บรรยากาศของบ้านต้าหวังวุ่นวายกว่าที่คาดการณ์ไว้เพียงเล็กน้อย เนื่องจากทุกคนช่วยกันเตรียมงานอย่างขยันขันแข็งตั้งแต่เช้าตรู่ ทว่าก็ยังมีบางสิ่งบางอย่างที่ตกหล่นหรือขาดหายไปอยู่ดี
คุณหนูเล็กของบ้านตอนนี้ใต้ตาดำคล้าอย่างคนอดนอน นางอ้างแก่อาโปว่านอนไม่หลับเพราะความตื่นเต้น เหม่ยฟางได้รับคำสั่งจากทหารที่ล่วงหน้ามาบางส่วนว่าให้จัดห้องพักสำหรับองค์ชายหวังจื่อเทียนเป็นการด่วน โดยให้แยกห่างจากผู้คนเพราะต้องการความสงบ
ในเวลาเพียงครึ่งชั่วยามเหม่ยฟางก็จัดการเนรมิตห้องรับแขกที่อยู่ติดกับสวนสวยให้งดงามสมฐานะองค์ชายรอง ต้องขอบคุณแม่ทัพลู่เหวินเจี๋ยที่ตามใจนาง พาไปจับจ่ายซื้อข้าวของอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า เครื่องประดับ ภาพวาด และของน่าสะสมต่างๆ อีกมากมาย แม้จะต้องแต่งกายเป็นชายเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น นางก็ยินดีที่จะปฏิบัติตามอย่างไม่อิดออด เพื่อแลกกับอิสรภาพอันน้อยนิด
เหม่ยฟางปฏิเสธที่จะเข้าพิธีต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง ด้วยทราบดีว่าคนที่ล่วงเกินนางเมื่อวานจะต้องอยู่ในงาน จึงกล่าวขอตัวจากท่านเสนาบดีเจิ้งอี้เหยียน โดยอ้างว่ารู้สึกไม่สบายเพราะอากาศเปลี่ยน รวมทั้งขอให้คุณแม่บ้านตันหยงเข้าทำหน้าที่แทนชั่วคราว เมื่อจบพิธีและได้รับการรายงานจากอาโปว่าองค์ชายเข้าประทับยังที่พักแล้ว จึงรีบเดินทางไปยังห้องพักของผิงอันทันที
“ดีใจเหลือเกินที่ได้เจอท่านพี่อีก ยังคงสวยราวกับนางฟ้าไม่แปรเปลี่ยน” ผิงอันยังคงดูสวยสมกับเป็นหนึ่งในสาวงามของแดนใต้ การใช้ชีวิตอยู่ในวังเป็นเวลานานขัดเกลาให้นางเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่สุขุมและงดงามสมวัย เหม่ยฟางตรงเข้ากอดพี่สาวที่ไม่เจอกันมานานด้วยความคิดถึง
“ท่านพ่อชุบเลี้ยงเจ้าให้เติบใหญ่งดงาม วาจาคำพูดฉะฉานเปี่ยมเสน่ห์ ข้าเองความงามหม่นหมองลดหลั่นไปตามกาลเวลา จึงเรียกข้าว่านางฟ้าแดนใต้ไม่ได้เสียแล้ว ต้องเป็นเจ้าจึงจะถูก” ผิงอันเอ่ยจากใจจริง ความงามของน้องสาวบุญธรรมนั้นหาตัวจับได้อย่างยิ่ง นางเองก็เป็นสตรี ทว่ากลับไม่อาจละสายตาจากเหม่ยฟางได้โดยง่าย
“ท่านจากไปนาน ไม่มีใครตามคอยช่วยเหลือข้าให้พ้นจากไม้เรียว ทำผิดนิดหน่อยก็ถูกลงหวายกักบริเวณ หากไม่ได้ท่านอาลู่เหวินเจี๋ยพาข้าออกไปเปิดหูเปิดตาบ้าง ข้าคงจะเฉาตายไปนานแล้ว” ผู้ซึ่งเยาว์วัยกว่าออดอ้อนพี่สาวต่างสายเลือด ทำตัวสนิทสนมราวกับเวลาไม่ได้ล่วงเลยผ่านไปนานกว่าห้าปี
“คุณหนูเหม่ยฟางโปรดสำรวมด้วย”
คุณแม่บ้านตันหยงเอ่ยเตือนเมื่อเห็นคนตรงหน้าตื่นเต้นจนลืมรักษากิริยาให้งดงามตามที่เคยพร่ำสอนมา คนถูกดุจึงทำหน้าเศร้าก่อนจะเอ่ยขอโทษทั้งคุณแม่บ้านและคุณหนูใหญ่ที่มีศักดิ์เป็นคู่ชีวิตขององค์ชายหวังจื่อเทียน
หลังจากใช้เวลากับน้องสาวบุญธรรมอยู่พักใหญ่ ผิงอันก็คลายความกังวลใจไปได้มาก เหม่ยฟางเติบโตเป็นสาวเต็มตัว ซ้ำยังมีความรูปโฉมงดงามจนน่าหวาดหวั่น ดวงตากลมโตหวานซึ้ง รูปร่างอ้อนแอ้นอรชร ผิวพรรณเกลี้ยงเกลาไร้รอยตำหนิ นอกจากรูปทรัพย์ที่เห็นได้ด้วยตาแล้ว อุปนิสัยการพูดจา มารยาทและทัศนคติยังดีเยี่ยมราวกับเติบโตในวังหลวง เรื่องนี้คงต้องขอบคุณแม่นมสุ่ยเฟิงและแม่บ้านตันหยงที่คอยอบรมพร่ำสอน
“ข้ามีเรื่องกลุ้มใจและคาดว่าเจ้าก็คงทราบดีว่าเป็นเพราะเหตุใด ชีวิตที่เมืองหลวงไม่ได้ราบรื่นอย่างที่ข้าฝันไว้ โดยเฉพาะเมื่อขาดเพื่อนคู่คิดข้างกาย ข้าจึงอยากขอตัวเจ้าจากท่านพ่อให้ไปอยู่เสียด้วยกันที่เมืองหลวง แต่หากเจ้ามีใครรั้งใจเจ้าไว้ที่นี่ ข้าก็ไม่ขอรบกวน” ผิงอันเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ทว่าหัวใจรุ่มร้อน กลัวจะได้คำตอบไม่เป็นไปตามที่หวัง
“หัวใจของข้านั้นยังไม่มีผู้ใดได้ครอบครอง แต่คงต้องขอเวลาคิดดูสักคืนจึงจะสามารถให้คำตอบได้”
น้องสาวบุญธรรมขอตัวลาไปพักผ่อน ปล่อยให้คนที่ห่างบ้านไปนานและคุณแม่บ้านชราได้พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องที่จะเดินทางไปขอบุตรที่วัดนอกเมือง ผิงอันดูไม่ใส่ใจนักเพราะการไปวัดไม่ใช่จุดมุ่งหมายที่ทำให้นางเดินทางกลับบ้านมาแต่แรก
นางหมดหนทางแล้วจึงจำเป็นต้องเลือกทางออกที่เห็นแก่ตัว เหม่ยฟางเป็นสตรีเพียงผู้เดียวที่เหมาะสมกับแผนนี้ ผิงอันมั่นใจว่าความงามและสติปัญญาของนางจะทำให้องค์ชายหวังจื่อเทียนพึงพอใจได้ไม่ยาก
ขาดเพียงความร่วมมือที่จะได้จากนางผู้เป็นหมากตัวสำคัญ เห็นทีจะต้องปรึกษาเรื่องนี้กับแม่บ้านตันหยงอย่างจริงจัง เพื่อหาทางออกให้กับแผนการในครั้งนี้
หลังจากพยายามข่มตาหลับอยู่พักใหญ่ เหม่ยฟางก็ต้องยอมพ่ายแพ้ให้กับอาการนอนไม่หลับ ร่างบางลงจากเตียงอย่างเงียบเชียบที่สุด ด้วยไม่ต้องการรบกวนสาวใช้อาโปที่กำลังหลับเป็นตายหลังจากทำงานหนักมาทั้งวัน นางเดินไปยังสวนอีกฝั่งของบ้าน ซึ่งค่อนข้างอยู่ห่างไกลจากผู้คน เรื่องราวมากมายกวนใจจนไม่รู้สึกง่วง แม้จะเหนื่อยมากก็ตามที
“ท่านพี่จะให้ข้าไปอยู่เมืองหลวงแล้วใครจะดูแลบ้านต้าหวังกันเล่า มีแต่คนแก่ทั้งนั้น” เหม่ยฟางเริ่มกังวลไปร้อยแปดประการจนเกือบลืมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้
องค์ชายรองยื้อตัวนางอย่างสุดกำลัง ดวงตาเรียวคู่นั้นเต็มไปด้วยไฟปรารถนาไม่ต่างจากชายอื่นที่นางเคยพบเจอ คำสอนของลู่เหวินเจี๋ยดังก้อง นางได้แต่โทษตนเองที่ไม่รู้จักระวังให้มากพอ
เหม่ยฟางจำได้ดีว่าเมื่อวานตนรอดจากเงื้อมมือขององค์ชายเพียงเพราะโชคช่วย เสียงร้องเรียกของเหล่าองครักษ์ที่ตามมาทำให้ร่างสูงยอมปล่อยตัวคนในอ้อมแขนอย่างไม่เต็มใจนัก นางใช้จังหวะนี้ผลักไสและหนีจากเขาโดยเร็ว อาศัยความชำนาญพื้นที่หลบหลีกจนหวังจื่อเทียนตามไม่ทัน
ทันใดนั้นเอง คุณหนูเล็กแห่งบ้านต้าหวังก็เกือบจะต้องล้มลงไม่เป็นท่า เพราะเกิดปะทะเข้ากับแผ่นอกหนาโดยไม่ทันได้ตั้งตัว เหม่ยฟางส่งเสียงกรีดร้องดังลั่น แต่ทว่าริมฝีปากของชายหนุ่มปริศนากลับปิดปากนางไว้แน่น ท่วงทำนองการจูบบวกกลิ่นหอมรัญจวนทำเอาเจ้าของร่างแทบประคองตนเองไว้ไม่อยู่ เมื่อเป็นอิสระจากความปรารถนา นางจึงเอ่ยเสียงสั่นอ้อนวอน
“องค์ชายโปรดปล่อยข้าเถิด อย่าทำให้ข้าต้องอับอายไปมากกว่านี้เลย” คุณหนูเล็กของบ้านเอ่ยเสียงสั่น นางรู้ในทันทีว่าโจรขโมยจูบผู้นี้คือองค์ชายหวังจื่อเทียน กลิ่นกายหอมกรุ่นยากจะลืมเลือนนั้นทำเอานางแทบก้าวขาไม่ออก ทั้งหัวใจเองก็ยังคงเต้นรัวอย่างน่าประหลาด
“อับอายได้อย่างไรกัน ข้าเป็นถึงองค์ชาย เจ้าควรจะต้องตามใจข้าสิ ไม่ใช่หาทางหลบหลีกหรือผลักไสเช่นเมื่อวานนี้” องค์ชายรองโปรยเสน่ห์เย้าหยอกอย่างที่ไม่เคยทำกับสตรีใดมาก่อน ทั้งยังไม่นึกอายที่จะใช้คำหวานเพื่อให้นางโอนอ่อนผ่อนตาม
สาวใช้ผู้นี้งดงามราวกับนางฟ้านางสวรรค์ ไม่มีทางที่เขาจะให้ปล่อยนางเป็นอิสระโดยง่าย เมื่อไร้วาจาเอื้อนเอ่ยเขาจึงถือวิสาสะขโมยความหอมจากแก้มนวลนั้นอีกครั้ง
เมื่อนึกทบทวนตลอดบ่ายที่ผ่านมาก็ให้รู้สึกขุ่นเคืองตัวเอง หวังจื่อเทียนสำรวมกิริยาได้ดีมาโดยตลอด แต่กลับมิอาจห้ามใจตนเองให้หยุดความปรารถนาอันร้อนแรงนี้ได้ ความคิดของเขาสับสนตีกันไปมายากจะข่มตาหลับ จึงตัดใจออกมาเดินรับลมให้ปลอดโปร่ง หวังอยู่ลึกๆ ว่าจะได้พบเจอนางที่ก่อกวนความสงบสุขในใจของเขา
“รู้หรือไม่ว่าคืนนี้ข้านอนไม่หลับก็เพราะเจ้าเป็นสาเหตุ” หวังจื่อเทียนยังคงรุกต่ออย่างไม่ท้อถอย ในใจรู้สึกเร่าร้อนราวกับไฟสุม ยิ่งใกล้นางผู้นี้ยิ่งข่มความต้องการได้ยาก ดวงตากลมโตบนใบหน้ารูปไข่นั้นเบิกกว้างเพราะคำถามหรือมือไม้ปลาหมึกของเขาก็ยากที่จะรู้แน่ องค์ชายรองนึกสงสัยว่าเหตุใดเขาจึงไร้การควบคุมได้มากถึงเพียงนี้
“ข้าต้องการรับเจ้าเข้าตำหนักเหลียนฮวา เจ้าเป็นสาวใช้ของท่านเสนาบดีเจิ้งหรือว่าผิงอันกันแน่”
เมื่อได้ยินชื่อของคุณหนูใหญ่ของบ้าน เหม่ยฟางจึงได้สติและสะบัดตัวออกจากร่างกำยำ ทว่าไม่สำเร็จเพราะกำลังของคนตรงหน้านั้นมีมากเหลือเกิน
“บอกชื่อข้ามาก่อน ไม่เช่นนั้นข้าจะจูบเจ้าจนกว่าเจ้าจะยอมพูดกับข้า” องค์ชายสั่งเสียงแข็งก่อนจะซุกไซ้จมูกเรียวลงบนลำคอที่ขาวราวกับงาช้างนั้น นางหอมราวกับดอกไม้ป่าที่เขาไม่อยากปล่อยให้หลุดจากมือ ร่างเล็กสั่นราวกับลูกนกที่พยายามดิ้นรนหนีออกจากอุ้งเท้าของพญาเหยี่ยว
“ข้าน้อยชื่ออาโป เป็นสาวใช้ของคุณหนูเหม่ยฟาง”