“ไม่น่าเชื่อเลย เดือนเห็นพี่พลกินเหล้ามาตลอดหลายปี วันไหนไม่กินจะลงแดง”
“รู้อย่างนี้แล้ว เดือนคิดจะให้พลดื่มน้ำใบเตยไหม”
เนตรนภาที่รู้มาตลอดว่า ดวงเดือนไม่ถูกกับจอมพล เพราะอีกฝ่ายมักแกล้งและพูดจาไม่เข้าหูเสมอ เจอหน้ากันก็แทบไม่มองหน้ากัน แม้ว่าอยู่บ้านหลังเดียวกันแต่ก็ต่างคนต่างอยู่ ผิดกับจอมตรัยที่ดวงเดือนให้ความสนิทสนมด้วย
“ค่ะ พี่พลกลับมาบ้าน เดือนจะเอาน้ำใบเตยให้พี่พลดื่ม”
ดวงเดือนตอบ ทว่าสีหน้าไม่ได้ยินดีปรีดาที่จะบริการพี่ชายนอกสายเลือดอีกคนเลย
“ว่าแต่พลไปไหนครับคุณแม่ หรือว่ายังไม่มา”
“มาแล้วจ้ะ สงสัยปลีกวิเวกไปที่เดิมล่ะมั้ง” เนตรนภาตอบบุตรชายคนโต “ว่าแต่แกเถอะ หน้าตาดูโรยๆ นะ งานหนักหรือไง”
“ครับคุณแม่ เจอเคสผ่าตัดติดๆ กันหลายวันครับ เมื่อคืนผ่าตัดด่วน เมื่อเช้าผ่าตัดใหญ่ ยังไม่ได้พักเลยครับ”
“ไปพักสักงีบดีกว่านะ หกโมงค่อยตื่นมาอาบน้ำแล้วลงมากินข้าว” มารดาบอก
“ครับคุณแม่ ผมไปนอนก่อนนะครับ” จอมตรัยบอกมารดา ก่อนหันมาทางดวงเดือน “ขอบใจมานะน้องสาวสุดสวยสำหรับน้ำใบเตยเย็นชื่นใจ”
“ยินดีค่ะพี่ชายสุดหล่อของเดือน”
พูดประโยคนี้ไปหัวใจก็เจ็บไป ดวงเดือนรู้ดีว่า ความรักของเราไม่มีวันสมหวัง จอมตรัยไม่คิดอะไรมากกว่าตนมากกว่าน้องสาว ที่สำคัญอีกไม่ถึงเดือนเขาก็จะเข้าประตูวิวาห์กับคนรักที่เพียบพร้อมทั้งรูปร่างหน้าตา ฐานะและการศึกษา ความรักครั้งนี้จึงได้แต่เก็บไว้ในใจ แอบเศร้า แอบรักตามลำพัง
คล้อยหลังจอมตรัยเดินออกไปจากห้องครัว ไม่ถึงหนึ่งนาทีส้มสาวใช้ประจำบ้านได้เดินมายังห้องครัวพร้อมกับสาวสวยนักเรียนนอก
“สวัสดีค่ะคุณป้า” วรรณฤดีหรือนิ่ม บุตรสาวของพ่อเลี้ยงแสงชัย เจ้าของไร่กาแฟที่ใหญ่เป็นอันดับสามของจังหวัด ยกมือไหว้สวยงาม
“สวัสดีจ้ะหนูนิ่ม ไม่ได้เจอตั้งนาน กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ สวยขึ้นนะลูก” เนตรนภารับไหว้ ก่อนทักทายตอบกลับ
“สวัสดีค่ะพี่นิ่ม” ดวงเดือนที่รู้จักวรรณฤดีมานานหลายปี แม้ว่าจะไม่ได้สนิทสนม แต่เห็นหน้าก็พูดคุยกันถูกคอ “พี่นิ่มสวยขึ้นจริงๆ ด้วยค่ะ สวยมาก”
ดวงเดือนมองวรรณฤดีด้วยสายตาชื่นชม ซึ่งเธอชื่นชมอีกฝ่ายมานานแล้ว วรรณฤดีเป็นแบบฉบับหญิงสาวจอมมั่น มั่นใจในตัวเอง รักความถูกต้อง เก่งและแกร่ง
“ชมกันอย่างนี้ ตัวนิ่มจะลอยเป็นลูกโป่งแล้วนะคะ” วรรณฤดียิ้มกว้าง เธอชินชากับคำชมเพราะไปไหนมาไหนมักได้ยินคำพูดประมาณนี้เสมอ “คุณพ่อฝากของขวัญวันเกิดมาให้ค่ะ พรุ่งนี้คุณพ่อมาด้วยตัวเองไม่ได้เพราะเข้ากรุงเทพแต่เช้า ฝากนิ่มมาขอโทษคุณป้าค่ะ”
“ไม่เห็นต้องลำบากเลยกับของขวัญเนี่ย คนกันเองแท้ๆ แต่ป้าก็ขอบใจสำหรับของขวัญนะ”
เนตรนภารู้จักแสงชัยมาตั้งแต่เด็ก อาจพูดว่ารู้จักกันมาตั้งแต่จำความได้ เป็นเพราะครอบครัวของนางกับแสงชัยรู้จักกันตั้งแต่รุ่นทวด มีความสนิทสนมกันมาก คอยช่วยเหลือซึ่งกันและกันมาตลอดจนถึงทุกวันนี้ แสงชัยอายุน้อยกว่าเนตรนภาเจ็ดปี
“ส่วนกล่องนี้ของนิ่มค่ะ พรุ่งนี้นิ่มต้องไปกรุงเทพกับคุณพ่อ คงไม่ได้มาร่วมงานเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันเกิดของคุณป้าค่ะ” ผู้พูดวางถุงกระดาษที่ใส่กล่องของขวัญคู่กับถุงของบิดา “ส่วนถุงนี้ฝากให้พลนะคะ นิ่มกลับมาจากฝรั่งเศส ซื้อน้ำหอมมาฝากพลค่ะ”
“ขอบใจมากจ้ะหนูนิ่ม” เนตรนภากล่าวด้วยรอยยิ้ม “อยู่กินข้าวเย็นกันก่อนนะ วันนี้ป้าแกงเขียวหวานไก่ด้วยนะ มีขนมจีนด้วย ป้าจำได้ว่า นิ่มก็ชอบกิน”
“นิ่มกะมาฝากท้องกับคุณป้าค่ะ พอดีนิ่มมีเรื่องอยากปรึกษาพลค่ะ”
“แหมพูดถึงพล ป่านนี้ยังไม่กลับบ้านอีก ไปตั้งแต่ตอนสายแล้วนะเนี่ย” เนตรนภาบ่นบุตรชาย “เดือน ป้าวานเดือนไปตามพลหน่อยสิ จะได้ให้พลคุยกับหนูนิ่มระหว่างรอกินข้าว ถ้ารอกินข้าวเสร็จ กว่าจะได้คุยกันก็คงมืดค่ำ หนูนิ่มขับรถกลับบ้านดึกๆ ดื่นๆ มันอันตราย ป้าเป็นห่วง”
“ไม่ต้องรบกวนเดือนก็ได้ค่ะคุ้ณป้า นิ่มรอได้ค่ะ” วรรณฤดีกล่าวอย่างเกรงใจดวงเดือน
“ไม่เป็นไรค่ะพี่นิ่ม เดือนไปตามพี่พลให้เองค่ะ แว้นไปแปปเดียวเองค่ะ” แม้ว่าดวงเดือนจะไม่อยากไป เพราะไม่อยากเจอหน้าจอมพล แต่ก็คิดว่า ถึงไม่อยากเจอก็ต้องเจออยู่ดี ข้อสำคัญเนตรนภาเอ่ยปากไว้วานตน ครั้นจะปฏิเสธมันก็กระไรอยู่ พูดจบดวงเดือนก็เดินออกจากห้องครัว หยิบกุญแจรถขับเคลื่อนสองล้อที่วางอยู่ชามแก้มตรงชั้นวางของ ก่อนจะเดินออกไปบ้านไปตามจอมพล
ดวงเดือนนำรถมาจอดใต้ต้นหูกวางต้นใหญ่ตรงท้ายไร่ เดินด้วยเท้าไปยังเส้นทางเล็กๆ ที่มีก้อนกรวดก้อนใหญ่ไปตลอดทาง เธอเดินไปตามทางจนเห็นคนที่ตัวเองต้องมาตามกลับบ้าน ที่ตอนนี้กำลังนั่งอยู่ในเก้าอี้หวายแบบโยกได้ จอมพลไม่ได้นั่งตกปลาหรือนั่งอ่านหนังสือ แต่เขากำลังหลับ
“พี่พล” ดวงเดือนมาหยุดยืนห่างจากเก้าอี้หวายราวสองเมตร ร้องเรียกคนนอนหลับ แต่ดูเหมือนว่า เขายังไม่อยากตื่นจากนิทรา “พี่พล”
เธอเรียกซ้ำอีกครั้ง แต่ก็ยังเหมือนเดิม เขายังไม่ตื่น เธอจึงก้าวเท้าเข้าไปหาจนชิดกับเก้าอี้ที่เขานั่งอยู่ มือเรียวสวยแตะลงบนท่อนแขนกำยำ เขย่าเบาๆ
“พี่พลคะ คุณป้าเรียกค่ะ”
ดูเหมือนจอมพลจะหลับลึก ดวงเดือนใช้เสียงปลุกก็แล้ว เขย่าแขนก็แล้ว แต่พ่อเจ้าประคุณก็ยังหลับ ไม่มีทีท่าจะตื่น อยู่ๆ เธอก็นึกถึงเหตุการณ์ที่เขาแกล้งตน วันนั้นเธอนอนหลับอยู่ตรงระเบียง จอมพลใช้ขนนกมาลูบจมูกตน ส่งผลให้เธอสะดุ้งตื่น พอตนตื่นเขาก็หัวเราะ เธอหันซ้ายหันขวาเหมือนจะหาอะไรสักอย่าง เธอยิ้มกว้างเดินไปยังต้นมะขามที่อยู่ใกล้กัน มือเล็กเด็ดใบมะขามออกจากกิ่งมาหนึ่งใบ ก่อนเดินกลับมาหาจอมพล
ดวงเดือนปลุกจอมพลด้วยวิธีใหม่ ใบมะขามถูกจ่อตรงปลายจมูกของจอมพล ดวงเดือนขยับมือไปมาให้ใบมะขามสัมผัสกับจมูกของเขา เธอรู้ดีว่าจอมพลจะรู้สึกเช่นไร เขาจะคันจมูก และรำคาญ ซึ่งมันก็ใช่ตามที่ดวงเดือนตั้งใจ
จอมพลเริ่มมีปฏิกิริยาตอบสนอง เขาขยับใบหน้าช้าๆ ราวกับหนีความรำคาญที่ก่อกวนตรงปลายจมูก เธอยิ้มเมื่อสมใจ แล้วรีบชักมือหนีเมื่อมือใหญ่ยกขึ้นปัดสิ่งนั้น เมื่อเขาเริ่มนิ่งเธอก็เริ่มก่อกวนใหม่
“ว้าย!” เสียงร้องตกใจดังจากปากดวงเดือน สาเหตุของเสียงร้องมาจากจอมพลคว้าข้อมือดวงเดือนแล้วกระจากร่างสาวเข้าหาตัว ตอนนี้ดวงเดือนจึงอยู่บนตัวเขา ไม่เพียงแค่นั้น จอมพลใช้โอกาสนี้กอดร่างเธอไว้ “พี่พล ปล่อยเดือนนะ”
ดวงเดือนบอกร่างหนา ใช้มือยันอกกว้างหมายจะให้ตัวเองพ้นจากอ้อมกอดเขา ทว่าชำแขนใหญ่ที่รัดเอวคอดกิ่วไว้แน่น ไม่สามารถทำให้เธอดิ้นหลุดได้
“ไม่ปล่อย ก็อยากแกล้งพี่ทำไมล่ะ” เขาตอบกลับ ยิ้มกว้างให้สาวสวยที่นั่งกลางใจตน “เมื่อกี้พี่กำลังหลับฝันดี ฝันว่ากำลังกอดสาวสวยอยู่ เดือนทำให้พี่ตื่นก็ต้องรับผิดชอบสิ”
“ไม่เห็นเกี่ยวกันซะหน่อย ปล่อยนะ”
ดวงเดือนดันตัวเองตลอดเวลา น่าแปลกที่เธอไม่ได้รังเกียจอ้อมกอดของจอมพล ทั้งที่ตนไม่ชอบหน้า ไม่อยากอยู่ใกล้เขาสักเท่าไหร่ เลี่ยงได้ก็จะเลี่ยง ต่างกับจอมตรัยที่เธออยากใกล้ชิด อยากอยู่ในอ้อมกอดเขา แต่ก็มีโอกาสนั้นเลย
“เกี่ยวสิ ก็เดือนมากวนเวลาพี่ฝันนี่นา” เขากวนต่อ “แล้วในฝันพี่ก็กำลังหอมแก้มสาวสวยคนนั้นด้วย จมูกกำลังจะชนแก้มอยู่แล้วเชียว แต่เดือนมากวน ฉะนั้นเดือนต้องรับผิดชอบ”
“รับผิดชอบยังไงมิ...” เธอยังถามไม่จบประโยค ดวงเดือนก็ได้รู้คำตอบว่า ตนต้องรับผิดชอบความฝันสลายของเขายังไง
จอมพลหอมแก้มดวงเดือน
ดวงเดือนหน้าแดงเถือก ทั้งอายทั้งเขิน เพราะเกิดมาเพิ่งเคยถูกผู้ชายหอมแก้มเป็นครั้งแรก ยิ่งเป็นผู้ชายที่ไม่ชอบหน้า ชอบแกล้งตนตั้งแต่เด็ก พูดจากก็กวนประสาท นิสัยก็ไม่ดี เธอน่าจะไม่พอใจมากกว่าหรือโกรธ หาใช่รู้สึกเขินอาย และหัวใจเต้นถี่แรงแบบนี้
“พี่พล มาหอมแก้มเดือนทำไม” น้ำเสียงไม่เชิงตวาด ติดสั่นเล็กน้อย “เดือนจะฟ้องคุณป้า”
“หอมพี่คืนก็ได้นะ เราจะได้หายกันไง” พ่อคนชอบแกล้งพูดด้วยรอยยิ้ม
“ไม่พูดกับพี่พลแล้ว คนเจ้าเล่ห์ อึก...” ดวงเดือนทุบอกจอมพลเต็มแรง จอมพลจุกและเจ็บแต่ก็คุ้มที่ได้กอดได้หอมเธอ ก่อนจะคลายอ้อมกอด เธอรีบลุกขึ้นจากตัวจอมพล “คุณป้าให้มาตามพี่พล พี่นิ่มรอคุยธุระกับพี่พลอยู่”
แม้ว่าจะเขินอายกับเรื่องที่เขาทำ ทว่าดวงเดือนก็ทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมาครบถ้วน พูดจบก็ก้าวเดินดุ่มๆ หนีความอายที่เกิดขึ้นกับตัวเอง ขณะเดินก็อดแปลกใจไม่ได้ว่า ทำไมถึงไม่โกรธจอมพล หนำซ้ำหัวใจยังเต้นแรง บอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไร ความรู้สึกย้อนแยงกันพิกล
ส่วนคนฉวยโอกาสนั่งยิ้ม มองตามร่างดวงเดือนที่เร่งฝีเท้าเดินหนี ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นยืนแล้วก้าวเดินไปเส้นทางเดียวกับดวงเดือน พาหนะที่เธอใช้คือรถมอเตอร์ไซร์ ทว่าเจ้าของไร่ในอนาคตกระโดดขึ้นบนหลังม้าสีขาว ควบขี่อาชาไนยคู่ใจกลับบ้านหลังงามด้วยรอยยิ้ม