“อีกมินานตะวันก็จะลับฟ้าแล้ว อากาศเย็นอาจจะทำให้ท่านไม่สบายเอาได้ เรากลับบ้านต้าหวังเพื่อเลี่ยงปัญหานั้นจะเป็นการดีกว่านะเจ้าคะคุณหนู” อาโปพูดพลางหอบ นางตัวเล็กแคล่วคล่องว่องไวก็จริง แต่ไม่มีทางเลยที่จะรู้สึกสบายตัวเมื่อต้องเดินไต่ขึ้นเขาหลังจากที่ทำงานหนักมาตลอดทั้งวันเช่นนี้
“เจ้าอย่าได้กังวลจนเกินควร วันนี้ข้าเหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว พักตากลมเย็นเพียงชั่วครู่ คงไม่ทำให้ข้าต้องล้มหมอนนอนเสื่อ” เจ้าของเสียงหวานถอนหายใจยาว ไม่เพียงเหนื่อยกายแต่ภายในใจยังหนักอึ้ง นับตั้งแต่ได้รับข่าวว่าผิงอันจะกลับมาเยี่ยมเยียนบ้านต้าหวัง เรื่องการพบปะกันกลางท้องทุ่งหญ้าและผ้าเช็ดหน้าที่ได้รับเมื่อหลายปีก่อน ผุดขึ้นกวนใจนางได้อยู่เรื่อย
“หรือว่าคุณหนูคนสวยของอาโปกำลังคิดถึงเจ้าของผ้าเช็ดหน้าผืนนั้น”
อาโปพูดแทรกความคิดของนายสาวตามประสาคนรู้ดี เหม่ยฟางซ่อนผ้าเช็ดหน้าที่ซักจนสะอาดราวกับผืนใหม่ไว้ใต้หมอนของนาง ทว่าไม่มีสิ่งใดพ้นสายตาสาวใช้จอมจุ้นไปได้
“เจ้านี่จริงๆเลย ก็บอกแล้วไงว่ามีคนให้ข้าไว้เพราะตอนนั้นข้าหกล้ม เนื้อตัวสกปรกมาก แล้วเขานึกว่าข้าเป็นเพียงเด็กผู้ชาย ไม่มีอะไรที่ซับซ้อนไปกว่านั้น แล้วอีกอย่างข้าก็จำหน้าเขาไม่ได้แล้วด้วย”
คุณหนูเล็กปดคำโต ในวัยเด็กนางไม่ประสีประสาเรื่องความรักก็จริง เมื่อโตมาอีกหน่อยก็มั่นใจได้อย่างหนึ่งว่า นางแอบมีใจให้เจ้าของผ้าเช็ดหน้า แม้เขาจะมีเจ้าของแล้วก็ตาม
“ถ้าข้าน้อยเคยได้ร่ำเรียนหนังสือ ก็คงจะรู้ว่าลายปักบนผ้าผืนนั้นมีความหมายว่าอย่างไร” อาโปเสริมอย่างไม่ใส่ใจนัก ก่อนจะขอร้องให้คุณหนูกลับเข้าบ้านพักผ่อน ทว่าเหม่ยฟางยืนยันขออยู่ต่ออีกสักพัก สาวใช้ผู้ซื่อสัตย์จึงยอมปล่อยนายสาวไว้ตามลำพังแต่โดยดี
เจ้าของดวงตากลมโตบิดตัวด้วยความเหนื่อยล้า ใบหน้าหวานที่มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นสตรีที่สวยจนหาใครเทียบได้ยาก โชคดีที่ชุดรัดกุมของบุรุษที่สวมใส่ ยังพอช่วยให้นางรอดจากปากเหยี่ยวปากกาได้อยู่บ้าง
ในช่วงที่นางเริ่มแตกเนื้อสาวเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา เหม่ยฟางได้สร้างปัญหาให้กับบ้านต้าหวังยามเมื่อนางออกไปเดินเล่นที่ตลาดกับบรรดาสาวใช้ ชายทุกผู้ไม่ว่าจะมียศถาบรรดาศักดิ์หรือชาวบ้านทั่วไป ต่างตกตะลึงในความงามของนาง โดยเฉพาะดวงตากลมโตหวานซึ้งคู่นั้น
ชายหนุ่มรูปงามผู้หนึ่งที่ร่ำสุราอยู่ในโรงเตี๊ยมไม่ไกลนัก หักห้ามใจตนเองไม่ไหวจนเสียมารยาทเข้ามาพูดคุยกับนาง แม้สาวใช้จะพยายามห้ามปรามแต่ก็ไม่เป็นผล หากไม่ได้อาโปที่ตะโกนส่งเสียงโหวกเหวกโวยวายในคราวนั้น นางก็คงจะตกเป็นเป้าคำติฉินนินทาจากการถูกล่วงละเมิดเป็นแน่
