ตอนที่ 6 เริ่มต้นความสัมพันธ์ (2)

1846 Words
“ข้าจะไปถือศีลนอกเมืองสักพักหนึ่ง หวังว่าเจ้าจะดูแลคนในตำหนักเหลียนฮวาได้ดีกว่าข้า หากยามใดองค์ชายรองมีโทสะเผลอตัวพูดจาระคายหู ก็ขอให้อดทนและอย่าใส่ใจคำพูดเหล่านั้น จงเร่งทำในสิ่งข้าทำไม่ได้เพื่อที่ทุกอย่างจะได้จบสิ้นลงโดยเร็ว” ผิงอันเอ่ยเตือนน้องสาวบุญธรรมเพื่อให้นางไม่ลืมหน้าที่ของตน “ข้าสัญญาว่าจะทำทุกอย่างเพื่อให้แผนสำเร็จโดยเร็วและกลับบ้านต้าหวังทันทีที่ทำได้ ตอนนี้ท่านพ่อยังสุขภาพแข็งแรงดีอยู่ก็จริง แต่ก็ไม่ได้เดินเหินสะดวกอย่างแต่ก่อน ตัวคุณแม่บ้านตันหยงเองก็แก่ชรามากแล้ว ไม่อยากให้ท่านต้องทำงานเหน็ดเหนื่อยเกินกว่าความจำเป็น” เจ้าของใบหน้างามเผยความรู้สึกและความกังวลที่มีต่อบิดาบุญธรรม “ใบหน้าว่างดงามแล้ว แต่น้ำใจกลับงดงามยิ่งกว่า เจ้ามาเพื่อรักษาเกียรติของครอบครัวและเกียรติของข้า ทว่าข่าวร้ายก็คือ องค์ชายรองไม่เห็นด้วยกับแผนการในครั้งนี้ คงต้องทุ่มเทอย่างมากเพื่อให้ทุกอย่างสำเร็จตามแผน” ผิงอันรู้สึกร้อนรุ่มราวไฟสุมอก นางระลึกถึงคำพูดของลู่เหวินเจี๋ยที่กล่าวหาอย่างร้ายกาจ ว่านางเป็นคนใจแคบและไม่คำนึงถึงผู้อื่น ดูเหมือนว่าคำพูดนั้นจะเป็นความจริง เพราะตอนนี้คุณหนูใหญ่แห่งบ้านต้าหวังกำลังรู้สึกแย่กับเรื่องที่ได้ทำลงไป หากคิดจะเปลี่ยนใจล้มเลิกแผนทั้งหมดในตอนนี้ก็คงเป็นไปได้ยาก ด้วยสายตาของหวังจื่อเทียนที่มีให้กับน้องสาวบุญธรรมค่อนข้างจะน่าหวั่นใจอยู่ไม่น้อย เรื่องที่องค์ชายรองไม่เห็นด้วยกับการให้กำเนิดรัชทายาท ทำเอาคนฟังถึงกับรู้สึกปวดมวนในช่องท้อง เหม่ยฟางคิดมาโดยตลอดว่าเรื่องนี้คงผ่านไปโดยง่าย คิดไม่ถึงว่าตนจะต้องหาวิธีล่อลวงคนที่มีเสน่ห์เหลือร้ายอย่างหวังจื่อเทียน นับเป็นเรื่องดีที่มีสาวใช้คู่คิดอย่างอาโปคอยช่วยเหลือ ทุกอย่างจึงดูไม่เหนือบ่ากว่าแรงมากนัก สองพี่น้องกอดกันแน่นก่อนถึงเวลาต้องจากลา ผิงอันมีสีหน้าไม่สู้ดีนักเพราะความรู้สึกผิดกัดกินหัวใจเพิ่มขึ้นตามเวลาที่เลยผ่าน ทว่าเหม่ยฟางกลับดูเข้มแข็ง ตั้งมั่นแน่วแน่ว่าจะหยุดยั้งข่าวลือที่สร้างความเสียหายให้กับตระกูลของตน องค์ชายหวังจื่อเทียนผู้ลอบฟังบทสนทนากันถึงกับกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ในตอนแรกเขาต้องการเพียงอิสรภาพที่จะได้จากการหย่าขาด แต่หลังจากเห็นใบหน้างามที่หาหญิงใดทัดเทียมได้ยากของเหม่ยฟาง ก็ทำให้เป้าหมายนั้นไขว้เขวไป วาจาอ่อนหวานเปี่ยมสติปัญญาทำให้เขาไม่มั่นใจว่าตนจะอดทนได้จนครบชั่วระยะเวลาที่กำหนด คุณหนูเล็กแห่งบ้านต้าหวังฉลาดหลักแหลมมากกว่าที่คาดการณ์ไว้อยู่มาก เขาสัมผัสได้ถึงความอ่อนช้อยและงดงามของนางตั้งแต่แรกพบ แต่ทว่าหลังจากใช้เวลาด้วยกันเพียงสั้นๆ กอปรกับบทสนทนาที่ได้ยินเมื่อครู่ หวังจื่อเทียนทราบในทันทีว่าสตรีผู้นี้มีความคิดอ่านฉลาดล้ำไม่ต่างจากบุรุษ และมีน้ำใจยิ่งใหญ่ราวกับมหาสมุทรก็มิปาน “ขบวนของท่านพี่ผิงอันเล็กจนข้าเกรงว่าจะเกิดความไม่สะดวก แต่เมื่อได้สอบถามจากเหล่าสาวใช้ก็พบว่าทุกหัวเมืองรอให้การต้อนรับอยู่ จึงค่อยรู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง เวลานี้ห่วงก็แต่องค์ชาย ที่ต้องถูกบังคับฝืนใจให้ร่วมหอกับข้า แต่ขอให้ทราบไว้ว่าข้ามีเจตนาบริสุทธิ์ ไม่ต้องการเรียกร้องสิ่งใดตอบแทนทั้งสิ้น” เหม่ยฟางเอ่ยขณะโบกมือลาพี่สาวบุญธรรมเป็นครั้งสุดท้าย นางเลี่ยงการสบตาองค์ชายรองผู้ทรงเสน่ห์ จึงไม่แน่ใจนักว่าเขาเข้าใจในสิ่งที่นางต้องการสื่อหรือไม่ นางเพียงต้องการทำหน้าที่ให้สมบูรณ์และยุติเรื่องราวทั้งหมดนี้โดยเร็ว “ข้าทราบดีว่าท่านเลื่องชื่อด้านศีลธรรม ย่อมไม่พอใจที่ต้องเปลืองตัวออกนอกลู่นอกทาง ซ้ำยังต้องแยกจากคนรักที่ครองคู่กันยาวนานกว่าห้าปี แต่เมื่อสวรรค์ไม่ประทานพยานรักให้ เห็นทีองค์ชายคงต้องฝืนความรู้สึกของตนเพื่อให้ท่านพี่มีความสุข ข้าสัญญาว่าหลังจากทุกอย่างจบสิ้นแล้วจะไม่มากวนรบกวนตำหนักเหลียนฮวาอีก” หวังจื่อเทียนอยากจะเปิดเผยว่าแท้จริงแล้ว เขากับผิงอันไม่เคยมีความสัมพันธ์ที่เกินเลยกว่าเพื่อนร่วมชายคา นางไม่เคยทำหน้าที่ภรรยาแม้แต่เพียงราตรีเดียว ทว่าคำสัญญาที่ให้ไว้กับผิงอันนั้นทำเอาน้ำท่วมปากเสียสิ้น ในระหว่างที่องค์ชายรองกำลังคิดหาคำตอบที่เหมาะสมกับบทสนทนาชวนปวดหัว ปรากฏว่ามีนายทหารหนุ่มผู้หนึ่งเดินเข้ามาหวังที่จะประชิดตัวของเหม่ยฟาง เป็นเพราะมนต์เสน่ห์ของใบหน้างามหรือสาเหตุอื่นก็สุดจะคาดเดาได้ หากมิได้หวังจื่อเทียนรีบมาสกัดกั้น ทหารผู้นั้นคงจะถึงตัวนางไปแล้ว “ข้าน้อยขออภัย ข้าคงจะสับสนเส้นทางเสียแล้ว” ร่างสูงเอ่ยขึ้นอย่างตะกุกตะกัก สายตาพยายามมองหานางที่ใบหน้าราวกับสวรรค์แกล้ง แปลกใจที่ตนเองควบคุมอารมณ์ปรารถนาไว้แทบไม่อยู่ หากเจ้านายทราบถึงเรื่องนี้คงจะถึงขั้นหัวขาดเป็นแน่ “แม่ทัพซุนเมิงฉวนแจ้งว่าอีกราวหนึ่งชั่วยามจะขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ” ทหารหนุ่มพยายามควบคุมสติและข่มใจไม่ให้มองสตรีรูปงามที่บัดนี้เดินห่างไปไกลเกินกว่าจะมองเห็นใบหน้าได้ชัดเจนแล้ว ใบหน้าของเขาแดงจนถึงหู องค์ชายหวังจื่อเทียนรู้สึกสงสารแทนที่จะโกรธเคืองเพราะเขาเข้าใจถึงความรู้สึกนี้ดี “ได้สิ ข้าเองก็มีข้อราชการที่จะปรึกษาท่านแม่ทัพอยู่พอดี องค์ชายใหญ่ก็คงจะมาถึงในเวลาไล่เลี่ยกัน เจ้าไปเถิดอยู่ตรงนี้นานๆ จะเดือดร้อนเสียเปล่า” องค์ชายรองเอ่ยตักเตือนอย่างมีเมตตา ทำเอานายทหารหนุ่มผู้นั้นอับอายแทบจะแทรกแผ่นดินหนี ร่างหนาโค้งคำนับก่อนจะจากไปอย่างรวดเร็ว “ความงามของเจ้าทำให้คนเมืองหลวงคลุ้มคลั่ง ข้าจะจัดการปัญหานี้อย่างไรดีนะ” องค์ชายหวังจื่อเทียนไม่รู้จะทำอย่างไรกับนางดี อยากจะหยิบเรื่องนี้มาพูดหยอกเย้า แต่ก็กลัวห้ามใจตนเองไม่อยู่ และทำมากกว่าที่ตั้งใจจะทำ จึงได้แต่นวดขมับของตนเองเบาๆ เพื่อผ่อนคลายความเครียด “องค์ชายมิต้องห่วง เรื่องนี้สามารถจัดหนักให้เป็นเบาได้ง่าย วันนี้เป็นความผิดของข้าเองที่ลืมระมัดระวังตัวไปว่าในบริเวณนี้คนนอกสามารถเดินเข้ามาได้ เราไม่ควรให้คนนอกรู้ว่าข้าเป็นใครและมาอยู่ที่นี่ในฐานะอะไร ส่วนเรื่องบ่าวในบ้าน ท่านพี่ผิงอันบอกข้าว่าได้จัดการไว้เรียบร้อยแล้ว” หวังจื่อเทียนพยักหน้าเชิงเห็นด้วย เรื่องที่น้องสาวต้องมาตั้งครรภ์แทนพี่สาวนั้นไม่ใช่เรื่องที่น่าเปิดเผย เป็นการดีที่จะปิดบังเรื่องนี้จากคนภายนอก เพราะคนที่จะเสื่อมเสียชื่อเสียงมากที่สุดหากเรื่องนี้รั่วไหลออกไปก็คือเหม่ยฟาง เขาคงจะต้องกำชับคนในตำหนักด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง “อีกเพียงหนึ่งชั่วยาม พี่ชายของข้าและแม่ทัพจากวังหลวงจะเข้ามาพบปะพูดงานราชการกันที่นี่ ข้าอยากให้เจ้าได้พบองค์ชายหวังเจี้ยนผิง แต่สำหรับแม่ทัพนั้นเกรงว่าจะไม่สะดวกนักใจ” หวังจื่อเทียนไม่อาจหลอกลวงพี่น้องร่วมสายเลือดได้ จึงเลือกที่จะบอกความจริงมากกว่าโป้ปด “องค์ชายโปรดละความกังวล ข้าจะจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด” เหม่ยฟางเอ่ยขอตัวอย่างสุภาพ หลังจากเวลาผ่านไปไม่นานนักก็ขอให้อาโปมาเชิญหวังจื่อเทียนเข้าพบ องค์ชายรองถึงกับหัวเราะชอบใจเมื่อเห็นเครื่องแต่งกายของนาง ใบหน้าสวยนั้นไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงอยู่ก็จริง ทว่าเสื้อผ้าของบุรุษก็พอช่วยได้อย่างที่นางกล่าวไว้ “ท่านอาลู่เหวินเจี๋ย ใช้วิธีนี้เวลาพาข้าออกไปเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ ผู้คนจะไม่ใส่ใจหรือสนใจน้อยลงเมื่อข้าสวมเสื้อผ้าของบุรุษ หลายคนคิดว่าข้าเป็นเพียงเด็กหนุ่ม การสวมเสื้อผ้าเช่นนี้ไว้ตลอดจะเป็นผลดีมากกว่าผลเสีย หากมีใครมาเยือนโดยมิได้นัดหมายจะได้ไม่เกิดปัญหา มิทราบว่าองค์ชายคิดเห็นอย่างไรกับการแต่งตัวเช่นนี้” “แม้แต่งกายเช่นบุรุษก็ยังมีความงามเหนือหญิงใด แต่ก็ดีกว่าไม่พยายามอะไรเลย สำคัญอีกอย่างคือ เลิกเรียกข้าว่าองค์ชายเสียทีเถิด ฟังแล้วระคายหูยิ่งนัก” มือเรียวเผลอเกี่ยวเอาปอยผมน้อยที่หล่นลงมาคลอเคลียใบหน้าหวานล้ำ ก่อนจะซ่อนไว้ตามไรผมที่เกล้าสูงตามสมัยนิยมของบุรุษ สัมผัสเพียงเล็กน้อยจากองค์ชายรองทำเอาเหม่ยฟางใจเต้นแรงจนแทบจะควบคุมกิริยาไว้ไม่อยู่ นางรอคอยค่ำคืนแรกอย่างหวั่นเกรง ทว่าก็อุ่นใจที่ปัญหาทุกอย่างจะได้จบลงเสียที ‘ซินแสของตระกูลเราเคยบอกวิธีแก้ไขดวงคุณหนูไว้สองข้อ ข้อแรกคือการถือพรหมจรรย์หลังจากแต่งงานชั่วชีวิต และข้อสองคือคุณหนูต้องสูญเสียพรหมจรรย์โดยที่ยังไม่ผ่านพิธีมงคล ข้าไม่เคยบอกก็เพราะว่าวิธีนี้จะทำให้ตระกูลของเราต้องเสื่อมเสีย และยังกลัวว่าท่านจะชิงตัดช่องน้อยแต่พอตัว ร่วมหอลงโลงกับบุรุษที่ไม่คู่ควรเพื่อเปลี่ยนดวงชะตา แต่เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้แล้ว ข้าเห็นสมควรว่าอย่างน้อยก็ควรจะให้คุณหนูได้ทราบเอาไว้ ว่าหลังจากนี้คุณหนูจะตบแต่งกับชายหนุ่มจากตระกูลใดก็ย่อมได้’ แม่บ้านตันหยงกล่าวเรื่องนี้ขึ้นในวันที่เหม่ยฟางต้องออกเดินทาง นางรู้สึกสบายใจที่อย่างน้อยการตอบแทนบุญคุณในครั้งนี้จะจัดการเรื่องปัญหาเรื่องดวงชะตาไร้คู่ให้จบสิ้น พร้อมภาวนาให้คนที่พรากพรหมจรรย์ของนางหมดสิ้นซึ่งความพิศวาสและปล่อยให้นางเป็นอิสระ แต่ถึงเวลานั้นใครเล่าจะสนใจหญิงที่สูญเสียพรหมจรรย์และผ่านการมีบุตรแล้ว “ข้าต้องขอตัวไปเตรียมการต้อนรับแขกคนสำคัญก่อน หากท่านพี่หวังเจี้ยนผิงมาแล้วจะรีบแจ้งให้ทราบ ตอนนี้อยากจะหยิบตำราหรือศึกษาอะไรที่ห้องสมุดก็เชิญตามสบายเถิด และหากมีสิ่งใดเจ้าอ่านแล้วไม่เข้าใจหรือว่าติดขัด โปรดอย่าลังเลที่จะหาคำตอบจากข้า” องค์ชายรองกล่าวขึ้นเพื่อให้สมาชิกใหม่ของบ้านสบายใจ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD