รถหรูแล่นผ่านสองข้างทาง หญิงสาวจ้องมองออกไปข้างนอกผ่านกระจกเห็นวิวทิวทัศน์เต็มไปด้วยต้นไม้นานา บนถนนมีรถหลากสีแล่นสวนกันไปมาอย่างไม่ขาดสาย ที่นั่งด้านข้างมีคุณหมอหนุ่มคอยขับรถให้เธออยู่อย่างระมัดระวัง เวลาผ่านไปไม่นานนักรถก็ได้ขับมาจอดอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่ง
“ถึงแล้วครับ”
หมอภัทรหันมาเอ่ยกับคนข้างๆ แต่ทว่าเธอกลับผล็อยหลับไป ดวงหน้านวลเนียนเวลาที่หลับใหลกลับน่ารักไม่แพ้กับตอนที่ลืมตาตื่น หมอภัทรเผลอจ้องมองพาฝันอยู่นานจนเธอตื่นขึ้นมาเพราะรู้สึกว่ารถหยุดนิ่ง
“ถึงแล้วหรือคะ”
“ครับ”
ชายหนุ่มตอบกลับไป ลำแขนอีกข้างเอื้อมมาปลดเข็มขัดออกให้เธอแล้วส่งกลับไปยังที่เดิม ทำให้ตอนนี้หน้าของทั้งคู่อยู่ใกล้กันเพียงคืบ สองสายตาสบประสานเข้าหากันอย่างลืมตัว ตึกตัก ตึกตัก ใจดวงน้อยเต้นโครมครามอีกครั้งในเวลาเขินอาย
“ลงรถกันเถอะครับ”
หมอภัทรพูดจบก็ลงจากรถไป แล้วเดินอ้อมมาอีกด้านเพื่อเปิดประตูให้พาฝันลง
“ขอบคุณค่ะ”
เสียงอ่อนหวานเอื้อนเอ่ยจากใจ ดวงตาคู่งามมองออกไปรอบบ้าน ขณะที่หมอภัทรเดินนำเธอเข้าไปในบ้าน ภาพตรงหน้าเป็นบ้านพักหลังหนึ่งสไตล์อเมริกันคันทรีสองชั้น รอบๆ มีต้นไม้น้อยใหญ่ถูกปลูกไว้เพื่อสร้างความร่มรื่นและมีดอกไม้สีสวยปลูกประดับไว้หน้าบ้าน ตัวบ้านมีระเบียงยื่นออกมาเพื่อรับลม นั่งเล่น และชมวิวจากธรรมชาติ บ้านของหมอภัทรอยู่ในแถบชานเมืองเหมาะสำหรับคนที่รักความสงบและไม่ชอบความวุ่นวาย
“พี่พาขึ้นไปดูห้องนอนนะ”
“ค่ะ”
เจ้าของบ้านเดินนำขึ้นไปชั้นบน ภายในตัวบ้านถูกตกแต่งในรูปแบบเซนสไตล์ เหมาะกับคนรักความสงบเรียบง่าย เฟอร์นิเจอร์และการตกแต่งภายในบ้านเน้นใช้วัสดุธรรมชาติเป็นหลักและลวดลายเหมือนกันทั้งหลัง เหมาะกับแบบบ้านที่มีหน้าต่างและแดดส่องเข้ามาเป็นอย่างมาก
แอ๊ด~ มือหนาเลื่อนเปิดประตูก่อนจะผายมือให้หญิงสาวเข้าไปดูห้องนอนใหม่ของเธอ ดวงตากลมโตชะโงกเข้าไปสำรวจภายในห้องที่ถูกตกแต่งด้วยโทนสีเดียวกันกับภายในตัวบ้าน
“ให้พาฝันนอนห้องนี้หรือคะ”
“ครับ ห้องพี่อยู่ข้างๆ นี้เอง”
พาฝันมองตามหมอภัทรที่กำลังยกนิ้วโป้งชี้ไปทางห้องที่อยู่ถัดจากเธอ
“แล้วห้องนั้น ของใครคะ”
หญิงสาวถามออกไปเพราะเห็นว่ายังมีอีกห้องที่อยู่ถัดออกไป
“ห้องนั้นว่างครับ พี่เหลือไว้เผื่อพ่อกับแม่มาเที่ยวหา”
“อ๋อค่ะ”
หญิงสาวคลี่ยิ้มเบาๆ ก่อนจะดันตัวเข้ามาในห้องนอนของเธออีกครั้ง
“เกรงใจหมอภัทรจังเลยค่ะ ฉันจะพยายามนึกให้ออกนะคะว่าบ้านและครอบครัวอยู่ที่ไหน”
“ไม่เป็นไรครับ พี่เต็มใจ”
ดวงตาคมโตจ้องมองดวงหน้างามที่กำลังมองมาอยู่เช่นกันจนเธอต้องหลบสายตามองลงต่ำ
“ต่อไปไม่ต้องเรียกหมอภัทรแล้วนะ ให้เรียกว่าพี่”
“พี่หรือคะ”
พาฝันทวนคำตอบอีกครั้ง ก่อนจะเงยใบหน้าหวานขึ้นมองคนตรงหน้า
“ครับ เรียกพี่ภัทร หรือ พี่หมอก็ได้”
“ค่ะพี่หมอ งั้นพาฝันขอเรียกแบบนี้นะคะ”
“ครับ”
พาฝันตกลงยอมเรียกพี่ตามที่คุณหมอต้องการ แต่เธอขอเรียกเป็นพี่หมอก่อนแล้วกัน จะให้เรียกพี่ภัทรเธอก็รู้สึกกระดากปากอย่างบอก ไม่ถูก ไม่เหมือนตอนที่สารวัตรกัญจ์ให้เรียกว่าพี่กัญจ์เลย
“นอนพักก่อนก็ได้นะครับ เดี๋ยวพี่มา”
“พี่หมอจะไปไหนคะ”
“พี่ขอเข้าไปทำงานในห้องแป๊บนึงครับ เดี๋ยวเย็นๆ จะพาออกไปหาอะไรกิน และแวะไปซื้อเสื้อผ้าด้วย”
“ค่ะพี่หมอ”
หมอภัทรเดินออกไปจากห้อง พาฝันก็เดินไปปิดประตูก่อนจะสำรวจห้องนอนของเธออีกครั้ง เธอก้าวเดินไปที่หน้าต่างที่อยู่ด้านข้างของเตียง มองผ่านกระจกใสที่มีผ้าม่านกั้นออกไปด้านนอกพบต้นไม้เขียวชอุ่มและพื้นสนามที่ปลูกหญ้าสีเขียวงามตา ร่างเพรียวบางนั่งลงบนเตียงนอนที่ถูกปูด้วยผ้าสีขาว ผ้าห่มและหมอนสีเทาเข้าชุดกัน ก่อนจะล้มตัวลงนอนและผล็อยหลับไปอย่างไม่รู้ตัว
*****
หญิงสาวที่สวมใส่เสื้อสเวตเตอร์ขนฟูนุ่มสีขาวกางเกงขายาว สีดำ สะพายกระเป๋าข้างใบเล็กน่ารัก พร้อมกับกล้องถ่ายรูปที่คล้องคอ เธอยืนอยู่ท่ามกลางสถานที่ที่มีผู้คนมากมาย เป็นสถานที่ที่ไม่ได้อยู่ในประเทศไทยเพราะคนที่นั้นเป็นชาวต่างชาติทั้งหมด เธอมองออกไปยังรอบๆ ก็พบกับคุณยายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ใกล้ๆ เธอ
“คุณยายคะ มาเที่ยวหรือคะ”
พาฝันถามคุณยายที่ยืนมองรูปภาพรูปหนึ่งที่แขวนอยู่ข้างผนังเป็นภาษาอังกฤษ
“หนูเคยเชื่อเรื่องความฝันมั้ย”
คุณยายท่านนั้นเอ่ยถามเธอมาอย่างประหลาด
“ความฝันหรือคะ”
“ใช่จ้ะ คนที่นี่เชื่อกันว่าเทพแห่งความฝันจะบันดาลให้พบเจอคนที่เฝ้าถวิลหาในยามหลับฝัน”
ยายแก่เล่าออกมาขณะที่สายตายังจับจ้องไปที่รูปภาพที่ถูกแขวนอยู่เบื้องหน้า
“คนที่คิดถึงหรือคะ”
เธอครุ่นคิดในใจครู่หนึ่งคนที่คิดถึงคือใครกัน เธอกำลังจะเอ่ยถามสิ่งที่คุณยายพูดหมายความว่าอย่างไรแต่กลับไม่พบยายคนนั้นแล้ว
“คุณยายคะ คุณยาย หายไปไหนแล้วนะ”
เธอพึมพำและออกเดินตามหาไปทั่วบริเวณที่เธอยืนอยู่แต่กลับไม่พบยายแก่ท่านนั้นเลย จึงได้ตะโกนเรียกออกไปอีกครั้ง
“คุณยายคะ”
*****
“คุณยายคะ”
เสียงตะโกนดังขึ้นขณะที่เธอกำลังนอนหลับและหมอภัทรที่กำลังเปิดประตูเข้ามาได้ยินเข้าพอดี
“พาฝันครับ พาฝัน”
หมอภัทรเอ่ยเรียกคนที่กำลังตกอยู่ในความฝัน เธอนอนหลับตาพริ้มเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นเต็มใบหน้า และกำลังร้องเรียกหาใครบางคน
เฮือก! พาฝันลืมตาโพลงพบว่าตัวเองกำลังนอนหลับอยู่บนเตียงและที่ข้างๆ ยังมีหมอภัทรกำลังจ้องมองใบหน้าของเธออยู่
“พี่หมอ เข้ามาได้ยังไงคะ”
“พี่กำลังจะมาเรียกเราออกไปข้างนอก แต่เห็นว่าพาฝันกำลังนอนหลับและร้องเรียกคุณยายเสียงดังลั่น”
“เรียกคุณยายหรือคะ”
“ครับ ฝันถึงอะไรหรือครับ เล่าให้พี่ฟังได้มั้ย”
เสียงทุ้มแฝงไปด้วยความห่วงใยเอ่ยถามเธอออกมา
“ค่ะ พาฝันฝันว่าเห็นคุณยายท่านหนึ่งพูดเกี่ยวกับเทพแห่งความฝันอะไรสักอย่างนี่แหละค่ะ แล้วจู่ ๆ ท่านก็หายไปเลย พาฝันเลยออกเดินตามหาแต่ก็ไม่พบ”
มือหนายกขึ้นลูบเรือนผมสีแดงประกายชมพูอย่างเบามือ
“ก็แค่ความฝันไม่มีอะไรนะครับ เดี๋ยวเราออกไปหาอะไรกิน กันเถอะ ไปซื้อเสื้อผ้าของใช้ส่วนตัวของพาฝันด้วย เดี๋ยวจะค่ำซะก่อน”
“ค่ะ พาฝันขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ เดี๋ยวตามลงไปค่ะ”
“ครับ ผ้าขนหนูพี่เตรียมเอาไว้ให้ในห้องน้ำแล้วนะครับ เราหยิบใช้ได้เลยนะ”
“ค่ะพี่หมอ ขอบคุณมากนะคะ”
หมอภัทรลุกเดินออกจากห้อง ขณะที่พาฝันก็เดินไปยังห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตา มือบางวักน้ำขึ้นล้างใบหน้า ดวงตาจ้องมองตัวเองในเรือนกระจกขบคิดถึงเรื่องที่ฝัน ถ้าคิดถึงใครจะฝันถึงคนคนนั้นจริงๆ หรือ น้ำในอุ้งมือถูกวักขึ้นมาชะล้างใบหน้าอีกครั้งก่อนจะหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กขึ้นมาเช็ดแล้วลงไปหาคุณหมอที่กำลังรอเธออยู่ชั้นล่าง
“พร้อมไปกันรึยังครับ”
หมอภัทรเอ่ยถามหญิงสาวที่กำลังเดินลงบันไดมา
“ค่ะพี่หมอ”
พาฝันตอบกลับก่อนจะเดินตามหลังหมอภัทรเพื่อไปขึ้นรถที่จอดอยู่หน้าบ้าน