“แม่นางคนงามมีชื่อเสียงเรียงนามว่าอะไร บอกข้าเป็นบุญทีเถิด” ลูกชายของผู้มีศักดิ์เป็นถึงขุนนางชั้นผู้ใหญ่เอ่ยว่าจาเกี้ยวพาราสี ก่อนจะพยายามเข้าถึงตัวของเหม่ยฟาง เป้าหมายคืออะไรก็สุดจะจินตนาการ นับเป็นโชคที่สิ้นเสียงของอาโป ความช่วยเหลือก็มาถึง
“อู่ฉาง จงหยุดทำตัวอันธพาล มิเช่นนั้นข้าคงจะต้องเข้าเยี่ยมเยียนตระกูลอู่อีกสักครา”
เจ้าของเสียงดุดันเอ่ยขึ้น ใบหน้ามีรอยบากแถบหนึ่ง ทว่ากลับไม่สามารถทำอะไรต่อความหล่อเหลาสมชายของร่างสูงได้ ชื่อเสียงของเขายังคงมีอิทธิพลในแดนใต้อยู่มาก เมื่อปรากฏตัวที่ใดก็มีแต่คนให้ความเคารพยำเกรงอยู่เสมอ
อดีตแม่ทัพลู่เหวินเจี๋ย ส่ายหน้าอย่างเอือมระอา ชายหนุ่มผู้นี้อาศัยบารมีของบิดา สร้างปัญหารบกวนผู้อื่นไปทั่ว แม้จะเคยได้เข้าพบปะพูดคุยกับผู้นำตระกูลอู่ในเรื่องนี้แล้ว ทว่าก็ยังได้รับคำร้องเรียนอยู่อีกหลายครั้ง วันนี้จึงนับเป็นฤกษ์ดีที่ได้เห็นทุกอย่างด้วยตาของตนเอง จะได้จัดการทุกอย่างเสียให้เด็ดขาด
โดยปกติแล้ว อู่ฉาง ไม่เคยเกรงกลัวผู้ใด แม้จะได้รับคำเตือนจากบิดาหลายครั้งก็ยังเพิกเฉย แต่คราวนี้เขากลับยอมล่าถอยโดยง่าย เนื่องจากอดีตแม่ทัพผู้นี้มีอิทธิพลกว้างขวาง แม้แต่เสนาบดีเจิ้งอี้เหยียนยังต้องเกรงใจ เขาภาวนาให้ตนเองไม่ได้ลอบมองเหม่ยฟางอย่างจาบจ้วงและหื่นกระหาย เพราะแม่ทัพลู่เหวินเจี๋ยจดจำมันได้ดี และได้คิดบัญชีเรื่องนี้อย่างหนักในภายหลัง
“โตเป็นสาวแล้วสวยขนาดนี้ อย่าออกจากบ้านจะดีกว่าไหมเหม่ยฟาง” สิ้นเสียงนุ่มทุ้ม ร่างสวยต้นเหตุของความวุ่นวายถึงกับยิ้มกว้างและรีบไปแสดงความเคารพต่อคนคุ้นเคย อดีตแม่ทัพลู่เหวินเจี๋ยเป็นแขกคนสำคัญของบ้านต้าหวัง แต่กลับห่างหายจากการเยี่ยมเยียนไปนานกว่าสามปี
“ข้าต้องขอบคุณท่านอามากที่เมตตาช่วยเหลือ หากไม่ได้ท่านอา อันธพาลคนนั้นคงจะรังแกข้ากับอาโปแล้ว” เหม่ยฟางยิ้มหวานอย่างเอาอกเอาใจเหมือนกับสมัยที่ยังเป็นเด็ก
ชายหนุ่มร่างสูงยิ้มให้นางและอาโปอย่างนึกเอ็นดู ก่อนจะอาสาไปส่งที่บ้านต้าหวัง ท่านเสนาบดีพอทราบเรื่องเข้าก็กล่าวขอบคุณพร้อมกับกำชับไม่ให้นางออกไปเที่ยวตลาดอีก
เหม่ยฟางถึงกับน้ำตาคลอ เพราะนางหมดโอกาสที่จะออกไปดูโลกภายนอก จนลู่เหวินเจี๋ยออกปากอาสาดูแล ท่านเสนาบดีจึงยอมผ่อนปรนให้ พร้อมทั้งเอ่ยชวนให้เข้ามาดื่มน้ำชาพูดคุยกันดังกาลก่อน
อาโปผู้มีหูตากว้างขวางสืบได้ความว่า อดีตแม่ทัพถูกขอให้ไปช่วยงานราชการที่เขตชายแดนอยู่หลายปี และตอนนี้ได้เกษียณตามที่ตั้งใจแล้ว แต่ผลงานที่มีมากในช่วงวัยฉกรรจ์ยังทำให้เป็นที่ต้องการตัวอยู่เรื่อย
ราวสองวันก่อนนี้เองที่ลู่เหวินเจี๋ยมาเอ่ยลา เนื่องจากจำต้องไปทำธุระสำคัญที่ต่างเมือง พร้อมทั้งกำชับไม่ให้นางออกไปไหนมาไหนแต่เพียงลำพังผู้เดียว เขาห่วงใยเหม่ยฟางราวกับคนในครอบครัว และยังรู้นิสัยของนางดีว่ามักจะแอบออกไปก่อเรื่อง หากถูกกักขังหน่วงเหนี่ยวให้อยู่แต่ในบ้านต้าหวังเป็นเวลานานจนเกินไป
“อย่าคาดหวังใครดูแลเจ้าเลยเหม่ยฟาง หากเจ้าไม่รู้จักระมัดระวังตนเองเสียก่อน คนอย่างอู่ฉางมีมาก ข้าไม่อยู่ในช่วงนี้ก็จงระมัดระวังตัวให้ดี ห้ามก่อเรื่องหนีเที่ยวอีก” หากหนุ่มใหญ่ทราบว่าแม่หลานสาวตัวดีมานอนเล่นรับลมอยู่บนภูเขาเพียงคนเดียวเช่นนี้ ก็คงจะปวดหัวหนักเป็นแน่
แม่สาวจอมพยศนอนหลับตารับลมไปเรื่อย ใบหน้ารูปไข่อมยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อนึกได้ว่าพรุ่งนี้จะได้พบกับพี่สาวที่พลัดพรากจากกันไปนาน เหม่ยฟางดีใจยิ่งนักที่ผิงอันตัดสินใจเดินทางมาเพียงผู้เดียว ไม่ได้พกเจ้าของหัวใจของนางมาด้วย
ทันใดนั้นเองร่างบางก็ต้องเบิกตากว้าง เมื่อจูบอันดุดันทาบทับลงมาบนริมฝีปากที่อ่อนนุ่มราวกับกลีบกุหลาบ แม้พยายามผลักไส ทว่าอกกว้างที่แข็งแกร่งราวกับภูผานั้นไม่ขยับเขยื้อนแม้เพียงน้อยนิด อันตรายที่ทุกคนพยายามสั่งสอนให้นางหลีกเลี่ยงได้เกิดขึ้นแล้ว!
เหม่ยฟางรู้สึกราวกับว่าหัวใจของนางกำลังถูกบีบรัดอย่างรุนแรง มือเรียวต่อสู้อย่างหนักเพื่อขัดขืนการจูบ ทว่ากลับถูกเขารวบมันไว้โดยง่าย และเมื่อได้จังหวะสูดลมหายใจผ่านจมูกโด่งปลายรั้น กลิ่นกายที่คุ้นเคยอย่างน่าประหลาดก็ทำให้นางถึงกับต้องตัวแข็งราวกับท่อนไม้ ร่างบางหลับตาลงอย่างหมดแรงและปล่อยให้เขารุกล้ำจนกว่าจะพอใจ
หวังจื่อเทียนบดขยี้ริมฝีปากของคนตรงหน้าจนสาแก่ความต้องการ เจ้าของใบหน้างามในตอนนี้ดวงตาปิดสนิท คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันเพราะความตื่นตกใจ องค์ชายรองสาบานว่าได้ยินเสียงหัวใจสองดวงเต้นแรงราวกับแข่งขันกันอยู่
เจ้าของรอยจูบอันแสนหวานกำลังรู้สึกตื่นตัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาต้องยอมรับว่าในวินาทีแรกที่พบกับร่างบาง ภายในใจรู้สึกผิดอย่างมหันต์ที่มีความรู้สึกแปลกประหลาดเกินขึ้น ความรู้สึกที่ไม่ควรเกิดขึ้นกับบุรุษด้วยกัน ทว่าเมื่อได้ยินน้ำเสียงและบทสนทนาที่มีต่อเพื่อนสาวใช้ ก็ทราบทันทีว่าเจ้าของร่างบางคือสตรีที่มีน้ำเสียงไพเราะงดงามเช่นเดียวกับใบหน้า
ดวงตากลมโตค่อยๆ ลืมขึ้น ใบหน้าแดงจัดราวกับว่านางอยู่ท่ามกลางแดดเป็นเวลานาน เหม่ยฟางมองเห็นคนตรงหน้าไม่ชัดนัก เพราะดวงตะวันส่องอยู่ในทิศทางที่ไม่อำนวยแก่การจ้องมอง แต่ด้วยสัญชาตญาณก็ทำให้รู้ได้ในทันทีว่าคนตรงหน้าคือเจ้าของผ้าเช็ดหน้าลายมังกรผืนนั้น
ร่างบางลุกขึ้นอย่างรวดเร็วจนเกิดอาการซวนเซ องค์ชายรองจึงถือโอกาสโอบกอดคนตรงหน้าอย่างที่ปรารถนา ก่อนจะกระซิบด้วยน้ำเสียงที่เร่าร้อนสุดบรรยาย
“จะหนีไปไหนกันเล่าแม่นาง ข้าเพิ่งจะเริ่มเองแท้ๆ”