บทที่2คลุมถุงชน<ต่อ>

1605 Words
หวายที่ยังอยู่ในชุดนักเรียนสีกรมท่ายืนตะโกนเสียงดังลั่นตรงทางเข้าบ้านตัวเอง เธอดีใจมากพอลงจากจักรยานได้ก็รีบวิ่งเข้าบ้าน ในมือถือใบประกาศนียบัตรอันภาคภูมิใจพร้อมกับฮำเพลงโปรดไปด้วย เป็นตาฮักปานนี้ให้เคอร์รี่มาส่งได้บ่ สั่งซื้อไสหนอ ยี่ห้ออิหยัง " ยายจ๋า ยายดูสิว่าหนูเอาอะไรมาฝาก " หวายวิ่งเข้าบ้านอย่างคนอารมณ์ดี ปกติเวลานี้ยายของเธอมักจะนั่งตำหมากรอเธอกลับมาจากโรงเรียนแต่วันนี้นอกจากยายแล้วยังมีคนอื่นนั่งอยู่ด้วย " กลับมาแล้วหรอเข้ามานั่งก่อนสิ " หญิงชรากวักมือเรียกหลานสาวที่ชอบส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวมาก่อนตัว อยู่เสมอ แม้จะรู้สึกแปลกใจที่มีแขกมาบ้านแต่หวายก็เข้าไปหายาย " นี่ใครหรอยาย " ทันทีที่นั่งลงข้างยายได้แล้วหวายก็ถามทันทีเพราะปกติไม่เคยมีคนแปลกหน้ามาหาเธอกับยายนอกจากคนในหมู่บ้านเดียวกัน " ไหว้คุณเขาซะสิหวายเอ๊ย " หญิงชรารีบบอกหลานสาวให้รักษามารยาท หวายทำตามอย่างว่าง่ายเพราะเห็นว่ายายของเธอดูจะเกรงอกเกรงใจคนเหล่านั้น " น่ารักน่าเอ็นดูจริงๆ แต่คราวหน้าไม่ต้องมากพิธีหรอกจ๊ะไหนๆหนูก็จะมาเป็นลูกสะใภ้ของฉันอยู่แล้ว " ทิพย์ธารารับไหว้เด็กสาวด้วยความเอ็นดู วันนี้ผู้รากมากดีอย่างเธอลงทุนเดินทางมาไกลก็เพราะต้องทำตามคำสั่งของพ่อสามี " ใช่ๆหนูก็ว่าอย่างนั้นแหละค่ะไม่เห็นต้อง...ห๊ะ!เมื่อกี้นี้คุณน้าหมายความว่าไงคะ!! " จากที่กำลังเห็นดีเห็นงามไปด้วย คำว่าลูกสะใภ้ก็ทำให้หวายถึงกับช็อค " นี่แม่ผัวเอ็งไง ยายไม่ได้บอกเอ็งหรอว่าเอ็งเรียนจบเมื่อไหร่จะต้องแต่งงานกับหลานของเพื่อนยาย " หญิงชราบอกหลานสาวด้วยท่าทางที่ดีอกดีใจ " ห๊ะ! อะไรนะ หนูเนี่ยนะจะแต่งงาน! " " ใช่!! " ทุกคนต่างก็พยักหน้าให้เธอ " เอ็งเรียนจบแล้วก็ถึงเวลาจะต้องแต่งงานแต่งการสักที ยายจะได้นอนตายตาหลับ " หญิงชราลูบหัวหลานสาว " ไม่นะยายหนูไม่แต่ง! หนูพึ่งเรียนจบม.6เอง หนูยังต้องเรียนต่อมหาลัยอีกนะยาย " หวายคร่ำครวญอยู่กับตักของยาย " ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้หรอกฉันจัดการให้หนูหมดแล้ว หลังจากที่แต่งงานกับลูกชายของฉันหนูก็ยังสามารถไปเรียนหนังสือได้ ฉันจะส่งเสียหนูจนเรียนจบ " " ไม่!เป็นตายร้ายดียังไงหนูก็ไม่มีทางแต่งงานหรอก ถ้าใครบังคับหนู หนูจะ...หนูจะฆ่าตัวตายให้ดู! " หวายหันไปคว้ามีดที่ยายของเธอเอาไว้เคี้ยวหมากมาจ่อที่คอตัวเอง นาทีนี้ถ้าใครกล้าบังคับ เธอทำจริงแน่! " เอ็งจะไม่เชื่อฟังยายแล้วใช่มั้ย ใช่ซี้...ยายมันแก่หงำเหงือกแล้วเอ็งเลยไม่รักยายไม่สนใจยายแล้ว " หญิงชราร้องไห้คร่ำครวญด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ " ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อยจ่ะ หนูมียายคนเดียวหนูจะไม่รักยายได้ไง แต่เรื่องแต่งงานหนูขอเถอะนะยายอย่าบังคับหนูเลย " หวายพูดไปร้องไห้ไปด้วยแต่ในมือก็ยังคงกำมีดจ่อไว้ที่คออย่างเด็ดเดี่ยว ขณะนั้นเองอยู่ๆยายของเธอก็มีอาการแปลกๆ ปากสั่นและยกมือขึ้นกุมหน้าอกตัวเองจนทุกคนพากันตกอกตกใจรวมทั้งหวายด้วย " ยาย!ยาย!เป็นอะไรจ๊ะ ยาย!! " หวายรีบทิ้งมีดแล้ววิ่งเข้าไปประคองยายด้วยความเป็นห่วง " ยายหนูเป็นโรคหัวใจหนูไม่รู้หรอ " ทิพย์ธาราเอ่ยน้ำตาคลอเบ้า " โรคหัวใจ! จริงหรอจ๊ะ ทำไมหนูไม่เคยรู้มาก่อนเลย " น้ำตาของหวายไหลออกมาไม่หยุดเพราะเป็นห่วงยายมาก ตั้งแต่เด็กเธอมีแค่ยายคนเดียวที่เป็นทั้งพ่อและแม่ให้ " ยายคงจะไม่รอดแล้วล่ะหวายเอ๊ย! ต่อไปถ้ายายไม่อยู่กับเอ็งแล้วเอ็งต้องดูแลตัวเองดีๆนะ " หญิงชราเริ่มหายใจโรยริน มือสั่นปากสั่นไม่หยุด " คุณแม่คะ!คุณแม่อย่าเป็นอะไรไปนะคะหนูโทรเรียกรถพยาบาลมาให้แล้วค่ะ " ทิพย์ธาราเองก็เป็นห่วงไม่น้อยไปกว่าคนเป็นหลานแท้ๆ " ไม่นะยาย ยายต้องอยู่ดูความสำเร็จของหวายก่อนนะ ยายต้องอยู่กับหวายนานๆสิจ๊ะ ฮื้อออ~ " หวายร้องห่มร้องไห้หนักเมื่อเห็นว่ายายของเธอกำลังจะขาดใจตายต่อหน้าต่อตา " เอ็งอยากให้ยายอยู่กับเอ็งไปนานๆหรอ " " จริงสิจ๊ะ ฮึ่กกก~" หวายรีบปาดน้ำตาออก " ถ้างั้นเอ็งรับปากยายว่าจะแต่งงานได้มั้ย เผื่อยายจะมีกำลังใจอยู่กับเอ็งไปนานๆ " หญิงชราเอ่ยพร้อมกับกุมหน้าอกตัวเองอย่างทรมาร " แต่ว่า.... " หวายรู้สึกลังเลกับสิ่งที่ยายขอร้องและขณะนั้นเอง...หญิงชราก็อาการทรุดหนักกว่าเดิม หวายตกใจมากและไม่รู้จะทำยังไงในนาทีที่คิดว่ายายกำลังจะจากไปเลยตัดสินใจจะทำตามที่ยายขอ " ก็ได้แต่งก็แต่ง หนูยอมแต่งงานแล้วยายจ๋า ยายอย่าเป็นอะไรไปนะ ฮื้อออ~ " หวายรีบรับปากพร้อมกับกุมมือยายเอาไว้แน่น น้ำตาของเธอเปียกมือยายจนชุ่ม " อะ...เอ็งยอมแต่งงานแล้วจริงๆหรอ " หญิงชราพยายามเค้นเสียงออกมาถามเพื่อความมั่นใจ " จริงจ่ะหนูยอมแล้ว ขอแค่ยายอยู่กับหนูไปนานๆก็พอ " " โธ่...หวายเอ้ย! แค่นี้ยายก็นอนตายตาหลับแล้ว " อยู่ๆหญิงชราก็อาการดีขึ้น มือนึงลูบหัวหลานสาวส่วนมืออีกข้างก็แอบชูสองนิ้วให้กับทิพย์ธารา เป็นอันว่าแผนการจับคู่ให้หลานแต่งงานกันนั้น สำเร็จ! เวลาต่อมา โรงพยาบาล หลังจากที่ยายของหวายถึงมือคุณหมอแล้วอาการก็ดีขึ้นตามลำดับแต่เพราะความจริงแล้วไม่ได้เป็นอะไรมากตั้งแต่ทีแรก คุณหมอเลยแค่ให้น้ำเกลือเท่านั้น " ยายไม่ได้เป็นอะไรแล้วเอ็งหยุดร้องได้แล้ว " หญิงชราลูบผมหลานสาว ใจหนึ่งก็อดสงสารไม่ได้แต่อีกใจก็อยากให้หลานได้อยู่กับคนดีๆ " ฮึกกก~ ไม่รู้ล่ะถ้ายายทิ้งหวายไป หวายจะโกรธยายจริงๆด้วย ฮื้ออ~!!" ตั้งแต่มาถึงโรงพยาบาลเธอยังไม่หยุดร้องไห้เลย " เออๆยายไม่ทิ้งเอ็งไปไหนหรอกจนกว่าจะแน่ใจว่ามีคนดูแลเอ็งแทนยายได้ " " แต่ว่า.... " ระหว่างที่หวายกำลังจะพูดเรื่องที่ยอมรับปากแต่งงานไปก่อนหน้านี้ ประตูห้องก็ถูกใครบางคนเปิดเข้ามา ชายหนุ่มในเสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงสีขาวสุดเนี๊ยบเดินเข้ามาด้วยท่าทางที่สุขุมนุ่มลึก หวายคิดทันทีว่าต้องเป็นคุณหมอเจ้าของไข้เลยตรงเข้าไปหา " คุณหมอคะยายหนูเป็นยังไงบ้าง อาการหนักมากมั้ยแล้วยายหนูจะได้ออกจากโรงบาลวันไหนแล้วกลับไปหนูต้องดูแลยายยังไงบ้างคะ " ด้วยความร้อนใจหวายรัวคำถามใส่เป็นชุดแถมยังถือวิสาสะจับมืออีกฝ่ายด้วย " ขอโทษด้วย ผมไม่ใช่หมอ " ชายหนุ่มปฏิเสธด้วยท่าทางสุภาพ พอรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คุณหมอหวายก็ถึงกับทำหน้าไม่ถูก " อ้อ! คุณคนนี้ไม่ใช่หมอหรอก เขาเป็นว่าที่ผัวเอ็งไง " พอนึกออกยายชราก็รีบบอกหลานสาวด้วยอาการที่ชอบอกชอบใจ ก่อนหน้านี้ทิพย์ธาราเคยเอารูปหลานเขยให้ดูแล้ว " ห๊ะ!! " คราวนี้ทั้งคู่พูดขึ้นพร้อมกัน ขณะนั้นทิพย์ธาราก็เข้ามาในห้องพร้อมกับคนติดตาม " ว่ะ...ว่าที่ผะ...ผัวหนูเนี่ยนะ!! " หวายทวนคำตอบที่ได้ยินด้วยอาการที่แทบจะช็อค " ไหนแม่บอกว่าเพื่อนไม่สบายไงครับ แล้วนี่มันอะไร " ธาดาหันไปถามทิพย์ธารา เขาก็ไม่เข้าใจเรื่องทั้งหมดเหมือนกัน ก่อนจะมาที่นี่ทิพย์ธาราบอกกับเขาว่ามาจัดการธุระสำคัญให้ปู่ของเขา " ก็เพื่อนของเจ้าคุณปู่ลูกไง " ทิพย์ธาดาตอบลูกชายด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความยินดี " เอ็งอยู่เฉยทำไมล่ะ ไหว้พี่เขาสิ " " ไหว้อะไรล่ะ หนูไม่แต่งงานกับตาลุงนี่หรอก " หวายส่ายหน้าไปมาก่อนจะมองไปที่ธาดา จากสายตาที่เธอกะเกณฑ์อายุของเขาน่าจะแก่กว่าเธอหลายปีแถมยังใส่แว่นหนาเตอะอีกต่างหาก " ผมไม่ใช่ลุงของคุณ อย่าเรียกใครสุ่มสี่สุ่มห้า " ธาดาจ้องหน้าเด็กสาวด้วยท่าทีที่นิ่งขรึม แม้ว่าเขาจะไม่ได้เห็นด้วยที่อยู่ๆก็ถูกจับคลุมถุงชนแบบนี้แต่การที่จะให้คนแปลกหน้าที่ไม่ใช่ญาติฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเรียกตนเองว่า "ลุง" นั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องสำหรับเขา " เอาล่ะๆทั้งสองคนยังมีเวลาให้ทำความรู้จักกันอีกเป็นอาทิตย์กว่าจะถึงงานแต่ง ไม่ต้องรีบหรอก " ทิพย์ธาราเอ่ยขึ้น " อะไรนะครับ " ธาดาหันไปถามคนเป็นแม่อย่างไม่เข้าใจ ทำไมเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าตัวเองกำลังจะแต่งงานแถมยังต้องแต่งกับคนที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ " งานแต่งของลูกจะถูกจัดขึ้นอาทิตย์หน้านี้ อย่าลืมลางานด้วยล่ะ ทุกอย่างเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว "
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD