" งานแต่งของลูกจะถูกจัดขึ้นอาทิตย์หน้านี้ อย่าลืมลางานด้วยล่ะ ทุกอย่างเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว "
“ ผมนึกว่าเราคุยเรื่องนี้กันรู้เรื่องแล้วนะครับ ”
“ ถ้าอย่างนั้นลูกก็คุยกับคุณปู่เอาเองแล้วกันนะ ”
ทิพย์ธารายื่นไอแพดให้กับธาดา ซึ่งหน้าจอกำลังโทรวิดิโอคอลหาใครบางคนอยู่ ไม่ถึงห้าวินาทีก็ปรากฎภาพของชายชราขึ้น ธาดาเดินออกไปคุยตรงระเบียงห้อง
“ คุณปู่กำลังทำอะไรครับ ”
ธาดาเอ่ยน้ำเสียงราบเรียบ
“ ฉันเคยบอกแกแล้วไงว่าถ้าฉันอยากให้แกแต่งงานเมื่อไหร่ฉันจะบอกแกเอง ”
ปู่ของเขาตอบท่าทางสบายใจ
“ แต่นี่ไม่ได้ใกล้เคียงคำว่าบอกเลยนะครับ ”
“ แล้วยังไง ”
ปู่ของเขาพูดในขณะที่กำลังตัดแต่งกิ่งไม้ในสวนไปด้วย
“ ผมจะกลับไปคุยกับปู่ที่บ้านนะครับ ”
“ แกไม่ต้องมาหรอก ยังไงแกก็ต้องแต่งงานกับหลานสาวของเพื่อนฉัน ”
“ แต่ว่าผมกับเธอไม่ได้รู้จักกันนะครับเราจะแต่งงานกันได้ยังไง ”
ธาดาเอ่ยอย่างร้อนใจ
“ เด็กคนนั้นชื่ออะไร อายุเท่าไหร่ ”
ธาดาคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบ
“ หวายครับ อายุน่าจะไม่เกิน20ปี ”
ธาดาตอบจากสิ่งที่เห็นและได้ยิน
“ แกก็รู้จักแล้วนิ ”
คำตอบของชายชราทำให้ธาดาถึงกับอึ้ง
“ แบบนี้ไม่ได้เรียกว่ารู้จักนะครับ อีกอย่างตอนนี้ผมก็กำลังทำวิจัยสำคัญอยู่ ผมทุ่มเทกับงานวิจัยครั้งนี้มากเพราะฉะนั้นผมไม่….. ”
“ เพราะฉะนั้นถ้าแกยังอยากทำวิจัยนั้นต่อแกต้องแต่งงานกับเด็กคนนั้น ไม่อย่างนั้นแม้แต่โรงพยาบาลที่แกจะสร้างก็อย่าหวังว่าฉันจะสนับสนุน ”
“ แต่คุณปู่ครับ! ผม…. ”
“ แค่นี้นะ ฉันยุ่งอยู่ ”
ชายชรากดวางสายโดยไม่ได้สนใจที่ธาดา คัดค้าน ธาดาใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินกลับเข้ามาในห้อง
“ คุณปู่ว่ายังไงบ้าง ”
ทิพย์ธาราถามทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้ว
เธอรู้จักลูกชายของเธอดีพอๆกับพ่อของสามี ในชีวิตของธาดามีจุดมุ่งหมายชัดเจนตั้งแต่ที่ยังเรียนอยู่ระดับมัธยม เขามีความตั้งใจที่จะก่อตั้งโรงพยาบาลในต่างจังหวัดเพื่อจะได้ช่วยเหลือคนยากไร้ที่ป่วยโรคร้ายแรงแต่ไม่มีเงินรักษาหรือมีฐานะยากจน ซึ่งโครงการใหญ่ขนาดนี้ นอกจากความรู้และความสามารถทางการแพทย์ของธาดาที่ทุกคนยอมรับยังต้องอาศัยเรื่องทุนทรัพย์จำนวนมหาศาลอีกด้วย
จึงมีเพียงปู่ของเขาคนเดียวเท่านั้นที่จะทำความฝันของเขาให้เป็นจริง
ธาดาถอนหายใจก่อนจะพูด
“ ผม……...
จะแต่งงานกับเด็กคนนี้ครับ ”
ธาดาชี้ไปที่หวาย
“ ให้มันได้อย่างนี้สิ แม่ภูมิใจในตัวลูกจริงๆ ”
ทิพย์ธาราเดินเข้าไปกอดลูกชายด้วยใบหน้าที่ยินดีก่อนจะหันไปคุยกับยายของหวาย
“ เรื่องงานแต่งทางหนูจะเป็นคนจัดการทุกอย่างเองค่ะ คุณพ่อฝากมาบอกว่าจะให้คนมารับหนูหวายโดยเร็วที่สุดเพื่อจะได้ไปเตรียมตัวค่ะ ”
“ เดี๋ยวนะคะ แต่หนูยังไม่ได้บอกว่าจะแต่งงานกับเขาสักหน่อย ”
“ แต่เอ็งสัญญากับยายแล้วนะหรือว่าเอ็งอยากเห็นยายอาการกำเริบขึ้นมาอีก ”
“ แต่ยายจ๋า หวายไม่อยากแต่งงานกับเขาจริงๆนะ ”
หวายพยายามขอร้องยาย
“ ผมขอคุยกับหลานสาวของคุณยายได้มั้ยครับ ”
ขณะนั้นธาดาก็พูดขึ้น ยายของหวายพยักหน้าให้เขาทันที
“ ไปสิ ออกไปคุยกับพี่เขา ”
หวายตัดสินใจออกมาคุยกับธาดาเพราะเธอเองก็ต้องการจะบอกจุดยืนของเธอเช่นกัน ทั้งสองคนพากันออกมาคุยตรงทางเดินระหว่างตึกของโรงพยาบาล
“ ผมรู้ว่าคุณไม่ได้อยากแต่งงานกับผม ผมก็เหมือนกัน ”
ธาดาเป็นคนเปิดประเด็น
“ ถ้างั้นคุณจะรับปากแม่คุณทำไมล่ะคะ ”
“ ผมขอถามอะไรคุณหน่อยได้มั้ย ”
“ ได้ค่ะแต่ไม่ต้องเรียกหนูว่าคุณได้มั้ย มันฟังดูแก่ยังไงไม่รู้ ”
หวายบอกเพราะรู้สึกไม่ชินที่มีผู้ชายเรียกเธอแบบนี้ ธาดาพยักหน้า
“ อายุเท่าไหร่ ”
“ 19 เต็ม 20 อาทิตย์หน้าค่ะ ”
หวายตอบแบบขอไปที ธาดามองชุดนักเรียนที่เธอสวมใส่อยู่จึงเกิดความแปลกใจ
“ แน่ใจนะว่าไม่ได้โกงอายุ ”
ธาดาจ้องหน้าเธอ
“ หนูอายุจะ20แล้วจริงๆค่ะแต่หนูเข้าโรงเรียนช้ากว่าคนอื่นเลยพึ่งจะจบม.6 ใครเขาจะอยากโกงอายุให้ตัวเองแก่ล่ะคะ ”
พอได้ยินคำตอบทำให้ธาดาเผลอยิ้มออกมา สายตาอ่อนโยนภายใต้กรอบแว่นหนาเตอะทำให้หวายก็เผลอมองเขาเช่นกัน
“ แล้วเรียนจบอยากจะเรียนต่อด้านไหน ” ธาดากำลังรวบรวมข้อมูลของหวาย
“ หนูอยากเรียนคณะพยาบาลค่ะแต่หนูหัวไม่ค่อยดีเท่าไหร่คงจะสอบไม่ติด ”
พอต้องพูดถึงเรื่องนี้หวายก็รู้สึกเครียดขึ้นมาทันทีเพราะความฝันสูงสุดของเธอคือการได้ช่วยเหลือชีวิตคนอื่นและได้ดูแลยาย
ธาดาแอบพอใจเพราะคำตอบของหวายเข้าทางเขาพอดี
“ ถ้าผมจะบอกว่าผมช่วยได้ล่ะ ”
“ ช่วยหนูได้ โม้หรือเปล่าคะ คุณจะช่วยหนูได้ยังไง ”
หวายแอบเบะปากใส่ธาดา
“ ผมเป็นอาจารย์สอนอยู่คณะแพทย์ที่มหาวิทยาลัย ถ้าคุณอยากเข้าเรียนที่นั่นผมสามารถช่วยคุณได้ "
“ จริงหรอคะ! เดี๋ยวนะ อย่าบอกนะว่าคุณจะให้หนูยัดเงินใต้โต๊ะ หนูไม่มีเงินหรอกค่ะอีกอย่างหนูก็ไม่อยากโกงคนอื่นด้วย มันไม่ภูมิใจค่ะ ”
หวายยืนกอดอกพูดด้วยความหนักแน่น ทำให้ธาดาเริ่มมองเธอในแง่ดีขึ้น ธาดายิ้มก่อนจะพูดต่อ
“ ผมก็ไม่ชอบรับสินบนจากใครเหมือนกันแต่ผมช่วยติวให้ได้ ”
ธาดาไม่ลืมที่จะเปิดโปรไฟล์ที่ได้รับการยอมรับของตัวเองผ่านมือถือให้หวายดูเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจและเพื่อบอกให้หวายรู้ว่า เขาเก่งแค่ไหน
“ ติวให้หนูเนี่ยนะ ”
แม้ว่าหวายจะได้อ่านประวัติของธาดาคร่าวๆแล้วและยอมรับว่าเขาเป็นคนที่น่าเชื่อถือแต่การติวหนังสือไม่ใช่ว่าจะทำให้สอบติดเสมอไป
“ ใช่ เรามีเวลาเตรียมตัวตั้งสามเดือนซึ่งผมคิดว่าน่าจะเพียงพอ ”
“ พอจริงหรอคะแล้วคุณแน่ใจได้ไงว่าเวลาแค่นี้จะทำให้หนูสอบติด หนูโง่นะ ”
ประโยคสุดท้ายหวายกัดฟันพูดออกมาเพราะคิดว่าอย่างน้อยควรจะต้องบอกระดับไอคิวตัวเอง
“ ผมเปิดคอร์สติวสำหรับคนที่อยากเข้าเรียนคณะแพทย์และพยาบาล ผมใช้เวลาสองเดือนเท่านั้น แล้วกว่า80 เปอร์เซ็นเด็กพวกนั้นสอบติด ”
“ แค่80 เปอร์เซ็นเองหรอคะแล้วอีก20เปอร์เซ็นล่ะ ”
“ อีก20เปอร์เซ็นขึ้นอยู่ที่ตัวเอง ถ้าอยากเรียนจริงๆก็ต้องมีความตั้งใจและความพยายามด้วยนอกจากว่าเรา….จะไม่มีสองสิ่งนี้อยู่ ”
ธาดามองหวายด้วยสายตาที่แอบดูถูกเธอ เขาคิดว่าเด็กอย่างเธอคงจะไม่ยอมให้ใครมาดูถูกง่ายๆซึ่งมันก็ได้ผล
“ ใครบอกว่าหนูไม่มีล่ะคะ ทั่วทั้งดอนกกไม้หวายใครๆก็รู้ว่าหนูน่ะไม่เคยยอมแพ้อะไรง่ายๆ ถึงไหนถึงกัน! ”
พอหวายได้ยินที่ธาดาดูถูกเธอก็ตั้งหน้าตั้งตาเถียง ทันที แม้ว่าเธอจะเป็นคนที่เรียนไม่เก่งแต่ถ้าเรื่องความตั้งใจและความพยายามนั้นเธอมีจนล้นเหลือ
“ ถ้างั้นเราก็มาทำสัญญากัน ”
“ สัญญาอะไรคะ ”
หวายถามเพราะไม่ค่อยเข้าใจที่ธาดาพูด
เมื่อกี้คุยเรื่องสอบเข้าอยู่แท้ๆ เกี่ยวอะไรกับเรื่องทำสัญญา
หรือว่า....ตาลุงนี่จะคิดมิดีมิร้ายกับเรานะ
“ ผมยินดีจะช่วยให้เราสอบเข้าคณะพยาบาลติดแต่ว่า…......
เราจะต้องแต่งงานกัน ”