“ไม่เจ็บแผลแล้วใช่ไหมครับ”
“ค่ะ...ค่ะไม่เจ็บแล้วค่ะ”
นลินดาตอบเสียงตะกุกตะกักใจหวิวๆ ในทุกครั้งที่ถูกรามิลบีบเบาๆ บนมือเล็กทั้งสองข้าง ขณะเดียวกันก็รับรู้ได้ถึงไอของความโกรธที่แผ่อยู่รอบตัวของเอริณ
“รับผ้าเช็ดหน้าของคุณไปสิค่ะ ฉันจะกลับไปทำงานแล้วค่ะ”
รามิลส่ายหน้าปฏิเสธเอ่ยตอบอย่างทะนงตน “แค่ผ้าเช็ดหน้าผืนเดียว อย่าไปสนใจเลย ผมให้ใครแล้วไม่คิดเอาคืน คุณเก็บไว้สิ นลิน...หรือจะเอาทิ้งถังขยะผมก็ไม่สนใจ”
ในขณะรามิลไม่แคร์กับผ้าเช็ดหน้าแค่ผืนเดียว แต่หญิงสาวทั้งสองที่ยืนอยู่ใกล้ๆ เขาต่างก็มีความรู้สึกแตกต่างกันไป
ทางด้านของเอริณนั้นเต็มไปด้วยความโกรธจัดอีกทั้งงุนงงว่านลินดาได้พบเจอกับรามิลตั้งแต่เมื่อไรกัน ถึงได้มีการมอบผ้าเช็ดหน้าให้ แถมรามิลยังเรียกนลินดาด้วยท่าทีสนิทสนม และที่สำคัญดวงตาสีฟ้าทอดมองนลินดาด้วยแววตาปรารถนา ซึ่งรามิลไม่เคยมองเธอด้วยสายตาเช่นนี้แม้แต่ครั้งเดียว
“ว่ายังไงนลิน จะเก็บผ้าเช็ดหน้าของผมไว้หรือจะเอาไปทิ้ง”
รามิลเอ่ยถามหลังจากนลินดานิ่งเงียบหลายนาที และมั่นใจว่าต้องได้ยินคำตอบจากนลินดาว่าจะเก็บผ้าเช็ดหน้าของเขาไว้ แต่แล้วก็ต้องหน้าบึ้งกับคำตอบที่ได้ยิน
“ถ้าคุณไม่อยากได้คืน ฉันก็ไม่รู้ว่าจะเก็บไว้ทำไม เดี๋ยวฉันเอาไปทิ้งตามที่คุณแนะนำค่ะ” นลินดาเอ่ยโกหก เพราะอายที่จะบอกความจริงว่าตนเองจะเก็บผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ไว้
เป็นครั้งแรกที่ถูกผู้หญิงหักหน้า รามิลจึงขบกรามแน่น จากที่พูดกับนลินดาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ก็กลายเป็นแข็งห้วนตามอารมณ์โกรธที่ถูกจุดฉนวนจากคนตรงหน้า
“ถ้ายังงั้นก็เชิญเอาไปทิ้งได้เลย”
รามิลไม่อยู่รอฟังว่านลินดาจะเอ่ยตอบอย่างไร ร่างใหญ่กำยำกระแทกเท้าเดินเข้าไปในห้องทำงานของตนเองโดยไม่สนใจกล่าวคำลากับนลินดา และไม่สนใจเอริณที่รีบวิ่งตามไปอย่างรวดเร็ว
“คุณรามิล รอเอริณด้วยค่ะ”
นลินดามองตามร่างใหญ่ที่เดินหนีไป พลางพึมพำถามตัวเองด้วยความงุนงงว่า
“คุณรามิลเขาโกรธเราหรือ ทำไมเขาต้องโกรธด้วย เราทำอะไรผิด”
ในหัวสมองเต็มไปด้วยคำถาม ไม่เข้าใจว่าทำไมรามิลต้องเผยอาการโกรธออกมาหลังจากเธอบอกว่าจะเอาผ้าเช็ดหน้าไปทิ้ง แม้ผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ดูมีราคาแพงและปักอักษรย่อ R.M. (อาร์เอ็ม) ด้วยความประณีตไว้ตรงมุมผ้าเช็ดหน้า แต่มหาเศรษฐีอย่างรามิลคงไม่เสียดายแค่ผ้าเช็ดหน้าเพียงผืนเดียวเท่านั้น
“ช่างเขาเถอะ เขาจะโกรธก็เรื่องของเขา ต่อไปเธอกับคุณรามิลก็ไม่มีโอกาสต้องเจอกันอีกแล้ว”
นลินดาพึมพำอยู่คนเดียว พลางถอนหายใจลึกหลุบสายตามองผ้าเช็ดหน้าที่ยังคงถืออยู่ในมือ แล้วบอกกับตัวเองว่า เธอไม่มีทางเอาผ้าเช็ดหน้าของคนที่เธอแอบชื่นชอบไปทิ้งอย่างแน่นอน
หากรามิลไม่อยากรับกลับคืน เธอก็จะเก็บไว้ดูต่างหน้า ว่าครั้งหนึ่งเคยมีเจ้าของผ้า
เช็ดหน้าผืนนี้ได้ทำแผลให้เธอด้วยกริยาอันอ่อนโยน...
รามิลกระแทกเท้าเดินเข้ามาในห้องทำงานสุดหรู ใบหน้าหล่อเหลาบูดบึ้งหงิกงอไม่ต่างจากหมากรุก ชายหนุ่มไม่อยากเชื่อว่าแค่ถูกผู้หญิงธรรมดาๆ อย่างนลินดาปฏิเสธและไม่เผยความสนใจในตัวเขา ก็ทำเอาเขาเดือดพล่านด้วยความโมโห
“บ้าชะมัด!”
รามิลทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้หนังสีดำหลังโต๊ะทำงาน สีหน้าของชายหนุ่มในตอนนี้บอกบุญไม่รับ หากใครเข้ามาใกล้คงได้ถูกพิษของพายุโกรธเล่นงานจนเละเป็นโจ๊ก
“นลิน! กล้าดียังไงที่จะเอาผ้าเช็ดหน้าของผมไปทิ้ง!”
เพราะคิดว่านลินดาต้องกระโจนเข้าหา และลุ่มหลงในความหล่อเหลาร่ำรวยของตนเอง แต่พอถูกหญิงสาวแสดงปฏิกิริยาในทางตรงกันข้าม รามิลจึงเต็มไปด้วยความโกรธ
และใช่ว่าจะมีแค่เพียงรามิลที่กำลังโกรธนลินดา เอริณก็โกรธพี่สาวบุญธรรมจนเนื้อตัวสั่นไปหมด หากไม่ติดว่าต้องตามมาพะเน้าพะนอเอาอกเอาใจรามิล ป่านนี้เธอคงแล่นตามไปตบหน้านลินดาและเค้นถามให้รู้เรื่องว่าอ่อยรามิลด้วยท่าไหน มหาเศรษฐีคนนี้ถึงได้มอบผ้าเช็ดหน้าให้
“คุณรามิลขา...”
แค่เอ่ยเรียกไม่ทันได้พูดอะไรออกมา เอริณก็ต้องสะดุ้งหน้าซีดกับคำตวาดลั่นจากรามิล
“ไปให้พ้น ผมไม่อยากเห็นหน้าคุณ”
แม้หวาดกลัวกับท่าทีของรามิลมากเพียงใด แต่เอริณก็บอกกับตัวเองว่าไม่มีทางปล่อยให้ชายหนุ่มที่เพียบพร้อมซะทุกอย่างหลุดมือไปได้ หญิงสาวทำใจดีสู้เสือ ขยับกายเข้าไปใกล้จงใจยืนแนบชิดกับร่างใหญ่กำยำให้สีข้างสะโพกแนบไปกับต้นแขนของรามิล ยกมือเล็กลูบไล้บนไหล่กว้าง ขณะตัดพ้ออย่างมีจริตจะก้าน
“คุณรามิลขา...ทำไมเมื่อคืนไม่ไปงานเลี้ยงของเอริณละคะ เอริณรอคุณรามิลทั้งคืน เพื่อประกาศให้ทุกคนรู้ว่าคุณรามิลเป็นคู่หมั้นของเอริณ”
รามิลหันใบหน้าถมึงทึงมาจ้องมองเอริณ มือใหญ่ผลักร่างบางออกอย่างไม่ปราณีปราศรัยขณะเค้นเสียงตอบห้วนๆ
“คุณเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า ใครเป็นคู่หมั้นของคุณ”
“ก็คุณรามิล”
“ผมไม่เคยคิดหมั้นหรือแต่งงานกับผู้หญิงที่เร่มาเสนอตัวให้ผู้ชายฟรีๆ ถึงในบ้าน และผมไม่เคยบอกหรือแสดงออกให้เห็นว่าคุณคือคนรักของผม”
เจ็บจนหน้าชาซะยิ่งกว่าถูกตบหน้ากับคำพูดแดกดันจากรามิล ซึ่งสิ่งที่เขาพูดมานั้นล้วนเป็นความจริงทั้งสิ้น
ใช่! เธอเป็นฝ่ายเสนอตัวให้รามิลก่อน บำเรอสวาทให้ชายหนุ่มอย่างเต็มที่เพื่อหวังให้
รามิลลุ่มหลง นอกจากนั้นยังทึกทักเอาเองว่ารามิลจะหมั้นกับเธอด้วย
“ก็คุณรามิลรับปากว่าจะไปงานเลี้ยงของเอริณและ...”
“ผมรับปากว่าจะไป แต่ไม่ได้หมายความว่าไปในฐานะคนรักของคุณ ผมไปในฐานะของคนที่เคยนอนร่วมกันต่างหาก”
รามิลสวนกลับก่อนเอริณจะทันพูดจบ นอกจากจะหล่อเหลาและร่ำรวยติดอันดับโลกแล้ว ผู้ชายอย่างรามิลก็ปากจัดซะยิ่งกว่ากรรไกร แต่ละคำที่หลุดออกมาจากปากของเขาสร้างความอับอายให้กับเอริณได้ในทุกครั้ง
และไม่เปิดโอกาสให้เอริณได้แก้ตัว เมื่อรามิลได้เอ่ยพูดถึงวีรกรรมของหญิงสาวที่อาละวาดจนงานเลี้ยงต้องเลิกกลางคัน
“ผมดอดไปในงานเลี้ยงของคุณ และนั่นทำให้ผมเห็นพฤติกรรมอันน่ารังเกียจของคุณ ที่กราดด่าแขกเหรื่อทุกคนไม่เว้นหัวหงอกหัวดำ คุณอาละวาดกระทั่งแม่ของคุณได้รับบาดเจ็บต้องไปโรงพยาบาล”
“เอ่อ...เอริณ...เอ่อ...” เอริณถึงกับหน้าซีดพูดไม่ออก ไม่นึกว่ารามิลจะไปงานเลี้ยงและรู้เรื่องนี้ด้วย
“ออกไปเอริณ ผมไม่อยากเห็นหน้าคุณ”
รามิลตวาดไล่ เขาให้โอกาสเอริณบำเรอสวาทให้เขาเกือบหนึ่งเดือนก็ถือว่ามากเกินพอแล้ว และใช่ว่าเอริณจะบริการให้เขาฟรีๆ ทั้งเงินทอง เครื่องเพชร เสื้อผ้า กระเป๋าแบรนด์เนมที่เอริณอยากได้ เขาก็เซ็นเช็คจ่ายให้ไม่อั้น ตอนนี้ถึงเวลาที่เขาจะโละผู้หญิงคนนี้ทิ้งแล้ว