-DOTH TALK-
‘เพราะพี่ก็ชอบจี๊ดเป็นเหมือนกัน...’
คนตัวเล็กซึ่งอยู่ในการถูกกักขังนิ่งชะงักไป นัยน์ตากลมเธอกวาดมองหน้าผมก่อนตะคอกเสียงออกมาเหมือนไม่เชื่อ
“พี่โตโกหก! ถอยไปนะ!”
“ไม่ถอยค่ะ ไม่ถอยจนกว่าจี๊ดจะเชื่อ” พอพูดอีกฝ่ายก็หยุดชะงักไป ผมพยายามมองตาเธอที่ช่วงหลังมานี้ เธอมักเป็นฝ่ายหลบเลี่ยงที่จะมองตาผมตรงๆ
“พี่เลิกโกหก...หนูเหนื่อยแล้ว” เธอไม่ยอมมอง ปากก็เอาแต่ปฏิเสธสิ่งที่ได้รับฟัง
“จี๊ดไม่รักพี่แล้วเหรอคะ?” พอถามคำถามนี้ออกไป สิ่งที่อยู่ในหัวก็ถูกถ่ายทอดขึ้นมาจนเห็นชัดเป็นฉากๆ
ภาพของรั้วโรงเรียนประถมศึกษาแห่งหนึ่ง กับเสียงจอแจของเด็กตัวเล็กน่ารำคาญ
‘ไปก่อนนะ พี่มารับแล้ว’ เสียงน่ารำคาญประการแรกคือ ‘แต้ว’ น้องสาวแท้ๆ ของผมเอง ก่อนตามมาด้วยเสียงเพื่อนของเธอ
‘กลับดีๆนะแต้วแล้วก็สวัสดีค่ะพี่ชายของแต้ว’ ความน่ารำคาญ ทำผมเลือกที่จะเบนสายตาและเมินคำทักทายของเพื่อนน้องสาวไปทางอื่น ในใจอดนึกต่อว่าพ่อไม่ได้ว่าทำไมถึงไม่ให้ไอ้คำรามมารับ ทั้งที่มันว่างกว่าผมตั้งเยอะ
แต่แล้วเรื่องของเพื่อนน้องสาว มันก็ได้กลายมาเป็นหัวข้อสนทนาบนโต๊ะอาหารเย็น
‘สิ้นเดือนนี้ พ่อจะย้ายไปทำงานที่ต่างประเทศนะ เจ้านายวานให้ไปช่วย’
‘แจ่มแมวมากครับ เห็นไหมรามบอกแล้วว่าพ่ออ่ะงานดี!’ นั่นน่ะเสียงไอ้คำรามตอนชมพ่อผม
‘ก็พ่อซะอย่าง ฮ่าๆ’ พ่อคือหัวหน้าครอบครัว หาเลี้ยงทุกคนในครอบครัว เรื่องการไปทำงานที่ต่างประเทศหรือการรับใครเข้ามาเป็นลูกบุญธรรม จึงไม่มีใครกล้าขัด เพราะสิ่งที่พ่อเลือกมันคือเรื่องที่ดี ซึ่งนั่นรวมถึงการตกลงรับคนเข้ามาอาศัยในบ้านชั่วคราวเช่นกัน
‘เออนี่ลืมบอกไป พ่อตกลงกับเจ้านายว่าจะให้ลูกสาวเขามาอยู่กับเราที่นี่ ในช่วงที่ต้องไปทำงานต่างประเทศด้วยนะ’ พ่อเปิดประเด็นขึ้นพลางหยิบรูปถ่ายใบหนึ่งวางลงบนโต๊ะกินข้าว พานให้ทุกสายตาเหลือบไปยังภาพของเด็กผู้หญิงในรูปด้วยความสนใจทั้งหมด เว้นแค่ผมคนเดียวเท่านั้นที่ยังตักข้าวในจานเข้าปากด้วยความรู้สึกเฉยๆ
ไม่ได้ตื่นเต้น ตื่นตา...
‘ต๋ายคุณ...เด็กคนนี้น่ารักจัง’
‘หูยยย พ่อลูกสาวเจ้านายน่ารักจังเลยอ่ะ?’ หูได้ยินเสียงชมของสมาชิกในครอบครัวซึ่งพูดถึงลูกสาวเจ้านายของพ่อ พอฟังมากเข้าผมก็อดที่จะชำเลืองตามองบ้างไม่ได้
‘นี่มันส้มจี๊ดเพื่อนหนูนี่’ จังหวะเดียวกันนั้นน้องสาวตัวดีก็พูดขึ้น มิหนำซ้ำยังหันมาถาม ‘คนนี้ไงที่พี่ชอบทำใจร้ายใส่บ่อยๆ พี่โตจำได้ป่ะ?’
