Ep5 (จบบท) : ยื้อชีวิต by...kanokrot

1950 Words
มาฤดีเกาะแขนล่ำของสิงห์เอาไว้แน่นตอนหญิงสาวเดินนวยนาดลงบันไดมาเกือบจนถึงขั้นสุดท้าย กะว่ามาเที่ยวเมืองไทยหนนี้เธอจะต้องพิชิตใจพี่ชายบุญธรรมอย่างสิงห์ให้ได้ หลังจากเธอปล่อยให้เขาใช้ชีวิตหนุ่มอย่างสำเริงสำราญมานาน โดยที่ตัวเธอลงมือทำอะไรได้ไม่มากนัก นอกจากคอยจัดการอีนังผู้หญิงหน้าด้านเหล่านั้นลับหลังชายหนุ่ม กำจัดพวกนั้นออกไปจากชีวิตของสิงห์ทีละคน  ใช่ว่าเธอจะไม่รู้ข่าวเกี่ยวกับคู่ควงของเขาที่เปลี่ยนบ่อยยิ่งกว่าเปลี่ยนกางเกงใน เพราะเธอมีแหล่งข่าวเอาไว้คอยชี้เป้าเสมอยามพี่สิงห์คั่วกับผู้หญิงคนไหนอยู่ และเมื่อเธอรู้เรื่องทั้งหมดเข้า แน่นอน เธอไม่ยอมปล่อยให้อีนังหน้าด้านคนไหนกล้าเข้ามาวุ่นวายกับพี่สิงห์ของเธอได้นาน เธอมีวิธีจัดการจำกัดพวกตัวเหลือบหริ่งเรไรเหล่านั้น จนไม่มีผู้หญิงหน้าไหนกล้ากลับเข้ามาวุ่นวายในชีวิตพี่สิงห์ของเธออีกเลยสักคน  เธอวาดหวังอยากใช้ชีวิตคู่กับเขาหลังจากเธอเรียนจบการศึกษา และตอนนี้มันคงถึงเวลาสำหรับวันนั้นของเธอเสียที หลังจากเธอเรียนจบและเดินทางท่องเที่ยวทั่วโลกจนหนำใจ เธอบินมาเมืองไทยคราวนี้จะขอจัดการทุกอย่างให้มันเข้าที่เข้าทาง ดำเนินตามแผนการในใจที่เฝ้าฝันไว้มานานหลายปีให้สำเร็จจงได้ เธอจะต้องทำทุกวิถีทาง เพื่อให้พี่สิงห์ยอมตกลงแต่งงานกับเธอ นั้นคือเป้าหมายสำคัญอันดับหนึ่งของการมาหาเขาที่เมืองไทยหนนี้ เอ๊ะ! แล้วแม่นั่นใครกัน? มันมายืนทำหน้าเซ่ออยู่ในบ้านของพี่สิงห์ได้ยังไง   ใบหน้าสวยไม่ต่างจากนางพญาเริ่มเปลี่ยนเป็นไม่ชอบใจ มันดูเข้มจัดเมื่อเจ้าหล่อนเหลือบสายตาเห็นเด็กสาวสวยสะพรั่งคนหนึ่ง กำลังยืนก้มหน้างุดเอามือกุมกันไว้ด้านหน้า มันยืนอยู่ข้างบอดีการ์ดมือหนึ่งของสิงห์ เธอรับรู้ได้ถึงเค้าลางบางอย่าง เด็กสาวคนนี้คงมีอะไรพิเศษต่อพี่สิงห์ของเธอเป็นแน่แท้ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ปล่อยให้ขึ้นมายุ่มย่ามบนตึกและต่อหน้าเธอเสียด้วยสิ ใจสาวเริ่มลุกเป็นไฟ  เหตุใดกำไรถึงไม่ยอมส่งข่าวเรื่องนี้ให้เธอทราบ มาฤดีกำรอบลำแขนของชายหนุ่มแน่นขึ้นด้วยความลืมตัว เพราะถ้าหากเป็นอย่างที่เธอคิดจริงขึ้นมา เธอจะไม่ยอมอยู่นิ่งเฉยแน่ ซึ่งคนเก่าคนแก่ของบ้านหลังนี้ทุกคนต่างรู้ดี เธอหวงพี่สิงห์ของเธอมากแค่ไหน และเคยอาละวาดมาแล้วกี่หน... สิงห์มีสีหน้าแตกต่างจากคนด้านข้างอย่างสิ้นเชิง