ทอแสงดาว

ยังไหว

ช่างแต่งหน้าถูกเชิญให้เข้ามาอีกครั้งหลังจากที่คมเพชรกับน้ำเงินเดินเข้ามาขอเวลาพูดกับสองสาวในห้องแต่งตัว ไม่รู้ว่าพวกเขาพูดอะไรกับสองพี่น้องจากที่รื่นเริงและพูดคุยเป็นกันเองกับช่างแต่งหน้าเต็มที่เมื่อสักครู่นี้ แต่พอกลับเข้ามาหลังจากที่คมเพชรกับน้ำเงินเดินออกไปสองพี่น้องกลับหน้าซีดเผือด และพยายามกดโทรศัพท์กันอย่างเอาเป็นเอาตายในตอนที่ช่างจะกลับเข้าไปแต่งหน้าต่อเพราะสองสาวในห้องหมดธุระคุยกับเจ้าบ่าวของงานแล้ว

“คุณน้องดารากับคุณน้องพระจันทร์เป็นอะไรหรือคะ... ทำไมดูลุกลี้ลุกลน... พร้อมแต่งหน้าไหมคะเนี่ย ถึงแม้ว่าฤกษ์จะอีกหลายชั่วโมง แต่ว่าเรามาแต่งหน้ากันก่อนดีไหมคะ เสร็จก่อนดีกว่าเสร็จไม่ทันนะคะ”

“อะ เอ่อ... ค่ะ แต่งได้เลยค่ะ” จันทร์เจ้าขามองหน้าน้องสาว พยักหน้าให้มาแต่งหน้าไปพลางๆ ก่อน... แล้วก็ค่อยแชตคุยกัน...

“ตกลงว่าใครเป็นเจ้าสาวก็ไม่ยอมบอก เป็นหนึ่งในสองของคุณน้องหรือเปล่าคะเนี่ย...” ช่างแต่งหน้าถามงงๆ เพราะยังไม่ได้ข้อสรุปเรื่องเจ้าสาว...

ชุดไหมไทยเกรดพรีเมียมสีงาช้างสำหรับพิธีหมั้นฤกษ์เที่ยงตรงนั้นแขวนเด่นหราโดยมีผ้าสไบสีทองอร่ามปักอย่างดีพาดอยู่ เครื่องประดับทองคำประดับอัญมณีก็วางเรียงพร้อมๆ กับชุดเพื่อนเจ้าสาวสีชมพูแบบเรียบหรูสองชุดซึ่งโทนสีต่างจากชุดเจ้าสาวทำให้ช่างแต่งหน้าหงุดหงิดเล็กน้อยที่ไม่รู้ว่าใครเป็นเจ้าสาวเพราะว่าเจ้าของงานไม่ยอมบอก เลยไม่รู้ว่าจะแต่งหน้าโทนสีใดรวมทั้งไม่รู้จะวางความเด่นบนหน้าให้ใครมากที่สุดกันแน่เพราะไม่มีใครบอกกล่าวว่าใครคือเจ้าสาว คนที่จ้างมาก็อุบเงียบพอกัน ถ้าไม่ติดว่าได้เงินก้อนโตไม่มานั่งทนหงุดหงิดกับเจ้าของงานที่เอาแต่ใจสุดๆ แบบนี้หรอก

“พี่ขออนุญาตจัดเต็มทั้งสองสาวแล้วกันนะคะ คนเป็นเจ้าสาวจะหาว่าพี่แต่งหน้าเพื่อนเจ้าสาวสวยกว่าไม่ได้นะคะ ก็คุณน้องกับเจ้าของงานเล่นร่วมมือกันอมพะนำไม่บอกกันเองว่าเจ้าสาวคือใคร...”

ช่างแต่งหน้าบอกติดตลก... แม้จะไม่ชอบที่ไม่รู้เลย แต่ว่าความน่ารักของทั้งคู่ทำให้ไม่ได้โกรธเคืองอะไรจริงจังเลย เดี๋ยวงานจัดขึ้นก็ได้รู้เองว่าอะไรเป็นอะไร

พอลงรองพื้นด้วยเครื่องสำอางแบรนด์ระดับอินเตอร์คอสเมติกแบบแกะใหม่หมดทุกชิ้นเพื่อเป็นการรองรับความเอ็กซ์คลูซีฟของลูกค้าเรียบร้อยแล้ว ช่างแต่งหน้ายังไม่ทันได้ลงแป้งฝุ่นเป็นขั้นตอนถัดไป ประตูห้องแต่งตัวก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง...

“อ้าวคุณน้ำตาล... มาทำอะไรค้า” หัวหน้าช่างแต่งหน้าเอ่ยทักผู้มาใหม่...

น้ำตาล คือพี่สาวคนกลางของน้ำเงินในบรรดาลูกทั้งสามคนของเจ้าสัวธานินทร์ น้ำตาลคือคนที่สนิทกับช่างแต่งหน้าและเป็นผู้ว่าจ้างพวกเขามาแต่งให้เจ้าสาวของน้ำเงิน... ตอนแรกน้ำเงินบอกว่าวาวพลอยคู่หมั้นที่หมั้นกันภายในครอบครัวของเจ้าสาวทุกคนในบ้านก็เข้าใจว่างานแต่งครั้งนี้จัดโดยมีเจ้าสาวเป็นวาวพลอย แต่พอเอาเข้าจริงน้ำเงินเพิ่งบอกหล่อนเมื่อครู่ว่าหล่อนจะต้องมาเป็นเพื่อนเจ้าสาวและรัศมีดาราจะเป็นเจ้าสาวแทน ไร้ซึ่งการอธิบายเหตุผลใดๆ เพิ่มจากน้องชาย แต่เวลาเริ่มงานที่งวดเข้ามาทุกทีทำให้หล่อนไม่โต้แย้งอะไร เพราะยอมรับในการตัดสินใจของน้อง ตั้งใจว่าเสร็จงานแล้วจะมาซักไซ้ไล่เลียงทีหลัง...

“นี่ถ้าเจ้าบ่าวเป็นคุณคมเพชร ก็พอจะเดาว่าคุณน้ำตาลเป็นเจ้าสาว... แต่นี่เจ้าบ่าวเป็นคุณน้ำเงินน้องชายคุณน้ำตาลเอง... เราเดาไม่ถูกเลยค่ะว่าใครเป็นเจ้าสาว... ช่วยบอกได้ไหมคะจะได้แต่งหน้าถูก... หรือว่าเป็นคุณน้องพระจันทร์ล่ะคะ” ช่างแต่งหน้าถามน้ำตาล แล้วก็หันมามองหน้าจันทร์เจ้าขา...

“โอ๊ย ไม่ใช่หรอกค่ะ ที่มาบอกจนนาทีสุดท้าย คงเพราะอยากปิดข่าวมั้งคะ... เจ้าสาวตัวจริงของนายน้ำเงินคือน้องดาราค่ะ... แต่งหน้าเจ้าสาวให้สวยๆ ด้วยนะคะ ส่วนน้ำตาลน่ะ เป็นได้แค่เพื่อนเจ้าสาวล่ะค่ะ” น้ำตาลบอกช่างแต่งหน้า ก่อนจะหันไปยิ้มให้กับรัศมีดารา น้ำตาลอยู่ในวงสังคมไฮโซซึ่งพอรู้จักกับรัศมีดาราอยู่บ้างเพราะว่าอาร์ตมักส่งเด็กในสังกัดไปเดินแบบหรือช่วยงานกุศลบ่อย ๆ จนได้รู้จักกับไฮโซหลายคนเพราะเคยร่วมกันทำโครงการต่างๆ เพื่อช่วยเหลือผู้ยากไร้

“อุ๊บส์ ปิดไม่มิดหรอกค่ะ น้องดารากำลังดังขนาดนี้... เอาเป็นว่าคุณพี่จะไม่พูด เหยียบให้มิด” ช่างแต่งหน้าบอกติดตลกทั้งที่ดูตกใจกับสิ่งที่น้ำตาลบอกมาก

น้ำตาลทำท่าค้อนเหมือนไม่เชื่อใจนัก

“ไม่ต้องกลัวหรอกค่ะ แต่งงานเสร็จมีข่าวแน่นอน น้ำเงินไม่ยอมให้เป็นข่าวก่อนแต่งเพราะว่าชอบความเป็นส่วนตัว แต่หลังแต่งงานแล้วยังไงก็มีข่าวแน่นอนค่ะ...น้องดาราอุตส่าห์เอาชนะใจเทพบุตรดำอย่างนายน้ำเงินได้ จะแต่งแล้วปิดข่าวก็ไม่เหมาะหรอกค่ะ”

คำพูดของน้ำตาล ทำให้รัศมีดารามองหน้าพี่สาว... หล่อนกลัวเรื่องข่าว เรื่องแต่งงานหล่อนยังไม่ได้ปรึกษาพี่อาร์ตผู้จัดการส่วนตัวของหล่อนด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร รู้แต่ว่าติดต่อพี่ชายกับวาวพลอยยังไม่ได้เลย

พี่สาวของน้ำเงินพูดเหมือนเพื่อให้เรื่องมันดำเนินต่อไปให้ได้เท่านั้น... สองพี่น้องคิดว่าน้ำตาลเองก็รู้ว่าเจ้าสาวจะเป็นวาวพลอยแต่ว่าเจ้าสาวตัวจริงไม่อยู่ เจ้าสาวจำเป็นก็ต้องเข้าพิธีเพราะว่าเจ้าบ่าวไม่ยอมล้มงานแต่งอย่างที่รัศมีดาราได้คิดเอาไว้ เหมือนเงื่อนที่หล่อนผูกมันเริ่มมัดมาที่ตัวหล่อนแถมยังมัดตรงคอเสียแน่นด้วยซ้ำ เมื่อหล่อนพาเจ้าสาวเขาหนีแต่สุดท้ายต้องมาเข้าพิธีแทนเสียเอง...

จากที่ปฏิเสธไม่รู้ไม่เห็นเสียงแข็งแต่แรก รัศมีดาราก็เถียงไม่ออกเมื่อน้ำเงินบอกหล่อนเสียงเย็นว่าบ้านเขามีกล้องวงจรปิดและเห็นทุกอย่างที่หล่อนทำ... คนของเขาอาจจะปล่อยรถที่มีวาวพลอยกับอาทิตยะไปเพราะเกรงใจหล่อนซึ่งเป็นดาราดังแต่ไม่ทันฉุกคิดว่าจะช่วยสองคนนั้นหนีไป... ดังนั้นโทษสถานเดียวของหล่อนคือการต้องเข้าพิธีแทนโดยที่เขาไม่สนว่าหล่อนจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม...

หากว่าไม่อยากให้เป็นอย่างนั้นรัศมีดาราต้องทำให้วาวพลอยกลับมาให้ได้... ซึ่งตั้งแต่ตอนที่น้ำเงินบอกว่าจะเปลี่ยนตัวเจ้าสาวหล่อนโทรหาพี่ชายกับวาวพลอยจนมือหงิกก็ติดต่อไม่ได้ ผ่านไปได้สักพักไม่มีวี่แววว่าเจ้าสาวตัวจริงจะมาสักพักน้ำตาลก็เข้ามาพร้อมให้ช่างแต่งหน้าจัดการแต่งหน้าให้เจ้าสาวตัวสำรองพร้อมทั้งปล่อยข่าวกลายๆ ว่าหล่อนคือเจ้าสาวของน้ำเงิน รัศมีดาราได้รู้ตอนนั้นแล้วว่านอกจากพวกหล่อนจะติดต่อวาวพลอยไม่ได้แล้วทางน้ำเงินเองก็เอาตัววาวพลอยกลับมาไม่ได้เช่นกัน...

เจ้าสาวของน้ำเงิน จึงต้องเปลี่ยนมาเป็นหล่อนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้ว่ามันจะไม่ได้เป็นความตั้งใจของใครสักคนเลยก็ตามที

“ถ้าไม่อยากเข้าพิธีเป็นเจ้าสาวเอง... ก็ตามไอ้รพีให้เอาวาวพลอยมาส่ง... ไม่อย่างนั้นคุณก็แต่งงานกับผม ผมไม่แคร์หรอกนะว่าคุณจะเสียหายขนาดไหน ในเมื่อเลือกจะช่วยให้พลอยหนี ก็ต้องรับผิดชอบการกระทำของตัวเองด้วย”

คำพูดที่น้ำเงินบอกทำให้รัศมีดาราเข้มแข็งและพยักหน้าบอกพี่สาวว่าหล่อนจะสู้ต่อเพื่อพี่ชาย เมื่อได้ก้าวขาเข้าไปแล้วจะไม่ก้าวถอย ไม่ว่าวันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น การแต่งงานจะทำให้หล่อนเสียชื่อเสียงและเสียหายมากมายแค่ไหน หล่อนก็จะเข้มแข็งกับมัน...

‘ดาราไหวค่ะพี่พระจันทร์ ไม่ต้องห่วง ดารายินดีทำเพื่อพี่รพี ดาราไม่ลำบากใจสักนิดเดียวค่ะ ไม่ต้องห่วงนะคะ’คนเป็นน้องสาวส่งข้อความให้จันทร์เจ้าขา... พร้อมทั้งยิ้มเจื่อนๆ ให้พี่สาวและปลอบปละโลมตนเองไปด้วยในตัว หล่อนเข้มแข็งมากมายเหลือเกินที่เดินไปนั่งให้ช่างแต่งหน้าบรรจงเติมแต่งเครื่องสำอางและจัดการทรงผมให้หล่อน...

รัศมีดาราปลอบตัวเองว่าไม่เห็นจะต้องคิดมากอะไร มันก็แค่ละครฉากหนึ่ง... อีกไม่นานฉากใหม่มันก็จะมาถึง หล่อนจะไม่กังวลอะไร เพราะสิ่งที่เป็นอยู่นี่ไม่ใช่เรื่องจริง ไม่ใช่เลยสักนิดเดียว...