ผมไม่ได้ตอบอะไร ได้แต่มองภาพใบหน้าของเด็กผู้หญิงเจ้าของเสียงทักทายในทุกเช้าและทุกเย็นที่ผมถูกบังคับให้ไปรับและส่งน้องที่โรงเรียนผ่านรูปถ่ายเท่านั้น
‘โตมองอะไร นั่นลูกสาวเจ้านายพ่ออย่าคิดเชียวนะไอ้ลูกคนนี้!’ พ่อขัดขึ้นเมื่อเห็นว่าลูกชายคนเดียวของตัวเองกำลังสนใจรูปของเด็กประถมที่วางอยู่บนโต๊ะกินข้าวแถมยังมีเสียงของแต้ว น้องสาวตัวดีช่วยย้ำคำพูดของพ่อขึ้นอีก
‘นี่เพื่อนหนู พี่ห้ามยุ่ง’
‘ไร้สาระน่า ใครจะไปยุ่งกับเด็กกันล่ะพ่อ เสี่ยงคุกจะตายชัก’ ผมแย้ง พร้อมทั้งละสายตามาที่จานข้าวตัวเองเพื่อกินต่อให้หมด
‘คิดแบบนั้นได้ก็ดี ไปยุ่งกับลูกสาวเจ้านายมีหวังพ่อได้โดนไล่ออกแน่ๆ’
พ่อชอบพูดเป็นเล่นไปหมด ใครจะไปยุ่งกับเด็กล่ะ
‘อีกอย่าง พ่อไม่อยากเสียเงินไปประกันแกในคุก ฮ่าๆๆๆๆๆ’ ไม่เห็นจะน่าสนใจตรงไหน ก็แค่เด็กประถมหน้าตาพื้นๆ คนหนึ่งเท่านั้นแหละ
แต่ว่าในวันแรกที่ได้เจอและมองหน้าในวันแรกที่เธอแวะเที่ยวบ้าน ผมดันรู้สึกต่างออกไป
‘สวัสดีค่า ส้มจี๊ดค่ะ อีกไม่กี่วันจะขอมาพักอาศัยอยู่ด้วยชั่วคราว ขอความกรุณาด้วยนะคะ’ เธอเป็นเด็กที่อ่อนน้อม น่ารักและดูร่าเริงตลอดเวลา วินาทีที่เรามองตากัน ผมถึงค้นพบว่ารอยยิ้มแบบเด็กๆ ของเธอดูน่ารักกว่าที่เคยเห็นมา
‘คิกๆ ส้มจี๊ดค่ะพี่โต เราเคยเจอกันหลายรอบแล้ว ยังไงก็ฝากตัวด้วยนะคะ!’ และรอยยิ้มของเธอมันทำให้ผมประหม่าเมื่อได้มอง...
‘ครับ’
“หยุดโกหกสักที หนูไม่อยากฟังแล้ว!” เสียงของเด็กผู้หญิงตัวเล็กในอดีตดังแว่วแทรกสถานการณ์ปัจจุบัน การเอาแต่หวนคิดเรื่องเก่าๆ มันเลยทำให้ผมไม่ทันระวังตัว จนพลอยให้อีกฝ่ายผลักอกผมให้ถอยห่างได้สำเร็จ
‘หนูชอบพี่ค่ะ คบกับหนูนะ!’
ผมได้ยินเสียงความรู้สึกของเธอ ดังอยู่ในหัวแบบนั้นซ้ำๆ
‘เป็นเด็กเป็นเล็กอย่าแก่แดดให้มันมากนัก’ และเสียงตัวเองที่ตอบเธอกลับไป
‘หนูโตแล้ว ปีหน้าจะขึ้น ม.1 แล้วด้วย!’ เธอเถียงผมตามประสาเด็ก นึกแล้วมันก็ตลก ใช่! เธอกำลังจะขึ้น ม.1 แต่ผมกำลังจะขึ้นปี1 และถึงรอยยิ้มของเธอจะน่ามองแค่ไหนก็ตาม แต่ว่าการคบกับเด็กน่ะมันไม่เคยอยู่ในความคิดหรอกนะ โดยเฉพาะกับเด็กที่เป็นเพื่อนสนิทของน้องสาวตัวเอง
‘นี่มันห้องผู้ชาย ออกไปได้แล้ว ถ้าไม่ออกเดี๋ยวก็ปล้ำซะหรอก’ ตอนนั้นผมแค่พูดเล่นหวังตัดบทเพื่อไล่เธอ แต่เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ใสซื่อบริสุทธิ์ และมั่นคงต่อความรู้สึกของตัวเอง กลับทำในสิ่งที่ผมไม่คาดฝัน เธอถอดเสื้อนักเรียนท่อนบนออกอย่างรีบร้อน
นัยน์ตากลมที่มองหน้าผมเต็มไปด้วยความหวังและจริงจัง เหมือนกับเชื่อว่าผมคิดจะทำมิดีมิร้ายร่างกายเธอจริงๆ
‘ถอดเสื้อทำไม?’ พออีกฝ่ายถูกถามแบบนั้น ใบหน้าน่ารักๆ ก็เริ่มแสดงสีหน้าที่เปลี่ยนไป
‘กะ ก็พี่โตบอกถ้าหนูไม่ออกไป พี่จะปล้ำ’ อ่า...ความใสซื่อของเด็กเนี่ย มันน่ารำคาญใจจริงๆ
‘ถ้าอยากเสียตัว...’ อีกครั้งที่ผมจงใจพูดใส่เธอไปแบบไม่ไว้หน้าเพื่อตัดความรำคาญ ‘ไว้นมขึ้นเมื่อไหร่ค่อยว่ากัน’
คำพูดในตอนนั้นทำเธอโกรธจัดและอับอาย ถึงขั้นลั่นวาจาออกมาเสียงดัง
‘ถ้าพี่ปฏิเสธหนู ชาตินี้อย่างหวังจะได้มีเมียอีกเลย!’
ผมทั้งอึ้งทั้งขำ แต่ไม่ยักรู้ว่าเธอจะเอาจริง เธอทุ่มความพยายามทั้งหมดเพื่อขัดขวางไม่ให้ผมคบกับใคร เหมือนตอนนี้ที่ผมเองก็ไม่อยากให้เธอคบกับใคร
หมับ!
“อ๊ะ!?” คนตัวเล็กในอดีตส่งเสียงร้องขึ้นในช่วงสถานการณ์ปัจจุบัน เมื่อถูกคว้าแขนไว้ เธอตวัดหางตามองผม และการที่เราได้มองตากันตรงๆ มันก็ทำให้รู้ว่าเด็กแก่แดดในวันนั้น วันนี้โตขึ้นกว่าเมื่อก่อนจนเหมือนเป็นคนละคน...
“ไหนบอกจะทำให้พี่มีเมียไม่ได้อีกไงคะ?”
“...”
“แล้วทำไมตอนนี้ยอมแพ้ซะแล้วล่ะ...”
คำพูดผมน่ะ วันนี้กับในอดีตมันช่างย้อนแย้งกันสิ้นดี
‘มึง ลูกสาวเจ้านายพ่อเอาอีกแล้วว่ะ...’
ไอ้คำรามพยักพเยิดหน้าให้ผมมองเด็กม.ต้นหน้ารั้ววิทยาลัยช่างศิลป์ ซึ่งกำลังเกาะขอบกำแพงมองตรงเข้ามายังบริเวณที่ผมนั่งอยู่
‘มีปัญญาตามขนาดนั้น ก็ให้ตามไป กูไม่ซี’
เพราะดันพูดแบบนั้นออกไป คนบนฟ้าเลยหมั่นไส้ บันดาลให้เด็กผู้หญิงขัดขวางชีวิตรักผมจนแทบไม่เหลือความสุข แต่รู้ไหมนั่นน่ะไม่ใช่ปัญหาที่ผมรู้สึกว่าแย่หรอก ในเมื่อสิ่งที่เธอทำมันทำให้ผมรู้สึกขำกับความพยายามแบบเด็กๆ นั่นได้ทุกครั้ง
ในเมื่อเก่งนัก ก็ต้องท้าชนกันไป
‘ตูน กูมีเรื่องให้ช่วยว่ะ’
‘ว่ามาเลยโตโต้!’
‘แกล้งเป็นแฟนกูหน่อย กูจะเอาคืนเด็ก’