“ของราคาเป็นแสนเป็นล้าน เจนว่านายน่าจะอ่านหน่อย”
“ถ้าไม่อ่าน เธอจะโกงฉันหรือไง” เขาถามกลับหน้าตาเฉย
สายตาตวัดขึ้นมองเธอ ใบหน้าที่เคยขาวใสหล่อออร่าพุ่ง บัดนี้ดูเปลี่ยนไปมาก ซูบผอม หน้าตอบ หนวดเคราเขียวครึ้ม หมองคล้ำเหมือนคนโดนของ ไม่ใช่สิ คงเพราะตกถังเหล้าทุกคืน ต่อให้ร่างกายแข็งแรงแค่ไหน สักวันก็ต้องล้มป่วย
“เจนไม่โกงหรอก แต่นายไม่เคยปล่อยผ่านง่ายๆ แบบนี้”
“ฉันเชื่อใจ เธอจัดการได้เลย” พูดจบ เตวิชญ์ก็หมุนเก้าอี้ไปทางหน้าต่าง หันหลังให้เธอ ตัดบทสนทนาทุกอย่าง
เจนจิราชะงักมือที่กำลังรวบแฟ้มเก็บ อาการคันปากยิบๆ กำเริบขึ้นมาอีกแล้ว...อย่านะ อย่าเด็ดขาด ห้ามพูดอะไรทั้งนั้น หมดธุระของเธอแล้ว ออกไปจ้า ห้ามเสือกเรื่องของเจ้านาย ครั้งก่อนก็โดนไปทีหนึ่งแล้ว ไม่เข็ดหรือไง
“นายวิชญ์...เป็นอะไร?”
“...”
“ไม่สบายหรือเปล่า”
“เปล่า”
“แล้วทำไมเจนโทรมาถึงไม่รับสาย” สุดท้ายก็อดใจไม่ไหว ตามถามตอแยเจ้านายต่อ
เห็นท่าทางนิ่งเงียบ ทำตัวเป็นหุ่นยนต์ เฉยชาไม่หือไม่อือ ถึงเวลาทำงาน...มา ถึงเวลาเลิกงาน...กลับ แล้วไปตั้งวงดื่มเหล้า เหมือนคนหมดอาลัยตายอยาก จะเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้!
“ฉันลืมโทรศัพท์”
ลืมโทรศัพท์!!
บ้าไปแล้ว เจนจิราอ้าปากพะงาบๆ อยากจะพูดแรงๆ แต่ต้องหยิกตัวเองไว้...เจ้านายจ้า ท่านคือเจ้านาย คนละชนชั้น คราวก่อนไม่เข็ดเหรอ อย่าสะเออะนะจ๊ะ
แต่...งานการของเขาตั้งมากมาย ไม่ใช่บาทสองบาท ธุรกิจต้องติดต่อกับลูกค้าทั้งในประเทศต่างประเทศ หากลูกค้าติดต่อไม่ได้จะเสียหายตั้งเท่าไหร่ เขาคิดหรือเปล่า
“นายวิชญ์” เธอเรียกเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนใจ
“หือ?” เสียงขานรับในลำคอ แต่ไม่คิดจะหันกลับมาคุย
เจ้านายยังคงมองออกไปทางหน้าต่าง เจนจิราทนไม่ไหว จึงเดินอ้อมไปหยุดยืนตรงหน้าเขา สายตาทั้งคู่จ้องประสานกัน ต่างคนต่างไม่หลบ
“นายวิชญ์ งานมีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
เธอลองโยนหินถามทาง เมื่อสังเกตเห็นว่าเจ้านายดูเคร่งเครียดกว่าทุกครั้งที่เจอ บางทีอาจจะไม่ใช่เรื่องอกหักก็ได้...อย่าเพิ่งด่วนสรุป
“เปล่า”
“เปล่า? เปล่าได้ไง ดูนายวิชญ์เครียดๆ เรื่องโรงงานเหรอ หรือเรื่องต้องเข้าไปคุยกับผู้ใหญ่” เธอยังพยายามจะคาดเดา
“ไม่มี!...งานเธอเสร็จแล้วไม่ใช่เหรอ ออกไปสิ”
“แต่...”
“ฉันอยากอยู่คนเดียว” น้ำเสียงเริ่มหงุดหงิดรำคาญ แต่เจนจิราไม่สน
“นายวิชญ์ รู้ตัวมั้ย ว่าเปลี่ยนไปมาก”
“...”
“นี่เป็นเดือนแล้ว ที่นายเอาแต่กินเหล้า ดูสภาพสิ โทรมจนจะเป็นซอมบี้ งานการก็ไม่สนใจ ถึงมาทำงานก็มาแต่ตัว ไม่เอาวิญญาณมาด้วย” เจนจิราลืมตัว ครั้งก่อนโดนด่าไปรอบหนึ่งไม่เข็ด คราวนี้ก็พลั้งปากต่อว่าเจ้านายชุดใหญ่
กว่าจะรู้ตัวก็เมื่อสบประสานนัยน์ตาวาวโรจน์ แข็งกระด้าง ร่างเล็กถอยหลังกรูด เมื่อเห็นท่าทีของเจ้านายราวกับจะพุ่งเข้ามาบีบคอเธอ
เตวิชญ์ เจ้านายที่เธอเคยรู้จัก คือผู้ชายอบอุ่น ใจดี เป็นที่พึ่งให้ลูกน้องทุกคน รวมทั้งเธอด้วย นอกจากตำแหน่งเจ้านายแล้ว ครั้งหนึ่งเขาก็เคยเป็นครูสอนวิชาเกษตร จนทำให้เธอหลงใหล ติดใจ และปักใจจะเลือกเรียนต่อเกษตรเหมือนเขา
“หมดธุระแล้ว...ก็ออกไป!!”
เสียงห้วนกระด้าง สายตาพิฆาตที่มองหน้าเธอ ทำเอาเจนจิรา หญิงแกร่งแห่งปีต้องย่นคอหัวหด คนที่เคยใจดี พอมาสวมบทคนร้ายก็ดูน่ากลัวพิลึก จนไม่กล้าเข้าใกล้ หรือแม้แต่หายใจร่วมห้องเลยทีเดียว
“เจนก็แค่…อยากเห็นนายวิชญ์คนเดิมกลับ…”
“เธอมีหน้าที่ทำงานก็ทำ อย่ายุ่งเรื่องของคนอื่น!” คำพูดขัดขึ้นกลางประโยค น้ำเสียงห่างเหิน สายตาที่จ้องมองมาก็ดูเยาะหยันแปลกๆ
“นายวิชญ์” ความรู้สึกหน่วงในอก ผิดหวัง...นี่เธอกำลังคาดหวังอะไรจากเขากันแน่
“ฉันพูดไม่ชัด...หรือเธอไม่เข้าใจ…บอกให้ออกไป!”
“คนโง่เท่านั้นล่ะที่จะยอมแพ้ มันก็แค่อกหัก ใครๆ เค้าก็เคยเป็น...ไม่เห็นเหรอว่าหมอฤทธิ์กับคุณเกลเค้ากำลังจะมีลูกด้วยกัน ต่อให้นายวิชญ์กินเหล้าให้ตาย คุณเกลก็ไม่มีทางกลับมาหรอก แล้วทำไมยังมูฟออนออกมาไม่ได้ ต้องให้เจนแนะนำมั้ยว่าต้องทำยังไง”
“เจนจิรา!!” โดยไม่ทันรู้ตัว ร่างสูงใหญ่ที่นั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ พุ่งเข้ามาประชิดตัว มือใหญ่คว้าหมับเข้าที่หัวไหล่บีบแน่นเต็มแรง
“โอ๊ย!!” หญิงสาวสะดุ้งโหยง ร้องขึ้นด้วยความตกใจ เจ็บแปลบจนน้ำตาแทบเล็ด
“เธอเป็นใคร ฉันเป็นใคร อย่าให้มันมากนัก!!” น้ำเสียงลอดไรฟัน ดวงตาแดงก่ำจ้องหน้าเธอราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“เจน...”
“ไสหัวออกไป!” เสียงดังตะคอกใส่เต็มหู
“ขะ...ขอโทษ” เธอเอ่ยคำขอโทษเบาๆ เมื่อได้สติและรู้ตัวว่ากำลังล้ำเส้นของเจ้านาย แต่ที่พูดไปก็เพราะความหวังดีล้วนๆ ไม่เคยคิดจะซ้ำเติมหรือตอกย้ำความเจ็บของใคร เธอก็แค่อยากเห็นเขาลุกขึ้นยืนให้ได้สักที
“อย่ายุ่งเรื่องของฉันอีก” น้ำเสียงเย็นชา ดูห่างเหิน ทำเอาหญิงสาวชะงัก
“ค่ะ”
ใบหน้าเรียวเล็กก้มต่ำ ตาหลุบมองพื้น น้ำตารื้อขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ น้ำเสียงห่างเหินนั้นมันมีอานุภาพของสั่นสะเทือนไปทั้งตัวและหัวใจ ต่อให้เข้มแข็งแค่ไหน ต่อให้เก่งกาจเพียงใด ก็เสียใจเป็นเหมือนกัน
เตวิชญ์สะบัดมือออก ก่อนจะก้าวเท้าสวบๆ เดินออกจากห้อง โดยไม่เหลียวหลังกลับมามองผู้ช่วยสาว เจนจิรายกมือขึ้นกรีดน้ำตาที่ทำท่าจะหยด...นี่เขาเกลียดเธอแล้วเหรอ? ในอกรู้สึกโหวงเหวง ว่างเปล่า แขนขาก็พลันอ่อนแรง แม้แต่หัวสมองก็ตื้อไปหมด คิดอะไรไม่ออก
เจ้านายคนเดิมที่เธอเคยรู้จัก ทั้งเก่งและแกร่ง เจอปัญหาหนักหนากว่านี้ก็ยังยิ้มสู้ไม่เคยถอย เป็นเธอเสียอีกที่เขาต้องคอยสอนคอยบอกให้ใจเย็นๆ แล้วคราวนี้เธอมองว่ามันก็แค่เรื่องอกหัก คนเก่งแบบเขาไม่นานก็หาย
แต่เตวิชญ์กลับยังจมปลักอยู่ที่เดิม ไม่มีทีท่าว่าจะหายดีสักที เป็นเธอที่ทนไม่ได้ เพราะความห่วงใยและความรู้สึกที่ซ่อนลึกภายใน ผลักดันให้พลั้งเผลอพูดออกไป โดยไม่ทันยั้งคิด แล้วต่อไปจะมองหน้ากันอย่างไร เมื่อสายตานั่น...มันบอกว่า เธอคือคนอื่นสำหรับเขาแล้ว
เจนจิราล้มตัวลงนอน พอหลับตาก็เห็นแต่ภาพเหตุการณ์เมื่อกลางวัน มันตามหลอกหลอน จนข่มตานอน ไม่หลับ
...ช่างสิ! เขาจะคิดยังไงก็เรื่องของเขา จะหาว่าเธอเสือกก็ช่าง ในเมื่อหวังดีแต่เขามองไม่เห็น ก็ไม่ต้องสนใจ
โอ๊ยยยยยย!!!!!