ไม่มีใครยอมใคร

1494 Words
"งั้นคุณอินรอก่อนนะเจ้า แสงหล้าขอเดินไปเอากระเป๋าแล้วเดี๋ยวจะพาคุณอินเข้าบ้านเจ้า" แสงหล้าพูดเท่านั้นจึงเดินไปเปิดท้ายรถเพื่อหิ้วเอากระเป๋าเดินทางใบใหญ่ของอินเอวา จากนั้นจึงลากกระเป๋าเดินกลับมาหาหญิงสาว "เธอมาที่นี่ทำไม!?" ยังไม่ทันที่ทั้งสองจะเดินพ้นขอบประตูบ้าน เสียงคุ้นๆ ของใครคนหนึ่งก็ดังขึ้นจากด้านหลัง แสงหล้าหันขวับมาหาเจ้านาย หล่อนตกใจจนเนื้อตัวสั่น เพราะทุกครั้งที่ได้ยินเสียงพ่อเลี้ยงเสือทุกคนมักจะรู้สึกเสียขวัญกันทั้งบ้าน "คุณนี่เอง แล้วเมื่อกี้ทำไมต้องถามเสียงดังเหมือนตะโกนด้วย ไม่เห็นเหรอว่าแสงหล้าตกอกตกใจจนเนื้อตัวสั่นไปหมดแล้ว" อินเอวาหันมาเผชิญหน้ากับพ่อเลี้ยงเสือ ใบหน้าคมคายยังคงบึ้งตึง ดวงตาประกายดุดันเฉกเช่นที่เห็นเมื่อวันวานซืน ข้อมือเรียวเล็กข้างหนึ่งของอินเอวาถูกสาวใช้สะกิดเบามือจนเธอรู้สึกแปลกใจ "ที่นี่มันบ้านของฉัน ฉันจะพูดยังไงมันก็เรื่องของฉัน ไม่ได้ยินที่ถามเหรอว่ามาทำไม?" นอกจากจะแปลกใจกับการมาเยือนของอินเอวาแล้วก็ยังอยากรู้จุดประสงค์การมาของหญิงสาวอีกด้วย "บ้านของคุณ ถ้างั้นก็ช่วยกรุณามีมารยาทกับแขกหน่อยน่ะสิคะ วันนี้ฉันเป็นแขกของแม่คุณนะ" "คุณอินเจ้า..." แสงหล้าสะกิดมือของหญิงสาวอีกครั้งเป็นการห้าม "เจ้านายแสงหล้าเป็นคนปากจัด น่าจะอารมณ์ร้ายด้วยใช่หรือเปล่าถึงเธอถึงได้กลัวเขาแบบนี้?" อินเอวาหันไปคุยกับสาวใช้ แต่แสงหล้ากลับทนฟังไม่ไหว หล่อนไม่เคยเห็นใครที่กล้าต่อปากต่อคำกับพ่อเลี้ยงเสือเช่นนี้ ถึงได้รู้ดีว่าอย่างไรวันนี้ระเบิดอารมณ์ต้องลงเป็นแน่ หล่อนจึงรีบลากกระเป๋าเดินทางของอินเอวาวิ่งเข้าไปในบ้านทันที "แสงหล้ามันรู้จักนิสัยฉันดีมากกว่าที่เธอรู้ซะอีก" เสือกอดอกจ้องมองคนตรงหน้า แม้วันนี้อินเอวาจะแต่งตัวเรียบร้อยกว่าสองครั้งก่อนที่มีโอกาสได้พบกัน ทว่าใบหน้าสวยหวานกลับยังคงความสง่างามและโดดเด่น กลิ่นกายหอมหวานคลุ้งอบอวล ผิวพรรณผุดผ่องนวลเนียน ใบหน้างามบึ้งตึง จมูกเล็กโด่งรั้น เส้นผมสีน้ำตาลเข้มม้วนลอนใหญ่ยาวถึงกลางหลัง เสือกวาดสายตาสำรวจมองคนตรงหน้าด้วยแววตาเรียบเฉย ขณะที่อินเอวาสัมผัสได้ถึงกลิ่นดินกลิ่นหญ้าที่ติดอยู่บนเสื้อของพ่อเลี้ยงหนุ่ม เขาคงเพิ่งกลับเข้ามาจากไร่ เสื้อเชิ๊ตบ่งบอกว่าเนื้อตัวเปียกชุ่มเหงื่อ แต่กลับได้กลิ่นน้ำหอมละมุนของเขา "ก็กรุณาพูดเสียงเบาลงหน่อย ฉันก็แค่ตกใจ" หญิงสาวพูดเสียงเบาลง ถึงอย่างไรก็ต้องอดทนอดกลั้น เพราะจะมีปัญหากับพ่อเลี้ยงเสือตั้งแต่วันแรกที่มาถึงที่นี่ไม่ได้ "แล้วเธอมีปัญหาอะไรกับเสียงพูดของฉัน?" "มันจะต้องมีแน่ๆ แหละสักวันหนึ่ง" "หึ! หมายความว่ายังไง ผู้หญิงกับว่าเธอจะมาอยู่ที่นี่" "ก็เพราะว่าฉันจะมา..." อินเอวานึกขึ้นมาได้ เรื่องที่ป้านีรนาทขอร้องไว้ว่าอย่าเพิ่งบอกใครเรื่องที่ตนจะมาอยู่ที่นี่ในฐานะว่าที่ภรรยาของพ่อเลี้ยงเสือ "จะมาอะไร มาหาเรื่องฉันเหรอ อย่าบอกนะว่าตามมาหาเรื่องฉันถึงที่เชียงใหม่เพราะว่าที่กรุงเทพฯ ไม่มีโอกาสด่าฉันกลับ" เขาเลิกคิ้วถาม แน่นอนว่าคนที่รู้สึกกดดันและเสียเปรียบย่อมเป็นอินเอวา การที่เธอตกลงยอมทำตามที่มารดาขอก็เพียงเพราะต้องการรักษาบ้านซึ่งเป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายไว้ ดังนั้นอะไรที่พออดทนได้หญิงสาวก็จำเป็นต้องอดทนไว้ก่อน "ฉันเอาคืนแน่ๆ ที่คุณเคยด่าฉันไว้ อาจจะไม่ใช่วันนี้ แต่ต้องมีสักวันแหละ" "อย่าบอกนะว่าจะพูดคำว่าฝากไว้ก่อน ฉันไม่รับฝาก มีอะไรก็พูดออกมาตรงๆ จะได้จบๆ" "ไม่ต้องใจร้อนขนาดนั้น รับรองว่าคุณได้เจอฉันอีกหลายวันหลายเดือนเลยแหละ" "อย่าบอกนะว่าเธอมาเที่ยว ถ้ามาเที่ยวก็มีรีสอร์ตดีๆ ให้พักตั้งเยอะตั้งแยะ จะมาพักที่บ้านฉันทำไม เห็นว่าไม่เสียเงินหรือยังไง?" พ่อเลี้ยงเสือพูดเองเออเอง เป็นจังหวะที่คุณนีรนาทเดินออกมาหาสองหนุ่มสาว นางถึงกับขมวดคิ้วแปลกใจ เพราะตลอดหลายปีมานี้แทบไม่เคยได้ยินบุตรชายเสียเวลาพูดคุยกับใครเกินสามคำ แต่กลับเป็นอินเอวาที่พ่อเลี้ยงหนุ่มเลือกสนทนาด้วย ดูเหมือนทั้งคู่จะมีเรื่องให้พูดคุยกันมากมาย "แม่ก็นึกว่าเสียงใครมาคุยกันอยู่นี่ ที่แท้ก็เสียงพ่อเลี้ยงเสือนี่เอง ที่ลูกพูดคุยเมื่อกี้มัน มากกว่าที่เคยคุยกับใครๆ ทั้งหมดช่วงสามปีที่ผ่านมาเลยนะ" นางว่าให้บุตรชาย อินเอวาหันไปหาป้านีรนาทพร้อมทั้งยกมือไหว้ นางจึงเดินเข้ามาสวมกอดว่าที่ลูกสะใภ้ เสือนึกแปลกใจกับความสนิทสนมของสองคนนี้ที่เขาไม่เคยรับรู้มาก่อน "ก็ลูกสาวเพื่อนคุณแม่คนนี้ไงครับ มาเที่ยวทั้งทีทำไมไม่ให้ไปพักที่โรงแรมหรือรีสอร์ต จะให้มาพักที่บ้านของเราทำไม" "แล้วลูกรู้ได้ยังไงว่าหนูอินเขามาเที่ยว" "ก็เห็นแสงหล้าลากกระเป๋าเข้าไปในบ้านใบเบ้อเร่อ" เสือชำเลืองมองอินเอวาด้วยหางตา "หนูอินไม่ได้มาเที่ยว แต่หนูอินจะมาอยู่กับเราที่นี่" เสือแค่นหัวเราะเมื่อมารดาพูดเช่นนั้น เขาไม่รู้จุดประสงค์ที่แท้จริง และไม่รู้เรื่องเงินห้าสิบล้านที่ครอบครัวหยิบยื่นให้ฤติวรนันท์ด้วย "มาอยู่ที่นี่ หมายความว่ายังไงครับ?" "ก็มาช่วยงานไง ที่ไร่มีงานตั้งเยอะตั้งแยะ กิจการก็ขยายใหญ่ขึ้นทุกปี แม่เห็นว่าหนูอินเรียนจบได้สองปีแล้วก็เลยอยากจะให้มาช่วยงานที่ไร่ดู" นางรู้ดีว่าไม่สามารถพูดเรื่องแต่งงานออกไปได้ตอนนี้ เพราะรู้ดีว่าเสือจะต่อต้านและค้านหัวชนฝา โดยเฉพาะเรื่องผู้หญิงที่ชายหนุ่มตั้งแง่อคติตลอดมา "หึ! คนเมือง ลูกคุณหนูผู้ดีขนาดนี้ คุณแม่จะให้มาทำงานอะไรในไร่ครับ?" เสือจ้องมองอินเอวาด้วยแววตาดูหมิ่นดูแคลน หญิงสาวทำได้เพียงแอบมองค้อนเขา เพราะเกรงว่าคุณนีรนาทจะเห็น "งานในสำนักงานก็มีตั้งเยอะตั้งแยะ อย่าพูดเหมือนว่ามันไม่มีตำแหน่งงานเลยเสือ ก็เห็นๆ อยู่ว่าทุกคนทำงานกันหนักขนาดไหน ไม่รู้ล่ะ ในฐานะที่แม่เป็นนายหญิงของไร่ แม่จะรับหนูอินเข้ามาทำงานในบ้านหลังนี้ แล้วก็ในไร่ของเราด้วย" นางประกาศต่อหน้าบุตรชาย "งั้นก็ให้เขาไปอยู่ที่บ้านพักคนงานสิครับ ให้มาทำงานในไร่ไม่ใช่เหรอครับ" "ไม่ หนูอินเป็นลูกสาวเพื่อนแม่ จะให้ไปอยู่บ้านพักคนงานไม่ได้ อีกอย่างแม่ต้องการให้หนูอินอยู่ในบ้านหลังนี้ จะได้คอยดูแลแล้วก็เป็นที่ปรึกษาให้น้องดาวด้วย" นางหมายถึงหนึ่งดาว ราชสีห์ บุตรสาวคนเดียวของพ่อเลี้ยงเสือนั่นเอง "แต่น้องดาวก็มีคนคอยดูแลหลายคนแล้ว ทำไมถึงต้องให้ผู้หญิงคนนี้มาดูแลอีกครับ" "บ้านเรามีแต่ผู้ชาย อีกอย่างแม่ก็เป็นย่าที่แก่แล้ว น้องดาวกำลังจะเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น แกต้องการใครสักคนที่สามารถเข้าใจแกได้มากกว่าย่าหรือว่าอาชาย" เสือแค่นหัวเราะอีกหน แม้ไม่รู้เจตนาที่แท้จริงของมารดา แต่รู้ดีว่าเถียงไปก็คงไม่มีวันชนะ ในเมื่อทำอะไรไม่ได้ ก็คงทำได้เพียงเลือกที่จะอยู่ห่างๆ อินเอวาเข้าไว้ "ตามใจคุณแม่ครับ วันนี้ผมออกไปนอนที่ไร่นะครับ ส่วนอาหารเดี๋ยวให้ขันคำมันเอาออกไปส่งก็แล้วกัน" เสือพูดแล้วจึงเดินกลับขึ้นไปบนห้องนอนของตนเองเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า อินเอวาแปลกใจ เพราะไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงต้องออกไปนอนที่ไร่ "อย่าคิดมากที่พ่อเลี้ยงเสือพูดนะลูก เขาก็เป็นคนพูดจาแบบนี้แหละ จริงๆ แล้วไม่มีอะไรมากหรอก" นางปลอบใจ แล้วจึงพาอินเอวาเดินกลับเข้าไปในบ้าน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD