บทที่ 1 พี่น้องต่างสายเลือด 1

1638 Words
ติยคุณตรงดิ่งกลับจากอังกฤษอีกหนึ่งอาทิตย์ให้หลังจากที่บอกกับแม่บ้านเอาไว้ การปรากฏตัวของเขาไม่ได้สร้างความตกใจให้กับป้าส้มสักเท่าไรนัก มีแต่สร้างความกังวลเมื่อรู้ว่าเขาจะมาพักอยู่ที่บ้านในกรุงเทพฯ แค่เพียงวันเดียว หลังจากนั้นจะบินตรงไปเชียงรายเพื่ออยู่กับครอบครัวใหม่ ไม่ให้กังวลได้อย่างไรล่ะ เพราะทุกครั้งที่ริมฝีปากหนาเอ่ยคำว่า ‘ครอบครัวใหม่’ แววตาและน้ำเสียงของเขาไม่ได้บ่งบอกเลยสักครั้งว่ายินดีกับการได้รับสิ่งนี้เลยสักนิด ป้าส้มคอยดูแลเขามาตั้งแต่ยังเด็ก ทำไมจะไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้หัวดื้อแค่ไหน ดื้อพอๆ กับพ่อเขานั่นละ! ทั้งยังอารมณ์รุนแรง รักก็รักสุดหัวใจ เกลียดก็เกลียดสุดหัวใจ ไปสุดทุกทาง ใครห้ามก็ไม่ฟัง มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ห้ามปรามทั้งสองได้ นั่นคือแม่ของเขาที่เสียชีวิตไปแล้วเท่านั้น ป้าส้มพอจะเดาออกเลยว่าถ้าติยคุณไปเหยียบบ้านที่เชียงรายเมื่อไร มีหวังปฐพีได้ลุกเป็นไฟแน่ แล้วมันคงจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ เมื่อติยคุณตั้งใจไว้แล้วว่าทันทีที่เท้าเหยียบพื้นบ้าน เรื่องนี้จะต้องลุกลามใหญ่โตจนสองแม่ลูกพวกนั้นเก็บข้าวของออกจากบ้านเขาไม่ทัน ทว่า...ดูเหมือนแผนการจะไม่เป็นอย่างที่คิด ติยคุณยืนมองไปรอบๆ ตัวบ้านที่อยู่ใกล้กับไร่ชาซึ่งพ่อเพิ่งสร้างใหม่หลังจากแม่ของเขาเสียชีวิตได้ไม่นาน มันเป็นสถานที่ที่ทัศดนัยใช้หลบหนีจากความวุ่นวายและความเสียใจมาหลบพัก แต่ไม่ว่าบ้านหลังนี้จะถูกสร้างมาด้วยเหตุผลกลใด ติยคุณก็ไม่สนใจ นอกเสียจากกวาดสายตามองหาสิ่งมีชีวิตอีกครั้ง เพราะหลังจากที่รถแท็กซี่มาส่งเขายังหน้ารั้วบ้าน เขาก็ไม่เห็นใครโผล่หน้ามาต้อนรับเขาสักคนแม้ว่าจะกดกริ่งเรียกจนแทบจะพังคามืออยู่แล้ว ตกลงบ้านมีคนอยู่หรือเปล่า เงียบอย่างกับป่าช้า เขาอดคิดไม่ได้ มือกดกริ่งอีกหลายต่อหลายครั้ง ทว่าพอสิ้นเสียงกระหน่ำกริ่ง ก็ไม่มีเสียงอื่นใดนอกจากเสียงนกที่ร้องเจื้อยแจ้ว ไม่มีคนอยู่...แต่เขาค่อนข้างมั่นใจมากทีเดียวว่าจะต้องมีคนมาอยู่แน่ สังเกตจากรอบตัวบ้านที่มีการดูแลทำความสะอาดเรียบร้อย ถึงเขาจะไม่ได้มาเหยียบที่นี่นานนับสิบปี แต่ก็พอรู้จากป้าส้มมาว่าทัศดนัยเองก็ไม่ได้มาที่นี่บ่อยนัก และเพราะไม่ได้มาบ่อยจึงปล่อยให้รกร้างจนป้าส้มเผลอบ่นกับเขาบ่อยๆ เวลาเขาโทรกลับมาที่ไทยว่าเสียดายที่ทัศดนัยไม่เคยไปดูแล ทั้งที่ที่ดินผืนนี้ซื้อมาในราคาแพง ติยคุณพอนึกภาพออกเพราะเขาเคยเห็นสภาพของมันตอนที่พ่อไม่ใช้เป็นที่หลบมาเลียแผลใจก่อนไปอยู่อังกฤษมาก่อนแล้ว ยิ่งได้ยินว่าทัศดนัยมาทำไร่ชาลานนาทยาที่นี่ เขายิ่งมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าไม่ว่าอย่างไรก็มีคนอยู่ “ไม่มีคนงานบ้างเลยหรือไงนะ” ติยคุณอดบ่นพึมพำไม่ได้ มือรัวกดกริ่งอีกระลอกจนเกือบจะถอดใจแล้วยกโทรศัพท์มากดโทรหาพ่อ ไม่เซอร์ไพรส์อะไรอีกแล้ว แต่ก็ต้องหยุดชะงักไปเมื่อหูได้ยินเสียงใสของใครบางคนดังแว่วมา “มาแล้วค่า!” เขาปราดสายตาไปมองทันที ก่อนปะทะเข้ากับร่างแน่งน้อยของหญิงสาวคนหนึ่งในชุดชาวดอยที่พ่อค้าแม่ขายมักเอามาขายตามตลาดย่านท่องเที่ยวที่กึ่งวิ่งกึ่งเดินมาหยุดตรงหน้าด้วยสีหน้าประหลาดใจที่เห็นหน้าเขา “มาหาใครเหรอคะ” ไม่รู้จักเขาไม่ใช่เรื่องแปลก ติยคุณปราดมองตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ก่อนถามกลับ “คนงานเหรอ” “คะ?” “คุณพ่ออยู่ไหม” “คุณพ่อ?” สีหน้าของหญิงสาวแลดูงุนงงมากขึ้นไปอีก ติยคุณเหนื่อยหน่ายเหลือเกินเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเขาจะต้องมาอธิบายตัวเองว่าเป็นใครกับคนแปลกหน้า แต่ช่างเถอะ ไม่เคยเห็นหน้าเขา ไม่รู้จักเขาก็ไม่ใช่เรื่องแปลก “ฉันเป็นลูกชายของคุณทัศดนัย เพิ่งกลับจากอังกฤษ มาหาพ่อ” แทนที่จะมีเสียงร้อง ‘อ๋อ’ กลับคืนมา หญิงสาวดันมีสีหน้าตกใจขึ้นมาเสียเฉยๆ “ลูกชาย!?” “ทำไม” ติยคุณขมวดคิ้วมุ่น พินิจอีกฝ่ายขณะที่เธอมีท่าทางงกเงิ่นขึ้นมากะทันหัน “คะ...คุณพ่อไม่อยู่ค่ะ เพิ่งจะออกไปเมื่อเช้านี้เอง” แปลกใจที่เธอเรียกเจ้านายว่าคุณพ่อ แต่ไม่ทันจะได้คิดอะไรต่อ เพราะมีเรื่องที่ต้องคิดมากกว่า “ไปไหน” “ปะ...ไปฝรั่งเศสค่ะ” “ฮะ!? ฝรั่งเศส!? ไปกับใคร” ติยคุณถึงกับเสียงดัง เขาไม่ได้เตรียมใจที่จะมาเจอสถานการณ์อย่างนี้ นี่เขาตั้งใจมาเซอร์ไพรส์นะ ไม่ใช่ให้พ่อมาเซอร์ไพรส์กลับ! “...ค่ะ” อีกฝ่ายตกใจไม่น้อยที่จู่ๆ ติยคุณก็โพล่งขึ้นมา ตอบกลับด้วยน้ำเสียงตื่นๆ ติยคุณสูดหายใจเข้าเต็มปอด ร้อนรุ่มในอกไม่น้อย ก่อนมันจะทวีโชติช่วงไปอีกเมื่อเขาได้ยินคำตอบอีกคำถามหนึ่งที่เขาเพิ่งถามออกไป “แล้วพ่อไปกับใคร” “ปะ...ไปกับคุณแม่ค่ะ” คุณแม่...หรือว่า...? คราวนี้ติยคุณจ้องหญิงสาวตรงหน้าตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าเขม็งมากกว่าเดิม สัญชาตญาณบางอย่างบอกเขาว่าคนตรงหน้านี่แหละ คือ ‘น้องสาว’ นอกไส้ของเขาล่ะ! “เธอชื่ออะไร” เบนความสนใจมาที่หญิงสาวทันที เธอสะดุ้งโหยงน้อยๆ ช้อนตามองราวกับลูกนกกำลังหวาดกลัวสัตว์ที่ใหญ่กว่า “ลานนาค่ะ” “ลานนา...อ๋อ...” ที่มาของชื่อไร่ชา ‘ลานนาทยา’ นั่นเอง เพิ่งจะรู้ว่าลูกของนังงูอสรพิษหน้าตาเป็นอย่างนี้ พลันไล่สายตาพินิจไปยังดวงหน้า สบตากับดวงตาคู่สวยที่แพขนตาเบียดกันขึ้นจนหนาแน่น จมูกโด่งรั้น จนไปถึงริมฝีปากอิ่มสีชมพูเรื่อที่อยู่ระหว่างกลางแก้มป่องๆ ทั้งสองข้าง หน้าตาน่ารัก ผิวขาวผ่อง น่าทนุถนอมราวกับตุ๊กตากระเบื้องเคลือบ แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นงูพิษตัวลูก! ติยคุณไม่มีเหตุจำเป็นที่จะต้องใจดีอะไรด้วยทั้งนั้น กับคนที่หวังฮุบสมบัติของครอบครัวเขาแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องรักษามารยาทใดๆ ทั้งนั้น “เปิดประตู” “คะ?” “ฉันบอกให้เปิดประตู นี่มันบ้านฉัน เปิดเดี๋ยวนี้!” จู่ๆ ก็ส่งเสียงดังขึ้นมา ลานนาตกใจไม่น้อย กระนั้นก็ยอมวิ่งกลับเข้าไปในบ้าน เอากุญแจมาไขประตูรั้วให้ชายหนุ่มเข้ามาข้างในโดยลืมไปสิ้นว่าเธอควรจะโทรถามทัศดนัยก่อนว่าผู้ชายตรงหน้าใช่ลูกชายของเขาจริงไหม เพราะเธอไม่เคยเห็นหน้าค่าตาของติยคุณมาก่อน แต่ต่อให้โทรไปอย่างไร ทัศดนัยคงไม่รับสายเพราะตอนนี้น่าจะกำลังเดินทางอยู่ จากที่เห็นติยคุณเดินเข้ามาในรั้วพร้อมกับกดเบอร์โทรของบิดาโทรออกอย่างบ้าคลั่งแล้ว เธอพอจะเดาได้ “โธ่เว้ย!” ไม่สามารถติดต่อเลขหมายปลายทางได้ อาจารย์หนุ่มก็หัวเสียหนัก เขาเกือบจะโยนโทรศัพท์ทิ้งลงพื้นอยู่แล้วหากไม่หันมาเห็นหน้าของลานนาเสียก่อน โทรศัพท์เขาเป็นแบรนด์ยอดนิยมรุ่นใหม่ล่าสุด ขืนปาทิ้งไปล่ะก็ มีหวังนังผู้หญิงหน้าเงินคนนี้จะต้องเก็บเอาไปเป็นของตัวเองแน่ เขาไม่ยอมให้ใครหน้าไหนได้ของของเขากับครอบครัวไปทั้งนั้น ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ เขาก็จะไม่ยกให้! เลยได้แต่กำโทรศัพท์แน่น สูดหายใจเข้าปอดลึกอีกครั้งแล้วออกคำสั่ง “เอากระเป๋าของฉันเข้าไปไว้ในบ้านแล้วจัดห้องให้ด้วย” ลานนาเหลือบมองกระเป๋าลากใบเขื่อง ใบขนาดนี้ไม่คณามือเธอหรอก เห็นตัวเล็กอย่างนี้ เธอขนได้สบาย แต่สิ่งที่เธอสนใจมากกว่านี้คือเรื่องห้องมากกว่า “ให้นาเอากระเป๋าไปไว้ในห้องไหนดีคะ” ภายในบ้านสองชั้นหลังโตนี้มีห้องหับอยู่หลายห้องทีเดียว ถ้าเธอเดาไม่ผิด ห้องของติยคุณคงจะเป็นห้องใหญ่ที่อยู่ติดกับห้องของทัศดนัย หากทว่าติยคุณกลับเหลือบมองมาที่เธอด้วยสายตาเย็นชาแล้วยกยิ้มขึ้นมุมปากเล็กน้อย “เอาไปไว้ที่ห้องของเธอ” “หา?” เขาไม่ตอบคำถามแล้ว พูดจบก็เดินดุ่มๆ เข้าไปในบ้าน ทิ้งให้ลานนามองตามด้วยความสับสนว่าห้องมีตั้งเยอะ แล้วทำไมถึงต้องมาแย่งห้องเธอ ทว่าไม่มีเวลาให้เธอได้คิดหาคำตอบอะไรมากนัก เสียงร้องเรียกก็ดังมาเร่งให้เธอต้องรีบเข้าไปในบ้านด้วยความเร็วแสง ติยคุณมองแผ่นหลังบางที่พยายามแบกกระเป๋าเดินทางของเขาขึ้นไปบนบ้านแล้วก็ได้แต่หงุดหงิดในใจเพียงลำพัง ในเมื่อทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผนที่เขาวางไว้ งั้นเขาจะจัดการกำจัดน้องสาวที่ไม่ต้องการออกไปก่อนเป็นรายแรกแล้วกัน หลังจากนี้ เขาจะทำตัวเป็น ‘พี่ชาย’ ที่แสนดีให้ดูเอง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD