ปลายฤดูหนาวแม้จะไม่หนาวเหน็บจับขั้วหัวใจ เพราะประเทศอยู่ติดกับเส้นศูนย์สูตร เช่นไทยหาอากาศหนาวยากเต็มที ทว่ายังพอได้กลิ่นอายแห่งฤดูกาลหนาวบ้าง จากความแห้งของอากาศที่โชยแตะกระทบผิวผ่องพรรณ ร่างบางอรชรยั่วเย้าภายใต้แพรพรรณมิดชิด ซ่อนอำพรางร่างบางอรชรภายใต้ชุดทะมัดทะแมง เพื่อบังสายตาคนอื่นเท่านั้น ปลายเท้าเรียวบนรองเท้าส้นเตี้ยย่องๆออกจากห้องนอนสีหวาน ราวกับกำลังจะออกไปทำความผิดขัดใจบุพการีที่ไหนสักแห่งกระนั้น สิ่งที่หญิงสาวร่างอรชรกระทำหาได้พ้นสายตาคมกริบของมารดาไหวตัวกับพฤติกรรมบุตรสาวผู้ตนออกแรงเบ่งออกจากอุธรไม่
เมื่อเห็นว่าทางสะดวก ร่างอรชรในชุดสาวกะโปโล ยกมือบางตบอกเบาๆ เพราะโล่งใจก่อนพรูลมหายใจเฮือกใหญ่ คืนนี้คืออีกคืนที่เธอทำมันสำเร็จ แต่นั่นคือการเข้าใจผิดโดยแท้ แค่ไม่กี่ก้าวปลายเท้าเรียวบนส้นรองเท้าเตี้ยต้องชะงัก
“อะ... แฮ่มคุณภัทรา จะไปไหนตอนพระอาทิตย์ตกแบบนี้ละคะ” เสียงเรียกนั้นประชดเพราะตอนนี้เรียกดึกสงัด มากกว่าพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า เสียงเข้มงวดคนคุ้นเคยดังขึ้นจากมุมหนึ่ง ปลายเท้าเจ้าของกำลังย่องออกจากบ้านค่อยๆ หมุนกายตามเสียงเข้มเมื่อครู่
“อุ๊ย...แม่ภัคจ๋า” เสียงหวานซ่อนความผิดแผ่ซ่าน ขณะลักลอบออกจากบ้านทุกทีสำเร็จ ทว่าครั้งนี้กลับพลาด เธอเข้าใจผิดที่คิดว่าพ่อกับแม่นอนแล้ว
“พ่อคะ ออกมาดูลูกสาวตัวดี จะหนีออกจากบ้านยามวิกาลสิคะ” คุณภัคจิรา ปชาบดีเรียกสามี ขณะยืนกอดอกมองการกระทำของบุตรสาว สงสัยตั้งนานแล้วทุกคืนวันศุกร์ และวันเสาร์ห้องบุตรสาวมักเงียบผิดปกติ เข้าใจเสมอลูกคงเหนื่อย จากการเตร็ดเตร่แต่หลังๆ บางอย่างจุดชนวนให้สงสัย เมื่อรถยนต์คันเล็กของบุตรสาวหายไปจากโรงรถ คืนนี้จึงแอบดูให้เห็นกับตา โชคเข้าข้างได้เห็นอย่างที่แอบสงสัย
“ว่าไงภัทราจะไปไหนค่ำๆ มืดๆ”
“เอ่อ...ภัทราคือภัทรา”
“ว่ามา...”
เสียงเข้มดังขึ้นหวังคาดคั้นเจ้าตัวดี ส่งผลให้ภัทราแสนสวย ภัทราคือบุตรสาวเพียงคนเดียวของนายพลรหัต ปชาบดี เรียกได้ว่าหัวแก้วหัวแหวนของท่านเลยทีเดียว เมื่อภรรยาสุดที่รักเท่าๆ บุตรสาว เข้ามาปรึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมแปลกๆ ที่ไม่คาดคิดว่าจะเป็นจริง นั่นคือลูกสาวคนสวย มักหายไปในช่วงหลังสี่ทุ่มประจำคืนวันศุกร์และเสาร์ จะกลับมาอีกทีเกือบตีสาม หลังจากให้ลูกน้องเฝ้าจับตาดูพฤติกรรมภัทราหลายสัปดาห์ จึงได้รู้ว่าหนูภัทราย่องไปร้องเพลงที่ไนต์คลับยามค่ำคืน ถ้าเช่นนั้นล่ะก็สิ่งที่ไม่อยากทำคงต้องทำสินะ
“คือภัทรานัดกับ...” หญิงสาวเจ้าเล่ห์ระดมคำโกหกไม่ทันการณ์ เมื่อพบสายตาดุดันของบิดาไม่ต่างกับมารดา คำโกหกต่างๆ จึงติดอยู่ลำคอเหมือนหินติดคอ
“กับใคร”
“อ๋อ...กับยายมิ้นค่ะยายมิ้นเราจะออกไปแดนซ์กัน” ในที่สุดชื่อเพื่อนรักที่สุด จึงถูกยกขึ้นเป็นข้ออ้าง แต่ดูเหมือนท่านทั้งสอง ไม่หลงเชื่อยัยจอมกะล่อนง่ายๆ
“เอาโทรศัพท์มาพ่อจะโทร.หายายมิ้น”
“พ่อขา...ไม่ต้องโทร.หรอกค่ะ ป่านนี้ยายมิ้นคงอยู่ในผับที่นั่นเสียงดัง ยายมิ้นคงไม่ได้ยินหรอกไม่ต้องโทรดีกว่านะพ่อ”
“เอามา” ฝ่ามือหนากร้าน เคยผ่านการฝึกการจับอาวุธนานาชนิด แบมาตรงหน้าบุตรสาวที่ถูกจับโกหกได้ ดูซิจะแถไปได้สักกี่น้ำ
“นี่ค่ะพ่อ” ยอมจำนน
“บอกเบอร์มา”
“จริงๆไม่ต้องโทร.ก็ได้นะคะ คือภัทราไม่ได้นัดกับยัยมิ้นหรอกค่ะ”
“หืม...”
“รีบตามพ่อกับแม่มานี่” ประมุขผู้สง่างามด้วยท่วงท่าวาจาสุขุมเยือกเย็น ท่านเต็มเปี่ยมไปด้วยพจนาทสามารถ สร้างความยำเกรงให้กับบริวารใต้การดูแล บุตรสาวเพียงคนเดียวมีหรือจะควบคุมไม่ได้
“ตามพ่อไปสิแม่ตัวแสบ”
นายพลรหัตย่อกายลงนั่งโซฟาตัวยาว ด้วยท่วงท่าสุขุม ภาพประจำท่านนายพลผู้นี้ เมื่อก่อนยังหนุ่มแน่นท่านหวังเหลือเกินจะได้บุตรชาย เพื่อสืบทอดนามสกุลและเดินตามเส้นทาง ที่ท่านวางแผนไว้ให้ แต่เมื่อได้บุตรสาวท่าน เพียงหวังให้เชื่อฟังคำสั่งสอน ได้แต่งงานกับผู้ชายตระกูลดีๆ แต่ดูเถอะดูสิ่งแม่คุณทูนหัว สายตาจับจ้องที่ร่างอรชรใบหน้าสวยไร้ที่ติของบุตรสาว ภัทราถอดแบบใบหน้าหล่อเหลาของท่านนายพลมาทุกกระเบียดนิ้ว ยิ่งนิสัยด้วยแล้วไม่ต้องพูดถึงถ่ายสำเนากันมาไม่มีผิดเพี้ยน
“ไหนบอกความจริงพ่อมาซิ เราออกไปทำอะไรคืนวันศุกร์และวันเสาร์”
“อูย... รู้ด้วยว่าไปวันไหนบ้าง” สาวสวยก้มหน้านั่งตัวลีบอยู่กับโซฟา ห่อไหล่ก้มหน้าไม่กล้าสบตาดุดันของบิดา ถึงเวลาเผยความลับถูกเก็บงำไว้หลายเดือนต้องแตกในคืนนี้
“พรุ่งนี้พ่อไม่ไปราชการเหรอคะ เห็นทุกทีต้องไปฝึกพวกทหารใหม่”
“นอกเรื่องเรากำลังพูดถึงเรื่องของภัทรา”
“แค่ลูกสาวหนีเที่ยวจะสนใจอะไรคะ”
“ภัทรา” นายพลตวาดเสียงต่ำดุบุตรสาว เปรียบดั่งมณีล้ำค่ำยอดดวงใจของท่าน
“อย่าเล่นลิ้นกับพ่อภัทรา แม่เองก็จะทนเราไม่ไหวแล้วนะ” มารดาสำทับอีกคน ใบหน้าคนถูกดุงอง้ำ
“จะยอมรับดีๆ หรือจะให้พ่อแสดงหลักฐานทั้งหมดหือ” เสียงทุ้มขู่อีกเพื่อให้จำเลยยอมจำนนสารภาพทุกอย่าง
“หลักฐาน...หมายความว่ายังไงคะ” จำเลยหยั่งเชิง
“รีบๆ สารภาพมาเสีย”
หนทางรอดเหลือน้อยเต็มที ทว่าควรเริ่มต้นอย่างไรให้เหลือโทษน้อยที่สุด แม้บิดาไม่เคยลงโทษภัทราจริงจัง ทว่าครั้งนี้ท่าทีทานดูโกรธมาก
“ยอมรับมาซะภัทรา” เสียงเยือกเย็นของมารดาเร่งเร้าอีกคน ความแสบของภัทราเกินหน้าตาสะสวยจริงๆ
“ภัทราไม่มีอะไรจะยอมรับค่ะคุณแม่”
“ยังจะปากแข็งอีกงั้นดูนี่ซะ จับไม่ได้ไล่ไม่ทันไม่เคยยอมรับไม่รู้เหมือนใคร” ปรายตาไปทางสามี
“อย่าพาลสิคุณหญิง” ฝ่ายถูกสายคาพิฆาตถึงกับร้อนๆหนาวๆ
“ไม่พาลก็ได้คะตามใจกันซะเคยตัว”
ซองสีน้ำตาลถูกคลี่ออกต่อหน้าภัทรา ใบหน้าหวานยากคาดเดาบิดา และมารดารู้อะไรมากน้อยแค่ไหน จึงขอเงียไว้ก่อนไม่กล้าเอ่ยปากสารภาพความผิด หากแต่เมื่อบางสิ่งปรากฏตรงหน้า ริมฝีปากสวยอิ่มเอิบถึงกับอ้าค้าง ดวงตาสีอ่อนเบิกกว้าง ภาพถ่ายขณะตัวเองร้องเพลงบนเวทีในไนต์คลับชื่อดังเผยต่อหน้า
มันเป็นความสนุกสุดห่าม และความชอบพอส่วนตัว ผิดหรือไรหากจะรักการร้องเพลง แล้วพ่อแม่ไม่ยอมให้ทำตามความชอบ จึงต้องแอบไปทำตามความชอบของตัวเองแบบนั้น
“อธิบายมา”
“แค่ร้องเพลง”