‘แกล้งเป็นแฟนกูหน่อย กูจะเอาคืนเด็ก’ เพราะคิดว่าเธอยังเด็ก ความคิดที่โตกว่าจึงอยากแกล้งคืนบ้าง ตอนแรกผมคิดแบบนั้น แต่ไม่ใช่ ความจริงแล้วผมก็แค่อยากรู้ว่าเธอจะมีความพยายามมากแค่ไหนก็เท่านั้น
รู้ตัวอีกทีมันก็ดันเป็นผมเสียเองที่รอและเฝ้ามองหาว่าเธอจะทำยังไงต่อไป
ยิ่งเวลาหมุนไปข้าง รอบข้างผมก็เริ่มเปลี่ยน ไม่ว่าจะชื่อเสียงหรือการเป็นที่รู้จัก รวมถึงการตามขัดขวางความรักของผมจากเด็กผู้หญิงแก่แดดคนนั้นด้วย...
‘ไหนวะโตโต้ เด็กที่บอกจะแกล้งอ่ะ วันนี้ไม่เห็นน้องเขามาเลย?’
ผมตอบการ์ตูนไม่ได้ ตอนนั้นมันก็เข้าเดือนที่ 2 ได้แล้วมั้งที่ผมไม่เห็นเธอตามป้วนเปี้ยน เธอหยุดรามือที่จะขัดขวางไปแล้ว
‘นี่ถ้าพ่อรู้ว่าพวกพี่ไปไล่ตีกับวิ’ลัยอื่นนะ พ่อต้องลมจับแน่ๆ’ ทุกครั้งที่ผมกับไอ้คำรามไปมีเรื่อง ก็จะได้แต้วกับส้มจี๊ดนั่นแหละคอยทำแผลให้
แต้วทำแผลให้ผม ส่วนส้มจี๊ดทำแผลให้คำราม
ถึงอย่างนั้นผมก็ยังรับรู้ความรู้สึกของเธอได้อยู่ดี
‘นี่ยาแก้ปวดค่ะพี่โต ทานด้วยนะคะพรุ่งนี้พี่จะได้ไม่ปวดตัว’
เธอแสดงความเป็นห่วงทุกครั้งไม่ว่าจะทางสีหน้าหรือการกระทำ
‘ขอบคุณค่ะ’ ส่วนผมก็ได้แต่บอกเธอแค่นั้น ไม่กล้าถามหรอกว่าเธอหายไปไหน
ทำไมถึงไม่มา...
“ตอนนั้นทำไมถึงหายไปล่ะ?”
แต่วันนี้ในช่วงเวลาปัจจุบันผมได้ถามเธอแล้ว
“ทำไมไม่ขัดขวางความรักของพี่ต่อ”
“หนูเหนื่อย” ส่วนนี่คงเป็นคำตอบที่ผมอยากรู้มาตลอด “หนูเหนื่อยที่จะชอบพี่แล้ว”
“...”
“พี่โตออกไปจากห้องหนูได้แล้ว หนูอยากพัก อ๊ะ”
หมับ!
คงไม่มีใครบอกเธอหรอกว่าผมเอาแต่ใจแค่ไหน อะไรที่อยากได้ก็จะคว้ามาจนกว่าจะได้
“อื้อ! พี่โตปล่อยหนูนะ!” ส้มจี๊ดดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอด เมื่อเพราะตั้งใจที่จะรั้งตัวเธอไว้ แสดงให้เห็นว่าผมไม่อยากปล่อยเธอไป ไม่สนใจเสียงผลักไสหรือแทบทุบตีจากหมัดเล็กๆ แต่สนใจความรู้สึกที่เธอเหลือถึงผมมากกว่า
“ตอนนี้จี๊ดไม่รัก ไม่ชอบพี่แล้วเหรอคะ?”
“พี่โตหยุดถามบ้าๆ แบบนี้สักที”
“...” บ้าเหรอ สงสัยจะบ้าจริงๆนั่นแหละ
“หนูมีแฟนแล้ว ส่วนพี่ก็มีพี่การ์ตูน หนูจะรักพี่ได้ยังไง!”
การ์ตูนเหรอ? จริงสิ...
‘น้องเขาคงไม่มาแล้วมั้งโตโต้ เอาไงต่ออ่ะ?’
เสียงของการ์ตูนในอดีตดังแว่วเข้ามาในหัวเมื่อเจอคำพูดดักทางของคนตัวเล็กในอ้อมกอด ตอนนั้นพวกเรากำลังนั่งอยู่ที่ตึกเรียน มีผม ไอ้คำราม การ์ตูน แล้วก็ไอ้ย๊ะ
‘งั้นก็พอ เลิกแสดง’
‘อ้าวเชี่ย นี่มึงแสดงอะไรกัน กูไม่เห็นรู้เรื่อง?’ ไอ้ย๊ะที่นั่งอยู่ด้วยกันโพล่งเสียงถามด้วยความสงสัย ก่อนจะโดนไอ้คำรามดึงถุงขนมจากมือมันไปกินอย่างหน้าด้านๆ ตามนิสัย
‘ตูนกับโตแสดงละครว่าเป็นแฟน โตมันจะแกล้งเด็กที่ตามจีบมันอ่ะ’
‘เด็กไหนวะ?’
‘น้องส้มจี๊ด เด็กฝากบ้านกูไง’ คราวนี้ไอ้คำรามตอบแทนผม ปากมันยังเคี้ยวขนมตุ้ยๆ
‘มีรูปป่ะ?’
‘นี่ไง’ การ์ตูนรีบเปิดภาพในมือถือยื่นส่งให้ไอ้ย๊ะตามความต้องการของมัน
และนั่นคือจุดเริ่มต้น
‘เฮ้ยน้องเขาน่ารักว่ะ กูจีบได้ป่ะ?’
‘ไม่ได้’ ผมขัดไอ้ย๊ะจนมันยู่ปากทะเล้นใส่ ‘มึง อยากติดคุกไง หาเรื่องนะมึง’
‘อะไรวะ กูแค่ถามเอง ไอ้สันขวาน!’
“พี่โตจะถามให้ได้อะไรคะ!?” ความคิดถูกดึงกลับมาใช่ช่วงเวลาปัจจุบัน ส่วนปากก็ขยับตอบคำถามดังกล่าวไปอย่างไม่ปิดบัง
“พี่ชอบจี๊ดไงคะ...”
“หนูบอกให้พี่โตเลิกพูดไง หนูไม่อยากได้ความหวังจากพี่อีกแล้ว!” เธอตะคอกผมด้วยเสียงที่มีแค่เราเท่านั้นที่ได้ยิน เธอพยายามปฏิเสธทุกคำพูดที่ผมบอกแต่กลับกันหัวใจเธอดันเต้นแรงเวลาที่รับฟัง
เหมือนกับเสียงหัวใจผมไม่มีผิด
“ฮึก...พี่โตปล่อยหนูนะ ว๊าย!” เพราะเธอเอาแต่ปฏิเสธ ส่วนผมก็มีความอดทนไม่พอ การกระทำรุนแรงเลยเกิดขึ้น
ฟึ่บ! ตุบ!
ผมเหวี่ยงตัวส้มจี๊ดลงกับเตียงนอนของเธอ ก่อนพุ่งตัวปราดตามเข้าไปสมทบอย่างติดๆ สองมือที่ไม่สิทธิ์รั้งยังคงหน้าด้านทำหน้าที่ของมัน กดลงกับเตียงกักขังคนตัวเล็กใต้ร่างในสภาพนอนหงาย
นัยน์ตากลมเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา แววตาที่แสดงออกกำลังตกใจ
“จี๊ดอยากให้พี่ทำยังไง?” ผมถามเธอ
“อยากให้พี่เลิกกับตูนใช่ไหม?” ถามตรงประเด็นมากกว่าทุกครั้ง
“ตอบพี่สิคะ” ถามเพื่อต้องการคำตอบ
“หนะ หนูไม่รู้...” แล้วผมก็ได้คำตอบ จากน้ำเสียงน้ำเสียที่เธอใช้พูด แม้ว่าเธอจะปกปิดความรู้สึกตัวเองด้วยข้ออ้างโง่ๆ “เรื่องของพี่ไม่เกี่ยวกับหนูสักหน่อย ในเมื่อหนูคบกับพี่ยูยะอยู่”
“ค่ะ”
ผมรับคำเธอ แต่ไม่ได้รับคำเพราะเข้าใจเหตุผลเรื่องการคบหาระหว่างเธอกับไอ้ย๊ะ แต่รับคำเพราะรู้แล้วว่าเธอกำลังรู้สึกอะไรกับผมอยู่ต่างหาก
“พี่จะไปเลิกกับตูน” พูดจบผมก็ทำท่าจะผละตัวออกจากการคร่อมร่างกายเธอไว้ แน่นอนว่าเด็กผู้หญิงที่มักจะมองความรู้สึกคนอื่นเป็นเรื่องสำคัญอย่างส้มจี๊ดไม่รอช้าที่จะหยัดตัวลุกขึ้นเพื่อรั้งไม่ให้ผมทำตามอย่างที่พูดทันที
“พี่โต หนู...อ๊ะ!” เสียงปรามของคนตัวเล็กขาดหายไปในช่วงหลัง เมื่อผมที่เธอคิดว่าจะผละตัวไปตัดสินใจกดฝ่ามือทาบลงกับเตียงแทนหลักแล้วคงระดับใบหน้าและสายตามองเธออยู่ที่เดิม
ระยะสายตาและปลายจมูกของเราอยู่ห่างกันเพียงแค่ลมหายใจ เป็นครั้งแรกที่เราได้มองตากันในระยะประชิดแบบนี้ทั้งที่ยังมีสติครบถ้วนกันทั้งคู่
“...”
“…” และการที่สายตาประสานกันใกล้ขนาดนี้ มันเลยพลอยให้ความเงียบเข้าแทรกซึมบรรยากาศรอบตัวในทุกตารางนิ้วอย่าง่ายดาย
นึกแล้วก็ตลกตัวเอง เพราะไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ผมรู้ทันเธอไปหมดทุกอย่างได้ขนาดนี้ ไม่ว่าจะความคิด การกระทำหรือความรู้สึก
“จี๊ดเรียกพี่ทำไมคะ?” ผมถามเสียงเรียบ ทั้งที่เรายังสบสายตากันในระยะประชิดแบบนั้น
“หนู...” เธอดูประหม่าเมื่อถูกถาม เหมือนวันแรกที่ผมประหม่าเพราะรอยยิ้มของเธอนั่นแหละ
“ไม่ต้องรู้สึกผิด เพราะที่พี่เลิกกับตูนไม่ใช่เพราะจี๊ดอยากให้เลิก...” ผมบอกเธออย่างรู้ทันความคิด “แต่เพราะพี่อยากมีสิทธิ์รักจี๊ดได้เต็มที่”
“...”
“ส่วนเรื่องไอ้ย๊ะ ถ้าจี๊ดไม่อยากเลิกกับมัน พี่ก็ไม่ห้าม...”
“...”
“จี๊ดไม่พูด พี่ก็จะไม่พูด…” คนฟังเลื่อนสายตาไปทางอื่นทำท่าเหมือนจะขยับหนี แต่ผมไม่ปล่อยให้เธอทำตามใจตัวเองได้หรอก
จนกว่าคืนนี้ผมจะได้คำตอบสำคัญที่ต้องการ
“รักกับพี่นะคะ...”