บนตึกขนาดใหญ่สายตาคมเข้มของมาเฟียหนุ่มเพ่งมองกลุ่มชายฉกรรจ์ตรงหน้า เขายกฝ่าเท้าวางลงบนโต๊ะขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ตรงกลาง
“มึงบอกว่าเงินไม่พร้อม?” เขาขมวดคิ้ว เคเรนด์รู้สึกเสียเวลาเป็นอย่างมากที่เขาถ่อมาไกลถึงกรุงโรมในเวลาที่อดีตคนรักอยู่บ้านพี่ชายและพี่ชายของเขาทำงานอยู่ไม่ไกลจากบ้านอย่างนี้
“หึ เราต้องขอโทษที่จะต้องตอบแบบนั้น เราประมูลมาในราคาสูงคุณก็รู้”
“เอ้อ! ไม่ใช่แค่กูรู้ มึงรู้ว่ามึงไม่มีปัญญามึงก็ควรเจียมตัว” มาเฟียหนุ่มเตรียมตัวลุกขึ้น เขารู้สึกว่าไม่ควรเสียเวลาอยู่ตรงนี้อีก สินค้าของเขาจะประมูลใหม่กี่ครั้งก็ได้ การฟาดฟันด้วยราคาที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ และเขาต้องการคนที่พร้อมจ่าย
พรึ่บ!
“อย่าเพิ่งสิครับ เรามีของมาแลก” เคเรนด์ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เขาสะบัดชายเสื้อสูทพร้อมกับยกฝ่ามือค้ำเอวหนา ก่อนจะปรายสายตามองอีกฝ่าย แม้การกระทำของเคเรนด์จะเรียกให้มาเฟียกลุ่มตรงกันข้ามหมั่นไส้ แต่ก็ทำได้แค่หมั่นไส้อยู่ในใจ
“กูไม่ได้ต้องการของ และตอนนี้กูไม่ต้องการเงินแล้วด้วย” เขาอยากกลับบ้านเสียมากกว่า เคเรนด์อยากรู้ใจแทบขาดว่าตอนนี้มิล่าทำอะไรอยู่
“รับรองว่าคุณคาร์นไม่เสียใจแน่” สกุลของมาเฟียหนุ่มถูกเรียก เขาขมวดคิ้วเมื่ออีกฝ่ายมีท่าทีมั่นใจราวกับว่าเขาจะยอมง่าย ๆ
“เห้ย!! เอาของมาให้คุณคาร์นดู...” เสียงของชายร่างใหญ่รูปร่างท้วม ใบหน้ามีหนวดเครานั้นเอ่ยปากบอกลูกน้องเสียงเข้ม ก่อนที่ลูกน้องของอีกฝ่ายคนหนึ่งจะเดินเข้ามาหาพร้อมกับกระเป๋าถือขนาดกลาง ซึ่งตอนแรกที่เคเรนด์เห็น เขาก็นึกว่ามันเป็นกระเป๋าเงินจำนวนมหาศาลเสียอีก
“อะไรวะ” เคเรนด์พึมพำ เขายอมนั่งลงเก้าอี้นวมฝั่งตรงข้ามอีกครั้ง ก่อนที่ฝ่ามือหยาบกร้านของคนอายุมากกว่าจะค่อย ๆ รูดซิปและเปิดกระเป๋าในที่สุด
พรึ่บ!
“ยาครับ...”
แกร็ก!
วิลเลี่ยมชักปืนออกมาทันทีโดยที่นายของเขายังไม่ทันสั่งอะไร ขณะที่สายตาคมเข้มนั้นมองขวดยาขนาดเล็กหลายโดสอยู่ในกระเป๋านั้น
“เราไม่เล่นยา พวกมึงไม่รู้หรือไง” วิลเลี่ยมว่าเสียงเข้ม การทำแบบนี้ไม่ต่างจากดูถูกนายของเขา ทว่าคนเป็นนายกลับไม่พูดอะไร
“กูว่านายมึงไม่ได้คิดแบบนั้นนะ” วิลเลี่ยมชะงัก เขาค่อย ๆ หันหน้าไปมองหน้านายของเขา ขณะที่ลูกน้องคนอื่น ๆ ก็รอฟังคำสั่งจากหัวหน้าอย่างเขาเช่นกัน
“นายครับ...” เคเรนด์นิ่ง ดวงตาคมกริบมองขวดแก้วขนาดเล็กที่บรรจุสารเสพติดชนิดเหลวอยู่ในนั้น และข้าง ๆ มีเข็มฉีดยาหลายขนาด
“หึ มันเป็นยาครับ ทั่วโลกใช้ในทางการแพทย์ บรรเทาอาการเจ็บปวด ถ้าถูกยิงมาฉีดเข้าเส้นเล็กน้อยแทบไม่รู้สึกอะไรเลยล่ะครับ”
“นายครับ...” วิลเลี่ยมใจไม่ดี เขาเอ่ยเรียกคนเป็นนายอีกครั้ง ราวกับว่านายของเขามีความคิดอะไรบางอย่างอยู่ในหัว แต่แล้ว
“แค่นี้ที่มึงเอามาแลก...”
“หึ คุณคาร์นครับ มอร์ฟีน*ไม่ได้หากันง่าย ๆ นะครับ” วิลเลี่ยมกลืนน้ำลายลงคอ ทำไมเจ้านายของเขาเงียบเช่นนี้ แถมยังพูดจาเช่นนี้ออกมาอีก
“ผมว่าคุณคาร์นบอกลูกน้องเอาปืนลงก่อนดีกว่าไหมครับ ผมไม่ได้ยัดเยียดของให้สักหน่อย ก็แค่เอาเผื่อว่าคุณสนใจ” สีหน้าของเคเรนด์ก็ตอบคำถามได้อยู่แล้วว่าคำตอบจะไปในแนวทางไหน
“เอาปืนลง”
“นายครับ...”
“กูสั่ง!”
“ผมอยากให้นายคิดใหม่ คุณคาลเวิร์ตไม่พอใจแน่ ๆ ถ้านายทำแบบนี้...”
“กูถามมึงอีกครั้ง ไอ้วิลเลี่ยม...มึงเป็นคนของใคร” วิลเลี่ยมกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนที่เคเรนด์จะลุกขึ้นยืนขึ้นอีกครั้ง เขายื่นฝ่ามือหนาไปกระชากคอเสื้อของวิลเลี่ยมเข้ามาใกล้ก่อนจะเค้นเสียงใส่ใบหูของอีกฝ่าย
“ถ้ามึงอยากเห็นกูตายมึงก็เอาไปฟ้องพ่อกู” วิลเลี่ยมชะงักนิ่งงัน แน่นอนว่าถ้านายใหญ่เขารู้ ลูกก็ลูกเถอะ เคเรนด์ถูกขังลืมแน่
“...กูไม่ได้เอาไปเสพ” เขาพูดขึ้นอีกครั้ง ทำเอาวิลเลี่ยมขมวดคิ้ว ก่อนที่ใบหน้าของเคเรนด์จะเหยียดยิ้มให้เขา “มีคนรอเสพอยู่ที่บ้าน...หึ”
ชายฉกรรจ์หลายคนฝั่งตรงกันข้ามไม่ได้ยินว่าทั้งคู่พูดคุยอะไรกัน ทว่าการไม่โวยวายอะไรของเคเรนด์นั้นเป็นคำตอบที่ดี ซึ่งก็เป็นไปตามที่คิดเมื่ออีกฝ่ายลดปืนลง...
ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งคาลเวิร์ตกลับจากคาสิโนที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านของเขา หลังจากได้ยินคนของเขาบอกว่าเคเรนด์กำลังจะกลับจากโรม ทว่า
ครืดดด ครืดดด~
“นายครับ นายหญิงโทรมา” มาเฟียหนุ่มขมวดคิ้ว เขายื่นมือไปรับโทรศัพท์จากมาร์โค ขณะที่ที่ตนนั่งอยู่บนรถคันหรู
ติ๊ด!
[คาลเวิร์ต ลูก...] สมองของเขาเบลอเล็กน้อยเมื่อคนเป็นแม่ยิงภาษาบ้านเกิดมา เขาไม่ได้พูดภาษาไทยเลยหากว่าไม่ได้คุยกับแม่ของเขา แต่ก็พอจำได้
“ครับ...”
[แม่รบกวนหรือเปล่า]
“ไม่ได้รบกวนอะไรครับ” เขางงเล็กน้อย พ่อเขาบอกจะพาแม่ไปเที่ยวทั่วโลก แต่ไฉนถึงโทรหาเขาในยามนี้ “มีอะไรครับ”
[เคเรนด์บอกว่าเราไม่ให้น้องเข้าบ้านเหรอ...ทำไมล่ะ] คาลเวิร์ตข่มเปลือกตาลง เขาก็คิดไว้แล้วว่าสุดท้ายน้องชายเขาก็ต้องทำแบบนี้
“_”
[ทะเลาะกันเหรอ ลูกก็รู้ว่าพ่อไม่ชอบ]
“มันบอกเหรอครับ”
[ช่ายย โทรมาโวยวายใหญ่เลย แม่ยังไม่ได้บอกพ่อนะ โกรธน้องเรื่องอะไรค่อย ๆ คุยกันสิ]
“_”
[เราเป็นพี่น้องกันนะ บ้านสองหลังไม่ได้ให้แยกกันอยู่สักหน่อย] คาลเวิร์ตไม่ตอบ พ่อแม่ไม่รู้เรื่องของเคเรนด์กับมิล่า ซึ่งดูเหมือนว่าเขาจะเลี่ยงไม่ได้หากอีกฝ่ายอยากเข้าบ้านของเขาอีก
“ครับ...แค่นี้นะครับ” มาเฟียหนุ่มกดตัดสาย เขามีสีหน้านิ่งเรียบไม่แสดงความรู้สึกอะไร แม้ว่าจะกังวลเรื่องนี้อยู่ไม่น้อย...
ตกเย็น...
หัวโต๊ะอาหารขนาดยาวเป็นที่นั่งประจำของคาลเวิร์ต เขานั่งหั่นชิ้นเนื้อสเต๊กด้วยสีหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาว แม้ว่าจะมีตัวการความเงียบสงบนี้อยู่ที่ปลายโต๊ะขนาดยาวก็ตามแต่
“ทำไมเธอไม่ลงมากินข้าว” เคเรนด์เอ่ยถามด้วยความใคร่รู้ ทันทีที่กลับมาจากโรมมาเฟียหนุ่มก็ตรงมาบ้านพี่ชายเขาทันที และแน่นอนว่าแม่เขาโทรมาพูดให้แล้ว เขาก็เลยได้มานั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้
“เธอกินแล้ว”
“กูไม่เชื่อ...” เคเรนด์โมโห คาลเวิร์ตทำอย่างกับเป็นเจ้าชีวิตเธอ สั่งอะไรก็ได้ ซึ่งก็จริงเดี๋ยวเธอก็ต้องเป็นเมียพี่เขา แค่คิดก็หงุดหงิด
“_” คาลเวิร์ตไม่ตอบอะไรก็ยิ่งทำให้เคเรนด์โมโห เขากลอกตามองบนให้กับการเมินเฉยของอีกฝ่าย ซึ่งแต่ก่อนคาลเวิร์ตไม่ได้เป็นถึงขนาดนี้เสียด้วยซ้ำ อดไม่ได้ที่จะพูดแหย่ให้อีกฝ่ายโมโห
“แล้วไง พวกมันยังตามฆ่าพี่อีกปะ”
“_” คาลเวิร์ตเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของคำถาม ถามอย่างนี้ไม่มั่นใจว่ากำลังแสดงความห่วงใยหรือกำลังแช่งเขาอยู่กันแน่
“หึ สนใจขึ้นมาเลยสินะ...” เคเรนด์คว้าขวดไวน์ราคาแพงที่ตั้งโชว์อยู่บนโต๊ะอาหารขึ้นมาเปิด ก่อนที่เขาจะยกขวดไวน์นั้นดื่มทันที
“...เลิกไปเอาผู้หญิงจากบ่อนมาที่บ้าน” อยู่ ๆ คาลเวิร์ตก็พูดขึ้น ทำให้เคเรนด์ชะงักไป สงสัยหนังสดเมื่อคืนไม่ได้มีแค่มิล่าที่เห็น
“ทำไม”
“อยากเอาไปเอาที่บ่อน อย่าให้คนอื่นมาบ้านอีก” เคเรนด์ชะงักนิ่งงันทันที เขาวางขวดไวน์ไว้บนโต๊ะ ก่อนที่จะจ้องมองใบหน้าของอีกฝ่ายด้วยสายตาไม่พอใจ เพราะการเอาใครก็ไม่รู้มาบ้านมันเสี่ยงจะทำให้พวกเขาไม่ปลอดภัยโดยไม่รู้ตัว ไม่รู้ว่ามีใครแฝงตัวมาในคราบผู้หญิงขายตัวหรือเปล่า ซึ่งความเป็นห่วงเป็นใยของพี่ชายทำให้เขาไม่ชอบใจ
“ไม่มีใครอยากฆ่าผมเหมือนพี่หรอก!” เคเรนด์กระแทกเสียงเสร็จก็ลุกพรวดขึ้นทันที เขาทิ้งคำพูดไว้แค่นั้นก่อนจะคว้าคอขวดไวน์ขวดนั้นออกไปด้วย ซึ่งแผ่นหลังหนาของเคเรนด์ก็ถูกมองด้วยสายตาคมเข้มของคาลเวิร์ต
ขณะเดียวกันก็มีสายตาของมิล่ามองอยู่เช่นกัน เธอถูกห้ามลงมากินข้าวและต้องขลุกตัวอยู่แต่ในห้อง เพราะคาลเวิร์ตบอกว่าตอนนี้เคเรนด์เข้าบ้านของเขาได้ปกติแล้ว
ฝ่าเท้าเปลือยค่อย ๆ ก้าวขาลงบันได สองพี่น้องนี้ทะเลาะกันอีกหรืออย่างไร ทำไมอีกฝ่ายเดินออกไปด้วยท่าทีหัวเสียอย่างนี้
“พี่คะ...” เสียงเล็กของมิล่าทำให้คาลเวิร์ตหันไปมอง มิล่านั่งลงเก้าอี้ข้าง ๆ คนตัวโต
“เบื่อหรือไง” มิล่าส่ายหน้า แม่ของเธอบอกถ้าจะแต่งงานเข้าบ้านนี้ต้องอยู่ให้เป็น รู้จักอดทน และต้องทนอยู่กับห้องสี่เหลี่ยมให้ได้ และยิ่งแต่งงานกับคาลเวิร์ตแล้ว ก็อย่าได้หวังออกจากห้องหากไม่มีเขาไปด้วย ซึ่งจะปฏิเสธก็ไม่ได้เพราะแม่ของเธอเด็ดขาด และนี่ไม่ใช่คำร้องขอแต่เป็นคำสั่ง
“ก็แค่เดินออกมาดูค่ะ แล้วก็จะบอกว่าอยากกินของหวาน ๆ ด้วย” มิล่าโกหก เธอก็อยากมาดูเคเรนด์นั่นแหละ ทว่าจะให้บอกอย่างนั้นก็กระไรอยู่
“เดี๋ยวบอกคนให้” เขาตอบน้ำเสียงนิ่งเรียบเหมือนกับทุกครั้ง “...ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องลงมาหรอก มีคนเฝ้าอยู่หน้าประตู” หญิงสาวพยักหน้ารับ เธอลุกขึ้นจากเก้าอี้ก่อนจะเดินหลับขึ้นไปบนห้องเมื่อไม่เห็นว่าเขาจะสนใจพูดคุยอะไรกับเธอ ราวกับมีบางอย่างอยู่ในหัวตลอด แต่แล้ว
“นายครับ...เกิดเรื่องที่บ่อนครับ” คาลเวิร์ตขมวดคิ้ว เขายกแขนขึ้นดูนาฬิกาบนข้อมือ บ่อนเขาในเวลานี้ยังคนครึกครื้นอยู่ หากเกิดเรื่องวุ่นวายอาจจะทำให้นักพนันไม่พอใจ
“เรื่องอะไร...บอกให้คนเตรียมรถ” เขายกผ้าเช็ดริมฝีปากหนา ก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องรับประทานอาหาร ขณะที่มาร์โคก็รายงานเรื่องวุ่นวายที่บ่อนให้คนเป็นนายฟัง แต่หารู้ไม่ว่าทั้งหมดเป็นแผนของใครบางคน
“นายจะเข้าไปเองเหรอครับ”
“เออสิวะ...” เคเรนด์กลับมาคฤหาสน์ของเขาได้ไม่นาน ก็สั่งให้คนเริ่มทำแผนเพื่อดึงความสนใจของพี่ชายเขาทันที และในตอนนี้ที่เขากำลังเตรียมบุกไปหาหญิงสาวข้างในบ้านของพี่ชายอีกครั้ง
“ผมว่าให้ผมไปเอาตัวเธอมาดีกว่า พอคุณคาร์นกลับมาจะได้ไม่รู้”
“ไม่ต้อง กูแตะเธอได้คนเดียว” เขาว่าพลางหยิบเข็มฉีดยาที่ยังไม่ได้ประกอบเข็มขึ้นมาพร้อมกับขวดแก้วขนาดเล็กที่บรรจุสารเสพติดอยู่ข้างใน
เคเรนด์ประกอบทุกอย่างเข้าด้วยกัน ก่อนที่เขาจะเก็บไว้ในกระเป๋าขนาดเล็ก เขารู้จักสารเสพติดทุกชนิดจากการฝึกฝนของพ่อเขา และแน่นอนว่ามันเป็นของต้องห้ามที่ครอบครัวเขาจะไม่ยุ่งด้วย
และถ้าพ่อเขารู้หรือเธอฟ้องพี่เขา ทุกอย่างจบเห่แน่...
มาเฟียหนุ่มลุกขึ้น ก่อนที่เขาจะเดินออกจากคฤหาสน์หลังใหญ่เมื่อเห็นว่ารถคันหรูของพี่เขาออกไปแล้ว ชายหนุ่มเดินเลาะเข้าไปทางด้านข้างของคฤหาสน์อีกหลังเพื่อลอบไปหาหญิงสาวบนหอคอย
ขณะเดียวกันที่ยามค่ำคืนของที่นี่เริ่มหนาวขึ้นเรื่อย ๆ ต่างจากตอนกลางวันสุดขั้วที่ร้อนจนตับแทบแตก ทำให้ในตอนนี้มิล่าต้องซุกตัวอยู่ใต้ผืนผ้าห่ม แต่แล้ว
ตุบ! ตุบ!
พรึ่บ!
หญิงสาวตาโตเมื่อได้ยินเสียงเหมือนใครกำลังชกต่อยกันหน้าห้องของเธอ ซึ่งก็ตกใจได้ไม่นานเมื่ออยู่ ๆ ประตูบานใหญ่ก็ถูกเปิดออกจากบุคคลภายนอก
“คะ เคเรนด์...”
*มอร์ฟีน จัดเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท ๒ ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.๒๕๒๒ ยาเสพติดให้โทษทั่วไป เป็นยาที่มีประโยชน์ในการรักษาโรคในระดับน้อยจนถึงมาก และทำให้เกิดการเสี่ยงต่อการติดยาของประชากรในระดับที่ต้องพึงระวัง
เสพ
เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (เว้นแต่เป็นการเสพยาเสพติดประเภท 2 เพื่อรักษาโรคตามคำสั่งของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม หรือทันตกรรมที่ได้รับใบอนุญาต) มีโทษตั้งแต่ 6 เดือน - 3 ปี หรือปรับตั้งแต่ 10,000 บาท – 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