ส่วนที่นั่งดื่มกินของสตรี...
“ท่านพี่เจ้าขา ลองชิมสุราผลไม้ที่ข้าทดลองหมักหน่อยสิเจ้าคะ ถ้ามันอร่อย ท่านพ่อจะนำสูตรของข้าไปทำขาย”
เด็กสาวคะยั้นคะยอจนพี่สาวใจอ่อน เพียงเพราะเห็นความตั้งใจจริงของน้องสาว หวังม่านหลิวจึงช่วยชิมทั้งที่ตัวเองไม่เคยดื่มเหล้าเลยสักครั้ง ชิมไปหนึ่งจอกเล็กก็มีสุรารสใหม่มาให้นางชิมอีก
“มู่เอ๋อร์ สุราที่เจ้าหมักอร่อยทุกสูตรเลย แต่พี่ไม่ไหวจะชิมแล้วจริง ๆ” เสียงยานคางบอกกับน้องสาว
“อีกจอกหนึ่งนะเจ้าคะ สูตรนี้ข้าหมักด้วยผลไม้หลายชนิด ข้าคาดหวังกับมันมากเลยเจ้าค่ะ” เด้กน้อยอ้อนเสียงหวาน พร้อมกับยื่นจอกสุราใส่มือให้พี่สาว
เสียงออดอ้อนของน้องสาวตัวน้อยทำเอาคนพี่ใจอ่อน ถึงแม้จะรู้ว่าตัวเองเมาแล้วก็ตาม แต่วันนี้คือวันที่นางมีความสุขที่สุด ต่อให้เมาจนถูกลือว่าเป็นหญิงขี้เหล้านางก็ยอม และไม่สนใจด้วยหากองค์ชายจะเปลี่ยนใจไม่มาทาบทามสู่ขอเพราะสาเหตุนี้ เพราะตัวนางเองก็ยังอยากอยู่กับครอบครัวที่นางรักไปนาน ๆ
พอเหล้าจอกที่สามออกฤทธิ์ มันทำให้สติของหญิงสาววูบดับไปหลังจากที่นางดื่มไปได้แค่ครึ่งจอกเท่านั้น
“ท่านแม่เจ้าขา ท่านพี่หลับไปแล้ว ทำอย่างไรดีเจ้าคะ”
“แม่จะไปตามท่านพ่อของเจ้ามาให้” หวงมู่ฮวาแสยะยิ้ม ก่อนที่จะรีบไปตามสามีที่อยู่อีกฟาก เพื่อมาอุ้มม่านหลิวไปยังเรือนของนาง
ไม่นานนัก หวังยี่ชวนก็เป็นคนมาอุ้มบุตรสาวออกไป ถึงไม่อยากจะอุ้มแต่ก็ต้องทำเพราะความสมจริง หากจะเรียกบ่าวชายมาอุ้มไปให้มันคงจะดูไม่งาม และเขาอาจจะถูกตำหนิจากพวกแขกที่อยู่ในงานแน่
คล้อยหลังนายท่านหวังและฮูหยิน แขกที่เป็นสตรีหลายคนก็พากันส่ายหน้าระอากับการวางตัวของคุณหนูใหญ่ อีกทั้งยังพากันซุบซิบนินทาลับหลังอย่างสนุกปาก
“ชิ! สตรีเช่นนี้หรือที่องค์ชายใหญ่หมายปอง ถึงจะงามก็งามแต่รูป ดูสภาพของนางตอนนี้สิ แบบนี้จะไปเหมาะกับการเป็นสะใภ้หลวงได้อย่างไร นางจะทำให้ตระกูลพ่อค้าอย่างเรา ๆ อับอายขายขี้หน้ากันหมด เพราะอย่างนี้ไง ราชวงศ์ถึงได้เลือกแต่หญิงสาวที่มาจากตระกูลขุนนาง” ฮูหยินคนหนึ่งเป็นคนพูดขึ้นมาก่อน แล้วก็มีอีกหลายคนกล่าวเสริมคำเหน็บแนมของนาง
เรือนรับรอง...
ร่างของเผิงจิ้งถูกบ่าวชายสองคนช่วยกันหามมายังเรือนรับรองที่อยู่ไม่ไกลจากเรือนหลังอื่นเท่าใดนัก แล้วพอมาถึงเตียงพวกมันก็โยนเขาลงใส่ฟูกหนาอย่างไม่ปราณี จากนั้นก็พากันเดินออกไปโดยไม่พูดอะไร พอเห็นว่าพวกมันออกไปกันหมดแล้ว เผิงจิ้งก็รีบลุกขึ้นทันที และเขาก็รออยู่นานแต่ยังไม่มีวี่แววว่าสหายโจวจะถูกแบกมาที่นี่เลย
“เวรแล้วสิ พวกมันพาซีหยางไปไหนแล้วเนี่ย” เผิงจิ้งตกใจ และอดที่จะโมโหให้สหายไม่ได้ เหมือนรู้ว่าตัวเองจะถูกมอมยา แต่ยังยอมทำตามแผนของพวกมันสิน่า ‘เกิดเป็นอะไรขึ้นมา ข้ามิต้องซวยรึไง’ เผิงจิ้งคิด แล้วเขาก็กระโดดออกจากทางหน้าต่างไป (แปลก ทำไมเขาไม่ชอบใช้ประตูกันนะ)
ไม่ไกลจากเรือนรับรองแขกก็จะเป็นเรือนของคุณหนูใหญ่ หวังม่านหลิวถูกบิดาอุ้มมาวางไว้บนเตียงของนาง สักพักก็มีบ่าวชายตัวใหญ่ยักษ์แบกชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาตามเข้ามาในห้องด้วย ทั้งฮูหยินและคุณหนูเล็กก็มารวมตัวกันพร้อมหน้า
“วางเขาลงข้าง ๆ นาง แล้วเจ้าก็ออกไปซะ” หวังยี่ชวนสั่งบ่าวชายร่างใหญ่ บ่าวคนนั้นรีบทำตามคำสั่งแล้วก็รีบออกไป มันไม่สนใจที่จะรู้เรื่องของเจ้านายหรอก
“เรียกสาวใช้เข้ามา แล้วให้นางจัดการต่อให้เรียบร้อย” เขาบอกฮูหยินของตน
พออวิ๋นหมี่เข้ามาตามคำสั่ง หวังยี่ชวนกับเมียและลูกสาวก็ถอยร่นออกไปรอนอกห้อง
อวิ๋นหมี่มือสั่นเทาเมื่อได้สัมผัสผิวเนื้อแน่น ๆ ตรงแผงอกของบุรุษอย่างกับไม่เคยพบเคยเจอ แล้วไม่ใช่บุรุษไก่กาหน้าตาบ้าน ๆ เสียด้วยสิ กว่านางจะถอดเสื้อของเขาออกจนพ้นตัว ใจของนางก็เต้นโครมครามไม่หยุด พอเห็นร่างของหนุ่มรูปงาม เต็มตานางก็สูดปากอย่างกระกระหายอยาก แต่ก็ต้องตัดใจเพราะได้ยินเสียงเจ้านายคุยกันอยู่ด้านนอก นางจึงรีบหันมาจัดการกับเสื้อผ้าของคุณหนูใหญ่อย่างไม่เต็มใจ
“ข้าจะสมน้ำหน้าหรืออิจฉาเจ้าดีนะที่จะได้บุรุษผู้นี้เป็นสามี ฮึ! หากไม่เห็นว่าฮูหยินกับนายท่านรออยู่ข้างนอก ข้าจะเอาเขามาเป็นสามีของข้าก่อนเจ้าแน่นอนเชื่อสิ” อวิ๋นหมี่พูดโดยไม่กลัวว่าใครจะมาได้ยิน
เมื่อคิดว่าตัวเองไม่มีทางได้ครอบครองชายหนุ่มผู้นี้แน่ อวิ๋นหมี่จึงขอแค่ได้ลูบได้คลำก็พอ แต่พอมือของนางกำลังจะยื่นไปลูบไล้อกหนาแน่น นางก็ถูกขายาวตวัดใส่จนร่างของนางกระเด็นไปไกล อวิ๋นหมี่ตกใจกลัวนึกว่าชายหนุ่มได้สติกลับคืนมา แต่ก่อนที่นางจะร้องบอกเจ้านายที่รออยู่ข้างนอก เสียงกรนของชายหนุ่มก็รั้งนางเอาไว้ ทำให้นางยกมือทาบอกอย่างโล่งใจ
“โธ่...ที่แท้ก็ละเมอนี่เอง ทำเอาข้าตกใจหมดเลย” นางพึมพำ แล้วรีบจัดท่าทางของหนุ่มสาวทั้งสองให้แนบชิดตามที่เจ้านายสั่ง
อวิ๋นหมี่ขยาดกับลูกเตะเมื่อครู่ นางจึงไม่คิดจะแตะต้องชายหนุ่มผู้นี้อีก ครั้นเมื่อทำงานที่ได้รับมอบหมายเสร็จ นางก็ถอยกรูดออกจากห้องนอนทันที
“ฮูหยินจะตรวจดูความเรียบร้อยหรือไม่เจ้าคะ” สาวใช้ออกมาถามเพราะเกรงจะทำไม่ถูกใจ
“ถ้าเจ้ามั่นใจว่าทำอย่างที่ข้าบอกแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องตรวจให้เสียเวลา”
“บ่าวทำอย่างที่ฮูหยินบอกทุกอย่างเลยเจ้าค่ะ”
ได้ยินคำตอบเป็นที่น่าพอใจ สามคนพ่อแม่ลูกรวมทั้งสาวใช้อวิ๋นหมี่ก็พากันกลับไปยังลานจัดงานเลี้ยงดังเดิม ซึ่งแขกที่มาร่วมงานอีกหลายคนยังคงดื่มกินกันอยู่ บางรายเมาหนักก็ฟุบหลับอยู่กับโต๊ะ คนไหนมีรถม้ารอรับอยู่แล้ว นายท่านหวังก็ให้คนแบกไปส่ง ส่วนคนที่ไม่รู้จะกลับบ้านยังไง เจ้าของจวนก็จัดที่พักให้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
ก่อนที่งานเลี้ยงจะเลิกรา หวงมู่ฮวามิวายกำชับแผนการขั้นสุดท้ายให้กับบุตรสาว
“ปลายยามเหม่าเจ้าต้องไปที่เรือนของนาง แล้วชวนสหายไปด้วยสักคน อย่าลืมเสียล่ะมู่เอ๋อร์” (ยามเหม่า 05.00-06.59 น.)
“เจ้าค่ะท่านแม่ ลูกไม่ลืมแน่นอน”
สองแม่ลูกยิ้มให้กันอย่างมีความหมาย ก่อนจะแยกกลับเรือนของตน
ย้อนกลับไปยังเรือนนอนของหวังม่านหลิว...
หลังจากประตูห้องนอนปิดตัวลงได้ราว ๆ หนึ่งเค่อ ร่างหนาที่เปิดเปลือยท่อนบนเริ่มขยับตัวแล้วบิดขี้เกียจคลายอาการเมื่อขบ ชายหนุ่มพลิกตะแคงข้างหันหน้าเข้าหาหญิงสาวที่กำลังนอนหลับสนิทเพราะฤทธิ์สุรา เพ่งพิศใบหน้างามด้วยความรักและเสน่ห์หา
“ข้าว่าเรื่องนี้มันไม่ถูกต้อง ถึงรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าหลังจากนี้ แต่ถึงอย่างนั้นการพาเจ้าหลบหนีก็ไม่ใช่ทางออกที่ดีสักเท่าไร เพราะมันจะแย่ยิ่งกว่าการเผชิญหน้ารับผิดเสียอีก” ปากก็พูด พลางมือก็ไล้แก้มนวลเนียนเบา ๆ แล้วพูดต่อ ประหนึ่งว่านางกำลังรอฟังประโยคถัดไป
“ข้าจะยอมเป็นตัวเบี้ย เพื่อให้บิดาของเจ้าใช้เดินหมากต่อไปจนจบกระดานนี้ก็แล้วกัน แล้วมาดูซิว่า พวกเขาจะทำอย่างไรต่อไป”
ในขณะนั้นเอง... กรู๊ ๆ เสียงนกประหลาดร้องเรียกอยู่ข้างนอกหน้าต่างสองครั้ง ทำให้โจวซีหยางชะงักค้าง ก่อนจะส่งสัญญาณตอบกลับ ด้วยการดีดบางอย่างออกไปให้กระแทกเข้ากับบานหน้าต่าง
“ซีหยางเจ้าอยู่นี่เอง ข้าตามหาจนทั่ว” เสียงคนข้างนอกพูดออกมาอย่างโล่งอก
“เข้ามาก่อนสิ” เขาตอบกลับไป พร้อมกับดึงผ้าห่มมาคลุมร่างของหญิงสาวเอาไว้อย่างมิดชิด แทบจะคลุมโปงให้เลยก็ว่าได้
ชั่วพริบตาที่ผ้าห่มคลุมร่างบางเอาไว้เรียบร้อย ประตูหน้าต่างก็เปิดออก พร้อมกับมีบุรุษอีกคนกระโดดเข้ามา แล้วประตูหน้าต่างก็ถูกปิดลงตามหลังอย่างรวดเร็ว
“เจ้าคิดจะทำยังไงต่อ เราพานางหนีไปจากที่นี่ดีหรือไม่” เผิงจิ้งถาม เมื่อเขาเองก็มองออกถึงสถานการณ์ที่กำลังเป็นอยู่เช่นกัน
“เราจะไม่พานางหนีตอนนี้ ดูเหมือนหวังยี่ชวนกับภรรยาอยากได้หลักฐานนี้เพื่อจะทำลายนาง ฉะนั้นข้าจะทำให้พวกเขาสมหวังเอง”
“ทำให้พวกเขาสมหวังอย่างนั้นหรือ ชิ! ข้าว่า...คนที่สมหวังน่าจะเป็นเจ้ามากกว่า” เผิงจิ้งแขวะสหายแต่ก็ไม่ได้ขัด เพราะมั่นใจว่าโจวซีหยางคงคิดแผนรับมือเอาไว้อย่างดีแล้ว
“เช่นนั้นระวังตัวด้วยล่ะ ข้าจะซุ่มดูอยู่แถว ๆ นี้แหละ” สหายเผิงพูดจบก็กระโดดออกทางหน้าต่างไป และไม่ลืมที่จะปิดหน้าต่างให้ด้วย