เมื่อชายหนุ่มรู้สึกพอใจเป็นอย่างมากยามได้เห็นใบหน้าหวานที่เขาโคตรจะคิดถึง แต่ต้องแกล้งทำเป็นสีหน้าปกติให้มากที่สุด ข่มใจทำเป็นไม่สนใจไยดี ทั้งที่เขาไม่อาจลืมรสชาติของผิวกายขาวนวลละเอียดลอออวบอิ่มเย้าอารมณ์ของเจ้าหล่อนได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว ทุกอย่างยังคงแจ่มชัดในความรู้สึก ตราตรึงใจเขาจนไม่อาจปล่อยให้สาวน้อยหลุดมือ เขาจะจองจำเจ้าหล่อนไว้ที่นี่อีกนานแสนนาน หรือไม่ก็จนกว่าจะหมดลมหายใจกันไปข้างหนึ่ง   เพราะตอนนี้ไอ้ชาคร์มันก็ได้ตายโหงตายห่าไปกับเครื่องบินลำนั้นแล้วนี่นา คงไม่มีใครหน้าไหนกล้าบุกเข้ามาช่วงชิงเชลยหัวใจของเขาได้อีก คนที่เหลือก็มีเพียงพวกไร้น้ำยา ซึ่งเขาไม่เคยเห็นอยู่ในสายตา สิงห์คิดอย่างลำพองใจ เหมือนยกภูเขาออกจากอกตอนลูกน้องส่งข่าว เครื่องบินของไอ้ชาคร์ถูกโจมตีระหว่างทางจนเกิดระเบิดขึ้นกลางอากาศ  เมื่อชายหนุ่มหลงคิดว่าศัตรูหมายเลขหนึ่งได้ล้มหายตายจาก ดังนั้นชารีนน้องสาวของมันก็กลายเป็นลูกไก่ในกำมือของเขา ซึ่งเขาจะทำอะไรยังไงกับเจ้าหล่อนก็ได้ ถือเป็นสิทธิ์ขาดของเขาโดยชอบธรรม ดังนั้นเขาถึงส่งเจ้าหล่อนลงไปฝึกทำอาหารอยู่ในห้องครัวใหญ่ เป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการขึ้นเป็นภรรยาข้างกายของ สิงห์ เทอร์ดามอร์ “นั่นใครกันคะพี่สิงห์ ฤดีไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน” มาฤดีเอ่ยถามเสียงกระด้างตอนบุ้ยปากไปยังเด็กสาวคนนั้น เธอแอบส่งสายตาเกรี้ยวกราดจนแทบอยากจะฉีกเนื้อมันออกมาเป็นชิ้นๆ  สิงห์เหยียดยิ้มมุมปากพร้อมด้วยการส่งสายตาดูถูกไปยังสาวน้อยแสนหวาน เพราะไม่อยากทำให้มาฤดีรู้ถึงความรู้สึกแท้จริง เขานั้นรู้สึกเช่นไรกับแม่สาวน้อยเนื้อหวานฉ่ำกันแน่ ชารีนรู้สึกหัวใจเต้นโครมคราม หลุบเปลือกตามองดูแต่เท้าของตัวเอง เธอยืนตัวลีบ ก่อนค่อยๆกระเถิบร่างน้อยยืนซ้อนหลังของผู้ชายตัวโตเท่าตึก หวังให้กำแพงหนานี้ช่วยบดบังตัวเธอต่อสายตาของพวกคนใจร้าย “ว่าไงคะพี่สิงห์ มันเป็นใคร” มาฤดีส่งเสียงไม่พอใจกระตุกแขนของสิงห์เพื่อขอคำตอบ “ของเล่นชิ้นใหม่ของพี่เอง ไม่ได้มีอะไรสำคัญ ขนาดต้องทำให้ฤดีของพี่ต้องมาอารมณ์เสีย”  สิงห์ทำเป็นพูดแนะนำเสียงดัง ก่อนแตะเรียวแขนเสลาของน้องสาวบุญธรรมจงใจเดินผ่านร่างเล็กทว่ากลับซ่อนความอวบอิ่มไว้อย่างล้นเหลือ ก่อนจะหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของเจ้าหล่อน “ที่แท้ก็อีตัวคนใหม่ของพี่สิงห์นี่เอง”  คำว่าอีตัวคนใหม่ที่ได้ยิน ทำเอาสาวน้อยหายใจไม่ออก เธออยากร้องไห้ให้สาแก่ใจ อยากจะปฏิเสธว่าเธอไม่ใช่อย่างคำกล่าวหาของคนใจร้าย ยิ่งตอนนี้หัวใจดวงน้อยมันแตกละเอียดไม่ต่างจากถูกเหยียบซ้ำ นอกจากถูกเขารังแกจนย่อยยับ ตอนนี้เธอยังถูกผู้หญิงของเขาเหยียบหยามให้เสียศักดิ์ศรีอีกด้วย สิงห์ไม่แก้คำนั้น เขาเพียงเค้นยิ้มอ่อนส่งให้กับมาฤดี พร้อมยกมือแตะมือเล็กที่กุมลำแขนเขาไว้ด้วยกิริยาอ่อนโยน ชารีนปวดแปลบในใจแต่ทำได้เพียงกล้ำกลืนความรู้สึกนั้นไว้ เธอกับเขาไม่ได้เป็นอะไรนอกจากเชลยที่เขาจับตัวมา “ที่แท้ก็ผู้หญิงอย่างว่านี่เอง โธ่....ฤดีละนึกสมเพชเด็กสมัยนี้จริงๆเลยนะคะพี่สิงห์ขา ใช้วิธีเอาตัวเข้าแลกเพื่อหาเงิน แต่ก็ไม่น่าแปลกใจอะไรนะคะ เพราะชีวิตนี้คงไม่เคยใช้สมองทำงานอย่างอื่นมาก่อน ถึงคิดใช่แค่ตัวเพื่อแลกกับเศษเงินเขากิน...” มาฤดีบิดปากมองสารรูปของเด็กสาวตรงหน้า แล้วทำให้เธอได้แต่รู้สึกอิจฉาจนดวงตาร้อนเป็นไฟ แม้นปากจะเอ่ยว่าน่ารังเกียจในการกระทำของชารีน แต่ภายในใจของมาฤดีนั้นมันมีแต่ความริษยา  เพราะตลอดระยะเวลา นับตั้งแต่ตัวเธอนั้นย่างเข้าสู่วัยรุ่น เธอมีความคิดมาโดยตลอด เธออยากนอนกับพี่สิงห์สักครั้งจนตัวสั่น ทว่าเขากลับไม่เคยแม้แต่จะแลหางตามองเธอในเชิงชู้สาว ได้แต่นึกเฝ้าปลอบใจตัวเองเรื่อยมา อาจเป็นเพราะพี่สิงห์เห็นเธอเป็นน้องสาว และเขายังไม่รู้ใจตัวเองมากพอ ดังนั้นเธอจะต้องเป็นคนลงมือเปิดประตูหัวใจของเขาก่อน เธอจะเชื้อเชิญให้เขากล้าเดินเข้ามาสู่ภายในหัวใจของเธอ และยอมมีอะไรกับเธอเพื่อเป็นการผูกมัดไม่ให้เขาดิ้นหนีไปไหนได้อีกต่อไป “อย่าเสียเวลากับของไร้ค่าเลยฤดี พี่ว่าเราไปนั่งทานข้าวเช้ากันให้อิ่มท้องก่อนดีกว่า อิ่มแล้วเดี๋ยววันนี้พี่จะพาเราไปเที่ยวด้วยตัวเองเลยนะ ดีไหม”  สิงห์ชิงตัดบทเมื่อเขาแลเห็นใบหน้าของแม่คนขี้แย ตรงปลายจมูกเล็กน่ารักเริ่มกลายเป็นสีแดงส่วนตรงปลายก็บานออก เจ้าหล่อนกำลังร้องไห้ ชารีนไม่ได้ร้องไห้เพราะเกิดจากอาการหึงหวงแต่อย่างใด ถึงอาจจะรู้สึกเจ็บปวดกับถ้อยคำดูถูกต่างๆนานาที่สองคนนี้สาดใส่หน้าเธอไม่หยุดหย่อน แต่ที่ทำเอาเธอกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ไว เพียงเพราะเธอคิดถึงบ้าน คิดถึงพี่ชาคร์มากกว่านั่นเอง ถ้าพี่ชาคร์อยู่เธอจะไม่ถูกใครรังแกเหมือนตอนนี้ ... “สัญญาแล้วนะคะ ห้ามคืนคำด้วย” และเพียงได้ยินว่าสิงห์อาสาจะเป็นคนพาเธอเที่ยว มาฤดีถึงกับเนื้อเต้นลืมอารมณ์ขุ่นมัวก่อนหน้าจนหมดสิ้น เธอยกตัวขึ้นถือวิสาสะหอมแก้มสากเพื่อจงใจให้อีผู้หญิงหน้าด้านมันได้เห็นถึงความสำคัญ พี่สิงห์ยกให้ใครมากกว่ากัน ระหว่างอีตัวไร้ค่ากับน้องสาวบุญธรรมเช่นเธอ “พี่สัญญาครับเจ้าหญิงคนสวย วันนี้ฤดีอยากไปไหน พี่จะตามใจทุกอย่าง” สิงห์พูดโดยไม่ลืมชายตามองหญิงสาวเบื้องหน้า อาการยืนก้มหน้าสงบนิ่งทำให้เขารู้สึกหงุดหงิด เหตุใดชารีนถึงไม่เงยหน้าขึ้นมามองเขาบ้าง ทำเหมือนเจ้าหล่อนไม่อยากเห็นหน้าเขา ทำราวกับรังเกียจเขาหนักหนา มันน่าโมโหนักแม่เด็กดื้อเงียบ “นั้นเรารีบไปทานข้าวกันก่อนเลยดีกว่านะคะ ฤดีจะได้รีบขึ้นไปเปลี่ยนชุดสวยๆแล้วออกไปเที่ยวข้างนอก อยู่ในนี้มลภาวะมันเป็นพิษอย่างไงไม่รู้” พูดใส่แม่เด็กสาวหน้าตาขาวสะอาดจบ มาฤดีจึงรีบลากแขนล่ำของพี่สิงห์ให้เดินตามไปยังทิศทางเข้าห้องอาหารใหญ่ของคฤหาสน์ โดยไม่คิดไยดีกับของเล่นชิ้นใหม่ชิ้นนี้อีกต่อไป  ในเมื่อพี่สิงห์แสดงออกมาโจ่งแจ้งว่าไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไร และเธอคิดว่า พี่สิงห์คงเรียกตัวแม่นี่ขึ้นมารับเงินก่อนจะเฉดหัวให้ออกไปจากที่นี่นั่นเอง... สิงห์เอี้ยวตัวหันไปสบตากับลูกน้องมือขวาที่เอาแต่ยืนสงบปากสงบคำไม่ต่างจากอีกคน เขาส่งสัญญาณโดยไม่เปล่งเป็นคำพูด และเมโรรับรู้ได้ในทันทีจึงพยักหน้าตอบรับกลับไป... เมโรระบายลมหายใจโล่งอกเมื่อเห็นเจ้านายกับน้องสาวเดินทิ้งระยะห่างออกไป ชายหนุ่มใบหน้าลูกครึ่งก้มลงมองร่างกระจิริดด้านหลังตนเอง ได้แต่นึกเห็นใจ เจ้านายนะ ระวังหัวใจตัวเองเอาไว้ให้ดีเถอะ ทำกับเขาเอาไว้มากมายแบบนี้ อนาคตคนที่เจ็บเจียนตาย ทุรนทุรายอาจจะเป็นตัวเองเข้าสักวันก็ได้ใครจะไปรู้ “ไปกันเถอะครับคุณชารีน นายให้ผมพาคุณขึ้นไปรอบนห้องทำงาน” “คุณช่วยปล่อยตัวหนูกลับบ้านไม่ได้เหรอ หนูคิดถึงบ้าน” ชารีนรีบยกมือรั้งบอดีการ์ดมือขวาของสิงห์ไว้ พร้อมเงยใบหน้าแดงจากการร้องไห้ขึ้นสบตา “คุณก็รู้ว่าผมช่วยคุณไม่ได้สำหรับเรื่องนี้ ทำใจเถอะครับ” มือน้อยที่เกาะลำแขนได้แต่ปล่อยให้ลู่ลงนาบลำตัว ดวงตาหวานปนเศร้าหลุบมองพื้น “แล้วอีกนานแค่ไหน เขาถึงจะยอมปล่อยตัวหนู” เธอถามด้วยน้ำเสียงสิ้นหวัง เมโรถอนหายใจหนักหน่วงแล้วส่ายหน้า “เมื่อถึงเวลาสมควร มั้งครับ”                                                                              ****************************  
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD