ แฝงตามที่พระองค์สงสัย “คุณหนูจางท่านนี้น่านับถือนัก” ฮั่นหลิวตี้เอ่ยชม ดวงตามังกรไม่คลายจากร่างอ้อนแอ้น “เจ้าคงไม่รู้ว่า นอกจากคุณหนูจะค้าขายกับชาวฮั่นด้วยกันแล้ว นางยังค้าขายกับชาวต่างชาติด้วย” คำพูดนี้ของหญิงวัยกลางคนเรียกความสนใจของฮั่นหลิวตี้ให้เพิ่มขึ้นไปอีก “ท่านป้าว่าอย่างไรนะ” “คุณหนูจางพูดภาษาต่างชาติได้ด้วย แต่ข้าก็ไม่รู้หรอกว่าภาษาอะไร ข้าฟังไม่ออก แต่คนละแวกนี้เขารู้กันทั้งนั้น” คิ้วกระบี่ของโอรสสวรรค์เลิกสูงขึ้น “น่าสนใจยิ่งนัก” ผ้าไหมและงานหัตถกรรมของชาวฮั่นมีทั้งพ่อค้าชาวตะวันตกและชาวเปอร์เซียต้องการซื้อ แต่นางสื่อสารกับคนพวกนั้นรู้เรื่องได้อย่างไร ช่างน่าสงสัยยิ่งนัก พระองค์เคยส่งองครักษ์ไปสืบจากพวกพ่อค้าเร่ชาวตะวันตกว่าเข้ามาทำการค้ากับสกุลจางได้อย่างไร องครักษ์รายงานว่าคนของสกุลจางพูดได้หลายภาษา นั่นก็น่าสงสัยพอแล้ว มิหนำซ้ำยังได้ยินว่ามีพวกเชื้อสายโชซ็อนโบราณแฝงอยู่ในจวน แล้วถ้าหากนางเป็นวรยุทธ์อีก ก็ต้องเป็นนางแน่ที่ลอบเข้าไปยังตำหนักของพระองค์ เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก บิดานางทำความดีความชอบไว้แก่แผ่นดินมากโข แต่ถ้าลูกหลานกลายเป็นคน ทรยศ คิดกบฏขายชาติ สกุลจางจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด อีกอย่าง เวลานี้จางจิ้นไฉ บุตรชายคนโตของอดีตแม่ทัพก็ขึ้นเป็นรองแม่ทัพ ฝีมือของเขาฉกาจฉกรรจ์ไม่แพ้ผู้เป็นบิดา บัดนี้ออกปราบชนกลุ่มน้อยอยู่ที่ชายแดน แม้แต่อดีตฮองเฮาของพระองค์ที่หายสาบสูญไประหว่างส่งตัวเข้าห้องหออย่างเป็นปริศนาก็เป็นสตรีที่มาจากสกุลจาง และเพราะเรื่องนี้ก็ทำให้สกุลจางหมางใจกับราชสำนักมาแล้ว คนในตระกูลจางคงคิดว่าพระองค์เกี่ยวพันกับการหายตัวไปของอดีตฮองเฮา เพราะนางไม่ใช่สตรีที่พระองค์ให้ความสนใจ ทั้งหมดล้วนเกิดจากความเหมาะสมทางการเมือง หากไล่ลำดับเครือญาติ จางหยูเฟยเป็นธิดาของจางจิ้นเหอ ซึ่งเป็นพี่ชายคนละแม่ของฮองเฮา นางจึงมีศักดิ์เป็นถึงหลานสาวฮองเฮา และบัดนี้พระองค์ก็ยังไม่ได้ตั้งสนมชายาคนใดขึ้นรับตำแหน่งฮองเฮาที่ว่างเว้น พระองค์อยากสืบเรื่องนี้ด้วยตัวเองเพราะไม่ไว้ใจให้ใครสืบ เป็นจังหวะเดียวกับที่จางหยูเฟยออกมาตามพวกเด็กๆ ที่พากันออกมาเที่ยวตลาดให้กลับจวนกันได้แล้ว ฮั่นหลิวตี้หันไปยิ้มหวานขอบคุณหญิงวัยกลางคนผู้นั้นแล้วมองไปที่ซารังน้อย ก่อนจะยอบกายลงไปให้เท่ากับความสูงของเด็กแล้วกระซิบเสียงเบา “ข้าเห็นนะว่าเจ้าอยากกินลูกซานจาเคลือบน้ำตาล ข้าจะเหมาซานจาทั้งหมดให้เจ้ากับเพื่อนๆ กินจนอิ่ม แต่เจ้าต้อง ช่วยข้าเรื่องหนึ่ง” “พี่สาวจะให้ข้าช่วยเรื่องใดหรือเจ้าคะ” เด็กน้อยทำตาโตแล้วมองสตรีตรงหน้า “ไม่เอาดีกว่า ข้าว่าแค่ซานจาเคลือบน้ำตาลคงไม่คุ้มแล้ว” “พวกเจ้าตามข้ากลับจวนได้แล้ว” เสียงของจางหยูเฟยขัดขึ้น ยิ่งนางย่างกรายเข้ามาใกล้ๆ ฮั่นหลิวตี้เพิ่งค้นพบว่าหัวใจเต้นระส่ำมันมีอาการเช่นนี้นี่เอง พระองค์เกลียดเด็กแล้วยังมาเจอเด็กช่างต่อรอง แต่ทำอย่างไรได้ในสถานการณ์เยี่ยงนี้ ริมฝีปากที่เคลือบสีแดงเอาไว้อย่างงดงามก้มลงไปที่ข้างหูเล็กๆ “ข้าจะเลี้ยงซานจาเคลือบน้ำตาลเจ้า แล้วเพิ่มซาลาเปากับทำขนมหยวนเซียวให้พวกเจ้ากินอีกด้วย” พระองค์ทำอาหารเป็นที่ไหน หากเด็กบ้าพวกนี้ตอบตกลง พระองค์ค่อยโยนหน้าที่นี้ให้เว่ยกงกงรับไป “แต่พวกเจ้าต้องช่วยผลักดันข้ารู้ไหม” ซารังน้อยกลอกตามองบนแล้วส่งยิ้มเผล่ “ข้าตกลงเจ้าค่ะ” ฮั่นหลิวตี้ถอนหายใจโล่งอก ***‘เด็กบ้า’*** เมื่อจางหยูเฟยเดินมาถึงกลุ่มเด็กๆ สตรีงดงามนางหนึ่งก็พุ่งพรวดเข้ามาหา “คุณหนูเจ้าขา ข้ากงลี่ถิงเป็นม่ายสามีตายในสนามรบ ต้องเลี้ยงแม่สามีที่ป่วยกระเสาะกระแสะ ข้าได้ยินคุณหนูป่าวประกาศหาพี่เลี้ยงเด็ก ลี่ถิงเป็นคนรักเด็ก หวังว่าคุณหนูจะเมตตาให้ข้าน้อยได้รับใช้คุณหนูด้วยนะเจ้าค่ะ” เว่ยกงกงที่แต่งกายเป็นฮูหยินม่ายต้องคุกเข่าตามและทำท่าโก่งคอไอเรียกความสงสาร จางหยูเฟยเอียงศีรษะมองสตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้า จะมองว่างามก็ใช่ แต่มองไปมองมารู้สึกว่างามอย่างประหลาด ท่าทางไม่เห็นมีวี่แววว่าเป็นคนรักเด็กแต่ประการใด “ข้าต้องการพี่เลี้ยงเด็ก เพราะสาวใช้ในสกุลจางต้องทำงานที่โรงเครื่องปั้นดินเผาจึงไม่มีเวลามาเลี้ยงเด็ก ส่วนเจ้าบอกว่ามีแม่สามีต้องดูแล และนางก็กำลังป่วย ข้าคงรับเจ้าเข้ามาทำงานไม่ได้ เพราะเจ้าคงไม่มีเวลาดูแลเด็กๆ ให้ข้า” จางหยูเฟยพูดรวบรัดหมดจด แต่ก่อนจะเดินไปนางหยิบถุงเงินออกมาแล้วยัดใส่มือสตรีแปลกหน้า “ข้าให้ เจ้าพาแม่สามีไปหาหมอเถอะ แล้วหางานที่เหมาะสมกับเจ้าดีกว่า” จางหยูเฟยหันหลังกลับกำลังจะเดินหนี ทว่ามือขาวสะอาดเมื่อครู่รั้งมือบางของนางไว้ นางรู้สึกประหลาดวูบวาบ มองมือที่สัมผัสกันนิ่งๆ ขณะที่ฮั่นหลิวตี้จับมือเรียวยาวของนางไว้ไม่ยอมปล่อย ดวงตามังกรจ้องมองสตรีตรงหน้า แม้ตัวเขาจะไม่ได้บึกบึนเฉกเช่นแม่ทัพนายกอง แต่สูงโปร่ง และเรี่ยวแรงจากการฝึก วรยุทธ์มีมาก คนเจ้าเล่ห์ลอบยิ้มมุมปาก ออกแรงดึงแขนจางหยูเฟยเบาๆ ก็ทำให้คนไม่ทันระวังเสียหลักล้มลง “อุ๊ย!” ฮั่นหลิวตี้รอเวลานี้อยู่แล้ว เขาใช้ความเร็วปานสายลมปราดเข้าประคองร่างบอบบางของนางเอาไว้ แล้วยังใช้ร่างของพระองค์รองรับร่างของจางหยูเฟยเอาไว้ก่อนที่จะล้มลงไปด้วยกัน ฮั่นหลิวตี้ลอบเสียดาย เหตุใดสถานการณ์ตอนนี้พระองค์ต้องหงายหลังล้มลงกลางตลาดที่มีผู้คนพลุกพล่านโดยมีจางหยูเฟยคนงามคร่อมทับอยู่ หากเปลี่ยนจากกลางตลาดเป็นล้มลงไปบนพระแท่นบรรทมด้วยกันสองต่อสองคงจะดีกว่านี้ไม่น้อย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD