16 ไร้ตัวตน

1185 Words
“อยู่ครับ เจ๊เข้าไปได้เลย” “อือ ขอบใจ” ‘ก๊อก ก๊อก’ แค่ได้ยินเสียงอนุญาตดังมากจากข้างใน ก็ทำเอาเธอถึงกับสะดุ้ง รู้สึกสะบัดร้อนสะบัดหนาวราวกับจับไข้ หัวใจเต้นโครมคราม ทั้งที่ทำใจแล้วว่ายังไงสักวันหนึ่งก็ต้องเผชิญหน้ากันอย่างเลี่ยงไม่ได้ จะว่ากลัวก็ไม่ใช่ จะว่าตื่นเต้นก็ไม่เชิง มือบีบแฟ้มแน่น เธอจะเป็นลมไหมเนี่ย ทำไมรู้สึกใจหวิวๆ ขาก็สั่นแปลกๆ “เจ๊เข้าไปสิ นายอนุญาตแล้ว” “เออ...รู้แล้วน่า ฉันแค่ยืนคิดว่าลืมอะไรอีกหรือเปล่า” เจนจิราหันไปโวยวายใส่เลขาหนุ่ม กลบความตื่นเต้นของตัวเอง “ลืมไร? จะกลับไปเอามั้ย หรือให้ผมช่วยตามไอ้เดย์เอามาให้” “ไม่ต้องๆ น่าจะครบแล้ว ขอบใจ” หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ก่อนจะผลักประตูเปิดเข้าไป ห้องทำงานเย็นฉ่ำจนขนแขนเธอลุกชัน ไม่รู้เพราะเครื่องปรับอากาศ หรือเพราะร่างสูงใหญ่องอาจที่นั่งก้มหน้าอ่านเอกสารบนโต๊ะกันแน่ เขาไม่เงยหน้าขึ้นมามอง ทั้งที่รู้ว่าเธอเปิดประตูเข้ามาในห้องแล้ว ทำเอาหญิงสาวชะงัก ทำตัวไม่ถูก อึดอัด หายใจไม่ทั่วท้อง ยืนเก้ๆ กังๆ ในใจก็เถียงกับตัวเองว่า เธอควรจะทักทายเขาดีไหม หรือควรจะพูดธุระเรื่องงานเลย อย่ามาป๊อด!!...เป็นบ้าอะไรเนี่ย ทำงานมาห้าปี ไม่ใช่เด็กฝึกงานอ่อนหัดที่จะต้องขาสั่นเวลาเข้าพบผู้บริหารซะหน่อย เดินเข้าไปสิ ไม่ต้องสนใจ ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น...งาน มันคืองานท่องไว้ “มีอะไร” “เอ่อ...เจนเอาเอกสารมาให้นายวิชญ์เซ็นค่ะ” “เอาวางไว้แล้วก็ออกไปได้” “แต่...เจนขออธิบายหน่อยนึงนะคะ ว่าทำไมเราต้องจัดซื้อ” เมื่อเข้าเรื่องงานเธอก็พร้อมจะจัดการด้วยความไหลลื่น แต่ “ไม่ต้อง ฉันอ่านเองได้” ใบหน้าคมสันยังก้มอยู่กับเอกสาร ไม่เงยหน้าขึ้นมามอง หรือสนใจเธอสักนิด “นายวิชญ์คะ...” “ฉันบอกให้เธอออกไป” น้ำเสียงห่างเหินเย็นชา ทำเอาใบหน้าสาวเจื่อนลง ความรู้สึกน้อยใจ ตื้อในอก จนต้องกระพริบตาถี่ๆ หลายครั้งเมื่อน้ำตาทำท่าจะหยด ดีที่เขาไม่เงยหน้าขึ้นมามอง...บางที ก็คิดนะว่าตำแหน่งผู้ช่วยยังจำเป็นสำหรับเขาอยู่ไหม “ค่ะ ถ้านายวิชญ์มีไรสงสัยก็ถามเจนได้” “...” เมื่อเห็นเตวิชญ์เงยหน้าขึ้นมา เธอก็ยืนรอท่าว่าเขาจะตอบอย่างไร แต่เขากลับหันไปสนใจและจดจ่ออยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ สายตามองผ่านเธอไปราวกับมองไม่เห็น ไร้ตัวตน ไร้ความสำคัญ หรือเหตุการณ์คืนนั้นมันพรากมิตรภาพระหว่างเราสองคนไปแล้ว “อ้าวลูกพี่มาอยู่นี่เอง ปล่อยให้ตามหาตั้งนาน” “มีไร” “นายวิชญ์เรียกประชุม” “มีเรื่องอะไร ถึงเรียกประชุม” เจนจิราหันมามองลูกน้องคู่ใจ ที่ทรุดตัวลงนั่งเก้าอี้ข้างกัน หนึ่งเดือนเต็ม ตั้งแต่วันนั้นที่เข้าไปเสนองานกับเตวิชญ์ แล้วถูกเขาไล่ออกจากห้อง นึกถึงเรื่องนี้ทีไรหน้ายังชาไม่หาย เขาไม่คุยไม่ถามแม้จะเป็นเรื่องงาน ทั้งที่เธอพยายามทำตัวปกติ แต่เจ้านายกลับเปลี่ยนไป อย่าฝันจะคุยเล่นเหมือนแต่ก่อน แค่คุยถามเรื่องงานเขายังไม่คุย หลังจากนั้นเธอจึงเลือกจะอยู่ห่างเขาให้มากที่สุด ห่างเหมือนอยู่ดาวคนละดวง ไม่เคยโทรหา ไม่เคยติดต่อ เขาอยู่ออฟฟิศเธอจะลงมาที่แปลง เขาลงมาแปลงเธอจะหนีไปติดต่องานข้างนอก แล้วมันก็ช่วยเธอได้มาก นานวันเข้าก็ทำให้ลืมเลือนไปได้บ้าง ยิ่งโหมงานหนัก ก็ยิ่งไม่มีเวลามาคิดเรื่องอื่น “ไม่รู้เหมือนกันอะ เห็นนายวิชญ์เรียกประชุมทุกแผนก” “ทุกแผนก?” “อย่าบอกนะว่าลูกพี่ไม่ดูไลน์กลุ่ม” “อือ...พอดีช่วงนี้ยุ่งหลายเรื่อง ไม่ว่าง” “ลูกพี่...ไม่เคยเป็นแบบนี้นะ ไม่สบายเปล่า” “ฉันสบายดี แต่งานมันยุ่ง ต้องลงมาตรวจงานที่แปลง แล้วไหนจะโรงงานอีก ไม่ว่างมานั่งดูไลน์ทั้งวันหรอก” หญิงสาวตอบรัวเร็ว ดูร้อนตัวจนลูกน้องต้องหรี่ตามอง “ไหนพี่บอกว่า ไลน์ใช้สื่อสารได้ดีและเร็วสุด คราวนี้ทำไมบอกไม่มีเวลาดู” “เออน่า ก็คนมันไม่ว่าง ตกลงประชุมกี่โมง” “สิบโมง” “สิบโมง!” หญิงสาวร้องเสียงหลง สีหน้าตื่นตกใจ เมื่อเหลือบมองนาฬิกาข้อมือ เหลือเวลาให้เตรียมตัวอีกสิบนาที! “ใช่ ลูกพี่ดูในไลน์ดิ” “เออๆ เดี๋ยวฉันไปประชุมแล้ว” “ให้ไปเป็นเพื่อนมั้ย” ลูกน้องเสนอตัวช่วย เมื่อเห็นท่าทีลนลานของลูกพี่สาว เจนจิราดูเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม บางวันก็ทำงานจนบ้าคลั่ง ลืมกระทั่งเวลากินข้าว บางครั้งก็เห็นนั่งเหม่อ เหมือนมีเรื่องคิดหนัก บอกตรงๆ อาการน่าเป็นห่วง “ไปทำไม?...ไม่ต้อง!” “ก็ลูกพี่ดูเบลอๆ นะช่วงนี้” “ไม่มีไรหรอกน่า...แล้วนี่แกจะมาชวนฉันคุยทำไม เดี๋ยวก็สายกันพอดี ถ้าฉันโดยหักเงิน หรือถูกไล่ออกนะ จะกลับมาเล่นงานแก” เธอยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูอีกครั้ง ก็รีบคว้าเอกสารที่คิดว่าจำเป็นต้องใช้ กวาดเข้ามาใส่ในแฟ้มงาน “เว่อร์แหละ นายวิชญ์เหรอจะกล้าไล่ออก ต่อให้งานเสียหายก็ไม่มีทางเอาผิดพี่เจนหรอก หรือวันนี้ถ้าลูกพี่ไม่เข้าประชุม นายวิชญ์ก็ต้องคิดว่าพี่ติดงาน ไม่มีทางคิดว่าอู้แน่นอน” ทุกคนรู้ดีว่าเจนจิราทำงานทุ่มเทเพื่อแสงสุขมากแค่ไหน ถ้าเป็นเมื่อก่อน เธอก็มั่นใจว่าต้องเป็นแบบนั้น แต่… “อะไรมันก็ไม่แน่หรอกวะ” คนรู้ตัวว่าไม่ใช่ลูกน้องคนโปรดของเจ้านายอีกต่อไป พูดขัดขึ้น “ไม่มีทาง เชื่อฉันได้เลย ถ้าจะโดนไล่ออก รับรองลูกพี่เป็นคนสุดท้าย หรือไม่ก็…ไม่มีทางเป็นไปได้ เชื่อหัวไอ้เดย์ได้เลย” “เรามันแค่ลูกจ้างโว้ย ใครเขาจะมาง้อ” “ต้องง้อสิ ลูกพี่ของไอ้เดย์เก่งจะตาย” “มีแค่แกแหละที่เห็นความสำคัญของฉัน คนอื่นเหรอ อย่าไปหวัง” เธอพึมพำออกมาเสียงเบา “อะไรนะ ใครหวัง” “ไม่มีไร...เดี๋ยวฉันไปประชุมแล้ว” เจนจิราขยับลุกจากโต๊ะ แล้วเดินออกจากห้อง เลิกสนใจลูกน้องที่ยังถามไม่เลิก มือล้วงหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง และเลื่อนดูไลน์ที่แจ้งหัวหน้างานแต่ละแผนก เข้าประชุม หญิงสาวพรูลมหายใจออกมาด้วยความอึดอัด...พลางปลอบใจตัวเอง ไม่เป็นไรหรอกน่า นั่งประชุมกันตั้งหลายคน ดีไม่ดีเขาอาจจะไม่มองเธอด้วยซ้ำ อีกอย่างงานก็เรียบร้อยดีไม่มีปัญหาอะไร ทำไมต้องกลัว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD