เอาใจใส่ นางก็ว่า

1810 Words
“ซีหยาง เจ้าว่าเราจะเดินทางถึงจงไฮ่ภายในสองเดือนหรือไม่” หลังจากที่เดินทางมาได้สักพัก เผิงจิ้งก็เริ่มบทสนทนา “คงไม่นานขนาดนั้นหรอก พอออกจากอำเภอไห่ตงไปแล้ว เราจะไม่แวะเข้าเมืองอีกจนกว่าจะได้เปลี่ยนม้าและรถม้าใหม่” “อ้าว! ทำไมล่ะ หรือเจ้าอยากเปลี่ยนบรรยากาศเข้าหอ” เผิงจิ้งถามพร้อมกับทำหน้าทะเล้นใส่ “ข้าแค่อยากให้ฮูหยินของข้าได้สัมผัสกับธรรมชาติในยามค่ำคืนเท่านั้นเอง” เขาตอบไม่ตรงกับสิ่งที่อยู่ในใจ อันที่จริงแล้ว หากพักในโรงเตี๊ยมอีกครั้ง เขาไม่แยกห้องนอนกับนางแน่ และเกรงว่าจะอดรังแกม่านหลิวไม่ได้น่ะสิ พอคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืนทีไร ความต้องการของเขาก็ปะทุจนปวดหนึบแทบทนไม่ไหวทุกที “เข้าหอกลางป่าเขาก็ไม่เลว ประหยัดด้วย มีที่ให้เจ้ากับเมียพรอดรักกันเยอะแยะไป บรรยากาศกลางป่าเขาคือตัวช่วยชั้นดีเลยล่ะ ไม่ต้องพึ่งเหล้าสูตรลับให้สิ้นเปลือง ซี๊ดด คิดแล้วก็อยากหาเมียสักคน” เผิงจิ้งเป็นคนทะลึ่งและเถรตรง เขาจึงพูดออกมาโต้ง ๆ อย่างที่ใจอยากจะพูด โดยไม่คิดว่าจะมีใครอาย แต่มีคนในรถม้าอายจนหน้าแดงไปแล้วทั้งสองคน “เผิงจิ้ง ถ้าพูดอีกที ข้าจะไล่เจ้าออก” โจวซีหยางก็ได้แต่ขู่สหายเพราะด่ามาเยอะจนไม่เหลือคำจะให้ด่าแล้ว “เชอะ! ก็รู้ว่าไล่ให้ตายข้าก็ไม่ไปไหน เจ้าก็เอาแต่ขู่อยู่ได้ ข้างอนแล้วนะ” เผิงจิ้งสวมจริตหญิงสาวแสนงอนได้อย่างไม่นึกอายหนวดเคราที่ขึ้นเขียวครึ้มบนใบหน้า ไม่พอยังทำท่าทางสะดีดสะดิ้งตบท้ายก่อนจะควบม้าไปอยู่หน้าขบวน โจวซีหยางทั้งขำทั้งระอาก็พ้องกันกับท่าทางของสหาย ที่สรรหาอะไรมาเล่นได้ตลอดทั้งวัน พอเผิงจิ้งจากไปแล้ว ความเงียบสงบก็กลับมาพร้อมกับภาพยั่วยวนของม่านหลิวที่โผล่เข้ามาในหัวเป็นฉาก ๆ เขาเอาแต่คิดถึงร่างกายเปล่าเปลือยกับสะโพกนุ่มนิ่มที่นั่งทับกลืนกินตัวตนอันยิ่งใหญ่ของเขา และลีลาขยับโยกพริ้วไหวของนางคล้ายกำลังควบขี่อาชาไนก็ไม่ปาน ความคิดของเขาตอนนี้มันลามกยิ่งกว่าคำพูดของเผิงจิ้งเสียอีก ให้ตายสิ “บัดซบเอ้ย!” เขาสบถว่าให้ตัวเองพร้อมกับสูดปากระงับอารมณ์หื่นที่กำลังพองตัว แต่ในใบหน้าหล่อนั้นกลับดูชื่นมื่นยิ่งนัก หลังจากฟุ้งซ่านอยู่สักพัก โจวซีหยางก็คิดว่าตัวเองไม่ได้เอาใจใส่ภรรยาเท่าที่ควร ดังนั้นเขาจึงเริ่มที่จะใส่ใจนางดูบ้าง ก๊อก ก๊อก ก๊อก เขาเคาะผนังด้านข้างของรถม้าในขณะที่ตัวเองก็ขี่ม้าวิ่งควบคู่ไปด้วย “ฮูหยิน เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง หิวหรือไม่ กินอะไรแล้วหรือยัง” พอได้ยินเสียงของคนที่เคาะรถม้า จูถิงจึงรีบเปิดหน้าต่างออกมาเพื่อรายงาน ก่อนที่โจวซีหยางจะกระหน่ำเคาะลงมาอีกระลอก “นายท่าน ฮูหยินหลับไปแล้วเจ้าค่ะ ก่อนจะหลับฮูหยินกินซาลาเปาไปสองลูก คงอยู่ท้องได้อีกนานเจ้าค่ะ” “นางกินแค่นั้นก็อิ่มแล้วหรือ แต่ไม่เป็นไร..แล้วข้าจะแวะมาดูอีกรอบ” พอรู้ว่านางกินอิ่มนอนหลับ เขาก็เบาใจในระดับหนึ่ง จากนั้นก็ปล่อยให้รถม้าวิ่งนำหน้าไปก่อนหลายช่วงตัว ผ่านไปยังไม่ทันไร ราว ๆ สามเค่อเห็นจะได้ โจวซีหยางก็ควบม้าคู่ใจเข้ามาประชิดรถม้าอีกครั้ง ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะรถม้าดังขึ้นอีก เป็นจูถิงที่เปิดหน้าต่างออกมาดู “นายท่านโจว...” “ฮูหยินของเจ้าตื่นบ้างหรือยัง แล้วนางมีบ่นปวดเมื่อยหรือไม่ มีไข้รึเปล่า” “ฮูหยินยังไม่ตื่นเลยเจ้าค่ะ ส่วนเรื่องปวดเมื่อย บ่าวก็คอยบีบนวดให้แล้ว ตัวก็ไม่ร้อน ไม่น่าจะมีไข้ นายท่านไม่ต้องเป็นห่วงเจ้าค่ะ บ่าวจะดูแลฮูหยินเป็นอย่างดี” จูถึงบอกก่อนจะค่อย ๆ ดึงหน้าต่างรถม้าลง ชายหนุ่มได้แต่ยิ้มเจื่อนและถอยออกมาเช่นเคย แต่ก็ดีใจที่ได้ยินว่านางไม่มีไข้ ซึ่งมันเป็นเรื่องที่แปลกมาก ‘ค่ำคืนวสันต์พร่ำรัก’ มันมีดีมากกว่าเป็นตัวช่วยเพื่อสร้างสุขจริง ๆ ของมันดีอย่างนี้สินะ คิดไม่ผิดที่เขาตัดสินใจซื้อสูตรลับมา ถึงจะแพงแต่คุ้มค่าแน่นอน “ฮูหยินนายท่านโจวไปแล้วเจ้าค่ะ” จูถิงสะกิดนายสาวเมื่อแน่ใจว่าโจวซีหยางถอยห่างออกไปแล้ว “เขาเป็นบ้าอะไร จู่ ๆ ก็อยากจะใส่ใจข้าขึ้นมา” นางทำเสียงดุเหมือนกำลังกลบเกลื่อนบางอย่าง “บ่าวคิดว่านายท่านก็ใส่ใจฮูหยินตลอดนะเจ้าคะ ถึงจะไม่พูดแต่ก็คอยแวะเวียนมาส่องดูอยู่บ่อย ๆ ดูนายท่านเป็นห่วงฮูหยินมากเลยเจ้าค่ะ” จูถิงพยายามแก้ต่างให้กับโจวซีหยาง เถาม่านหลิวได้แต่ถอนหายใจ เพราะไม่รู้จะพูดอะไร ความรู้สึกของนางตอนนี้มันว้าวุ่นไปหมด กับเรื่องของชายแปลกหน้าที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีของนางแล้วโดยสมบูรณ์ “ฮูหยิน หิวหรือไม่เจ้าคะ ปวดเมื่อยตรงไหนหรือไม่ ให้บ่าวนวดให้ดีไหมเจ้าคะ” “จูถิง เจ้าจะถามทำไมอีก เมื่อครู่เจ้าก็บอกเขาไปแล้วนี่” ม่านหลิวทำเสียงหงุดหงิดใส่แบบไม่จริงจังนัก เพราะอย่างนั้นสาวใช้จูถิงจึงไม่มีทีท่าว่ากลัว แต่ก็ยังแอบหวั่น ๆ อยู่ “แฮะ ๆ เช่นนั้นก็เปิดหน้าต่างกว้าง ๆ รับลมข้างนอกหน่อยดีไหมเจ้าคะ ยามเซินแล้วแต่ไม่มีแดดเลยเจ้าค่ะ อีกไม่นานหัวหน้าเผิงคงหาจุดพักได้” จูถิงยังพยายามหาเรื่องชวนคุย (ยามเซิน=15.00-16.59 น.) “หัวหน้าเผิง? เจ้าไปรู้จักคนพวกนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” ม่านหลิวสงสัยที่จูถิงรู้จักใครไปทั่ว ทั้ง ๆ ที่สาวใช้คนนี้ก็มาพร้อมกับนาง “ตั้งแต่อยู่โรงเตี๊ยมเจ้าค่ะ หัวหน้าเผิงคือผู้ช่วยของนายท่านโจวและยังเป็นสหายกันด้วย เขาเป็นคนดูแลความปลอดภัยและจัดการหาที่พักให้เจ้าค่ะ” จูถิงร่ายยาวถึงหน้าที่ของเผิงจิ้ง “เขาบอกเจ้าเช่นนั้นหรือ” “เปล่าเจ้าค่ะฮูหยิน บ่าวได้ยินนายท่านกับหัวหน้าเผิงคุยกันอย่างสนิทสนมมาตลอดทาง ก็เลยเดาเอาเจ้าค่ะ” ม่านหลิวส่ายหัว แล้วนางก็กำลังจะดุสาวใช้ ที่ทำตัวสอดรู้สอดเห็นเรื่องของเจ้านาย แต่เผอิญว่ามีคนมาขัดเสียก่อน ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะผนังข้างรถม้าเป็นรอบที่สาม เถาม่านหลิวจึงแสร้งหลับและบอกให้จูถิงออกรับหน้าเช่นเคย สาวใช้จูถิงก็รู้งาน นางจึงเปิดหน้าต่างออกมาพร้อมกับคำตอบเดิม ๆ แล้วนางก็ปิดหน้าต่างลงทันทีหลังจากรายงานครบทุกเรื่อง ที่คิดว่าโจวซีหยางอยากจะรู้ มารอบนี้โจวซีหยางหมดโอกาสที่จะได้ถาม การเอาใจใส่ของเขาเหมือนจะไร้ผล ยามโหย่ว (17.00-18.59 น.) ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะรถม้าดังขึ้นอีกครั้ง พานให้คนที่นั่ง ๆ นอน ๆ อยู่ข้างในรู้สึกรำคาญจนต้องแอบบ่น แล้วก็เป็นหน้าที่ของจูถิงที่ต้องคอยรายงานอาการของเจ้านายสาว แต่พอเปิดหน้าต่างออกมาก็เจอกับเผิงจิ้งแทนที่จะเป็นโจวซีหยาง “เอ่อ...เอ๊ะ! หัวหน้าเผิง มีอะไรหรือไม่เจ้าคะ ฮูหยินหลับอยู่เจ้าค่ะ” “แม่นางจูถิง ข้าแค่จะมาบอก เราใกล้ถึงจุดพักแรมแล้ว เจ้าปลุกฮูหยินให้ตื่นเสียเถิด เดี๋ยวคืนนี้นางจะนอนไม่หลับ” เผิงจิ้งมาบอกแล้วก็จากไป ส่วนคนที่อยู่ในรถม้าก็ได้แต่ตั้งคำถามในหัว ‘ทำไม่ถึงเป็นหัวหน้าเผิง แล้วโจวซีหยางล่ะเขาไปไหน’ ก่อนหน้านั้น... ‘เอาใจใส่นางก็ว่า’ เป็นเสียงที่โจวซีหยางแอบบ่นให้เมียแล้วเผิงจิ้งก็เผอิญไปได้ยินเข้า มันจึงเป็นสาเหตุให้เขาต้องมาทำหน้าที่เคาะรถม้าแทนสหาย แต่เผิงจิ้งก็ไม่ได้ถามความเป็นอยู่ของคนที่อยู่ในรถม้าแต่อย่างใด “เผิงจิ้ง นางเป็นยังไงบ้าง” “นางก็ดูสบายดีเจ้าอย่ากังวลนัก ฟังนะซีหยางข้าจะสอนมวยให้ ฮูหยินของเจ้าถึงจะดูเหมือนว่าอ่อนต่อโลก แต่นางไม่ได้อ่อนแอ นางเป็นคนใจเด็ดเดี่ยวทีเดียว ข้อนี้เจ้าน่าจะรู้ดี ฉะนั้นอย่าไปจู้จี้จุกจิกกับนางให้มากนัก เดี๋ยวนางจะรำคาญเอาได้ เจ้าต้องรู้จักรุกให้เป็นและหลอกล่อแต่พองาม จากนั้นก็ถอยไปตั้งรับห่าง ๆ ถ้านางยังเฉย เจ้าก็จัดหนัก ๆ อีกรอบแบบเมื่อคืนก็ได้ จากนั้นก็ถอยไปตั้งรับไกล ๆ เชื่อเถอะ หลังจากนั้นนางจะเป็นฝ่ายเข้าหาเจ้าเอง ฮิฮิฮิ” “พูดเหมือนคนเคยมีเมีย” โจวซีหยางเหน็บ แต่ในใจก็คิดตามที่เผิงจิ้งแนะนำ หากเขาอยู่ห่าง ๆ ทำเป็นไม่สนใจ เถาม่านหลิวอาจจะเป็นฝ่ายที่กระวนกระวายเองก็ได้ เหมือนที่เขากำลังเป็นอยู่ตอนนี้ “ฮึย! เมียน่ะไม่มีแต่ทฤษฎีข้าแน่นเปรี๊ยะ ในตำราที่ลือชื่อของเมืองซานโจวยังมีบันทึกเอาไว้เลย เกี้ยวอย่างไรให้สาวติดหนึบ มันถูกเขียนไว้ในนั้นข้าอ่านมาหมดแล้ว เจ้าอย่าได้ดูเบาเผิงจิ้งคนนี้เชียว” เผิงจิ้งอวดภูมิความรอบรู้เรื่องราวของความรักที่เคยอ่านผ่านตามา หลังจากได้รับคำชี้แนะจากเผิงจิ้ง โจวซีหยางก็ถอยห่างออกมาเพียงเล็กน้อยเพื่อไม่ให้ภรรยารู้สึกอึดอัด มีแค่ตอนพักแรมกลางป่ายามค่ำคืนเท่านั้นที่เขาคอยเฝ้าระวังภัยอยู่ไม่ห่าง พอถึงเวลาเดินทางในตอนกลางวัน เขาก็แค่ขี่ม้าโฉบไปเฉียดมาให้นางเห็นเป็นพอ นาน ๆ ถึงจะถามไถ่การเป็นอยู่สักคำ นับเป็นเวลาหลายอาทิตย์ที่เขาทำอยู่เช่นนั้น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD