บทที่9

1847 Words
“คุณหมอชื่อภีมหรอคะ” ฉันได้ฟังแล้วก็อึ้งเขาชื่อเดียวกับฉัน อร๊ายยย เนื้อคู่ชัดๆ “เดี๋ยวผมไปส่งคุณที่แผนกรับยาแล้วพาไปส่งบ้าน” พูดจบก็เดินออกไปจากห้องแล้วกลับเข้ามาพร้อมรถเข็น ว้า! ก็นึกว่าจะอุ้มฉันออกไปเหมือนตอนพามาซะอีก แต่เดี๋ยวนะ! เมื่อกี้เขาบอกว่าจะไปส่งฉันที่บ้านด้วยหรอ “คุณหมอจะไปส่งที่บ้านจริงๆ หรอคะ” "ใช่ทำไมหรือว่าคุณไม่สะดวกถ้างั้น....." "เปล่าค่ะสะดวกค่ะ" ฉันรีบพูดก่อนที่หมอภีมจะเปลี่ยนใจ (ต่อไปนี้ฉันจะเรียกเขาว่าหมอภีมแล้วนะทุกคน หมอภีมข๊าาา แค่คิดก็ฟินนน) หมอภีมเข้ามาพยุงฉันไปที่รถเข็นแล้วก็เข็นฉันจนมาถึงแผนกจ่ายยา “รออยู่ตรงนี้ก่อนนะเดี๋ยวผมไปรับยาให้” พูดแล้วก็เดินไปที่ช่องรับยา “พรีม” ทันทีที่หมอภีมเดินออกไปเสียงอันคุ้นเคยดังมาจากด้านหลังพอหันไปฉันก็เห็นเป็นพี่น็อตยืนอยู่ “พรีมเป็นอะไรแล้วนี่ขาไปโดนอะไรมา” พี่น็อตเดินเข้ามาหาฉันด้วยสีหน้าที่ดูเป็นห่วงฉันมากแต่ฉันไม่ได้สนใจจะคุยด้วย สวย เริ่ด เชิ่ด หยิ่ง นี่แหละฉันค่ะ “พรีมยังโกรธพี่อยู่หรอ” พอเห็นฉันไม่คุยด้วยพี่น็อตก็ทำหน้ารู้สึกผิดขึ้นมาแต่ขอโทษฉันไม่รู้สึกสงสารสักนิด “เดี๋ยวสิพรีม” พี่น็อตเข้ามายืนขวางหน้าตอนที่ฉันจะเดินหนี “พรีมไม่มีอะไรจะคุยกับพี่น็อตค่ะ” ฉันจะเดินหนีแต่พี่น๊อตก็ไม่ยอม “หลีกค่ะ” ตอนนี้พี่น็อตเป็นแค่ผู้ชายน่ารังเกียจคนนึงและก็เป็นคนที่ชาตินี้ฉันไม่อยากจะเจอหน้าหรือยุ่งเกี่ยวอะไรด้วยอีกแต่เพราะเท้าฉันยังเจ็บอยู่พอก้าวออกไปได้แค่ก้าวเดียวก็รู้เรื่อง “ให้พี่ช่วยดีกว่านะ” พี่น็อตเข้ามารับตอนที่ฉันกำลังจะล้มได้พอดีแล้วมันก็เป็นจังหวะเดียวกับตอนที่คุณหมอภีมของฉันเดินกลับมา สายตาหวานคมคู่นั้นมองฉันสลับกับพี่น็อตเหมือนกำลังคิดอะไรก่อนจะพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย “นี่ยาของคุณส่วนค่ารักษานอกเหนือจากนี้เอาบิลมาเก็บที่ผมได้เลย ถ้ามีคนมารับแล้วงั้นผมขอตัวไปทำงานก่อนนะ” เขาวางถุงยาไว้ที่รถเข็นแล้วเดินออกไปทันที เดี๋ยวสิเขาจะทิ้งฉันไว้แบบนี้ได้ไง ฉันยังไม่ได้บอกสักหน่อยว่าจะกลับกับคนอื่น “ให้พี่ไปส่งที่บ้านนะ” “ไม่ต้อง” ฉันสลัดมือพี่น็อตออก “แต่พรีมเจ็บเท้าอยู่นะคะจะกลับเองยังไง” “ต่อให้ตอนนี้พรีมจะแขนขาพิการพี่น็อตก็ไม่ต้องมายุ่งกับพรีม” ฉันคว้าถุงยาแล้วสะบัดหน้าสวยๆ ออกมาอย่างไร้เยื่อใย คนอย่างฉันเจ็บแล้วรู้จักจำเวลารักก็ทุ่มใจให้จนหมดแต่ถ้าเกลียดแล้วก็เกลียดเลยนะ ฉันเดินขากะเผลกๆ ออกมาจนถึงหน้าโรงพยาบาลเพื่อจะเรียกแท็กซี่เพราะตอนปั่นจักรยานออกมาฉันลืมหยิบมือถือมาด้วยเลยโทรหาให้ใครมารับไม่ได้ ในระหว่างที่ยืนรอแท็กซี่มีรถคันหนึ่งขับเข้ามาจอดฉันจำได้ว่ารถหรูราคาสามสิบล้านคันนี้เป็นของหมอภีมเพราะว่ารถรุ่นนี้ป๊าเคยพาฉันไปดูแต่ฉันไม่ชอบเลยไม่เอา “ทำไมมายืนอยู่ตรงนี้” ฉันสังเกตว่าวันนี้หมอภีมจะไม่พูด ครับ กับฉันแล้ว อาจเป็นเพราะเห็นฉันใส่ชุดนักศึกษาเลยคิดว่าฉันอายุน้อยกว่าตัวเอง “มารอแท็กซี่ค่ะ" “แล้วผู้ชายคนเมื่อกี้ล่ะ” “ผู้ชายคนเมื่อกี้” ฉันขมวดคิ้วแล้ว อ๋อ ในใจทันที อย่าบอกนะว่าเขาคิดว่าฉันกับพี่น็อตเป็นแฟนกันน่ะ "ไม่รู้สิคะ" หมอภีมทำหน้าเหมือนอยากถามฉันว่า จะไม่รู้ได้ไงเมื่อกี้ยังยืนกอดกันอยู่เลย “แล้วจะนั่งแท็กซี่กลับยังไงขาเจ็บอยู่ผมว่าคุณควรโทรให้คนที่บ้านมารับนะไม่ก็.....ให้แฟนมารับ” "ฉันไม่มีแฟนค่ะไม่มีจริงๆนะคะโสดมากด้วย" ฉันรีบออกตัวก่อนที่จะถูกเข้าใจผิกแต่สีหน้าหมอภีมตอนที่ฉันปฏิเสธเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ "แล้วกลับเองไหวหรอ" “ไม่ไหวก็ต้องไหวค่ะทำไงได้ก็ไม่มีใครมารับนิ” ฉันแกล้งทำหน้าตาน่าสงสาร ประหนึ่งผู้หญิงตัวคนเดียวที่ไร้ญาติขาดมิตรแล้วมันก็ดันได้ผลค่ะเพราะตอนนี้หมอภีมลงมาจากรถแล้วก็กำลังเดินตรงมาหาฉัน “ขึ้นรถเดี๋ยวผมไปส่ง” “ขอบคุณค่ะ” ฉันตอบตกลงทันทีงานนี้ไม่มีคำว่าเกรงใจค่ะ ยุค5Gแบบนี้ขืนเอาแต่เล่นตัวก็อดกันพอดีสิ “เดินเองไหวหรือเปล่า” “ไม่ไหวค่ะ” ฉันส่ายหน้า ถ้าล้มพับเป็นลมได้ฉันทำไปแล้วค่ะ “งั้นเดี๋ยวผมช่วยพยุงไปที่รถ ขอโทษนะ” พอพูดขอโทษเสร็จหมอภีมก็เอามือข้างนึงประคองสะโพกฉันส่วนมืออีกข้างโอบไหล่ฉันแล้วพาฉันเดินมาที่รถ หน้าฉันกับหมอภีมใกล้กันมากใกล้จนฉันได้กลิ่นโรงพยาบาลจากเสื้ออันเป็นกลิ่นประจำตัวของคนเป็นหมอ อร๊ายยย ฉันชักจะชอบกลิ่นโรงพยาบาลขึ้นมาแล้วสิ คุณหมอขาอยากถูกจับฉีดยา “จะให้ผมไปส่งที่ไหน” “สวนสาธารณะแถวๆที่คุณหมอขับรถชนพรีมก็ได้ค่ะ” “พรีม” หมอภีมทวนชื่อฉันทันทีค่ะทุกคน คงจะตกใจที่ฉันกับเขาชื่อเดียวกันแน่ๆ “ค่ะพรีมแต่ชื่อของพรีมกับคุณหมอน่าจะสะกดไม่เหมือนกันนะคะเพราะพรีมเห็นชื่อจริงคุณหมอที่อยู่ป้ายหน้าห้องสะกดด้วยตัว ภ สำเภา แปลว่าชื่อเล่นก็ต้องใช้ ภ สำเภา” ฉันหันไปยิ้มให้ “เห็นด้วยหรอ” คุยกับฉันแต่ตามองถนน “เห็นสิคะ กับคนที่พรีมสนใจพรีมสังเกตทุกอย่างแหละค่ะ” ฉันไม่ลืมที่จะหยอดคำหวานพร้อมกับส่งสายตาหวานฉ่ำไปให้ ปกติผู้ชายทุกคนที่เจอฉันใช้มุขนี้มักจะไปไม่เป็นทุกรายแต่นอกจากหมอภีมจะไม่แสดงท่าทีอะไรตอบกลับยังนั่งทำหน้าน้ำแข็งใส่ฉันอีกด้วย แล้วภายในรถก็ถูกปกคลุมด้วยความเงียบ เงียบจนฉันคิดว่าตัวเองอยู่ในป่าช้า ให้ตายสิ ขับรถมากับนักศึกษาสวยๆอย่างฉันทั้งทีไม่คิดจะถามหรือชวนคุยอะไรเลยหรอ ใจคอคุณหมอจะนั่งทำหน้าน้ำแข็งตลอดทางเลยหรือไงนะ “ที่นี่ใช่มั้ย” เขาหันมาถามฉันเมื่อขับมาถึงสวนสาธารณะที่ฉันมานั่งวาดรูปกับยัยมีน “ค่ะ” พอได้รับคำตอบหมอภีมก็เลี้ยวรถเข้าไปจอดก่อนจะลงจากรถแล้วเดินอ้อมมาฝั่งที่ฉันนั่งอยู่และสิ่งที่ทำให้หัวใจมันเต้นโครมครามอยู่ข้างในก็เพราะตอนนี้หมอภีมส่งมือมาให้ฉันค่ะทุกคน ฉันพยายามเก็บอาการสุดๆ เพราะมือของหมอภีมวางอยู่ที่สะโพกฉันในขณะที่มือนิ่มๆ อีกข้างประคองไหล่ฉันไว้อย่างนุ่มนวล “โอ๊ยย” จังหวะที่ก้าวลงจากรถฉันก็แกล้งเจ็บขาแล้วซบลงไปที่ไหล่กว้าง “ไหวหรือเปล่า” “ถ้าบอกว่าไม่ไหวคุณหมอจะอุ้มพรีมมั้ยคะ” ฉันโฉบสายตาขึ้นไปมองใบหน้าหล่อเหลา เชื่อไหมว่าแค่แทนตัวเองด้วยชื่อเล่นฉันก็เขินจะแย่แล้วค่ะไม่อยากคิดถึงตอนนั้นเลย “เดี๋ยวผมช่วยพยุง” คำพูดสั้นๆมาพร้อมกับสีหน้าเรียบเฉยว่าแล้วหมอภีมก็พยุงฉันลงจากรถแต่อย่าคิดนะว่าคนอย่างฉันจะยอมแพ้ง่ายๆ ไม่อุ้มไม่เป็นไรค่ะเพราะตอนนี้ฉันได้ฉวยโอกาสซบหน้าลงไปที่ไหล่กว้างเนียนๆ แล้วฝันว่าตอนนี้ฉันกับหมอภีมกำลังประคองกันเข้าสู่ประตูวิวาห์ “พรีมมม ขาแกไปโดนอะไรมา” เสียงยัยมีนที่ดูตกอกตกใจทำให้ภาพฝันของฉันจบลง “รถชน” “รถชน ตายแล้วแล้วนี่แกเป็นอะไรมากมั้ย” ยัยมีนรีบวิ่งเข้ามาดูฉันส่วนหมอภีมพอเห็นว่าฉันเจอเพื่อนก็รีบเอามือออกจากสะโพกกับไหล่ฉันทันที ขอเกลียดยัยเพื่อนตัวดีได้มั้ยคนกำลังฝันหวานแท้ๆ “ไม่เป็นไรเจ็บขานิดหน่อยแล้วฉันก็ไปหาหมอมาแล้วด้วย” “ถึงว่าหายไปตั้งนานฉันก็เป็นห่วงแทบแย่รู้มั้ยฉันไปตามหาแกแต่ก็ไม่เจอนี่ก็ว่ากำลังจะโทรไปบอกป๊าแกแล้วนะ แล้วนี่ใครหรอ” หลังจากร่ายยาวยัยมีนก็มองไปยังคนที่ฉันยืนเกาะแขนอยู่สายตาของเพื่อนฉันตอนนี้เหมือนกำลังพูดอยู่ในใจว่า ร้ายนะยะหมอคนนั้นใช่มั้ย “ขับรถมากันหรือเปล่า” “ค่ะ” ฉันกำลังจะบอกว่าไม่มีรถแต่ยัยมีนก็แย่งตอบก่อน “งั้นผมฝากไปส่งเพื่อนด้วยนะไปถึงก็เอาผ้าเย็นประคบอีกสักหน่อย” “เดี๋ยวสิคะคุณหมอ” หมอภีมหันกลับมามองฉันด้วยสายตาที่กำลังถามว่า มีอะไรอีก “คือว่า…….” ต่ะ….ตายแล้ว ฉันจะพูดอะไรกับเขาดีนะปกติมีแต่ผู้ชายตามตอแยด้วยสิ “คือว่า……ถ้าพรีมจะเอาใบเสร็จไปเบิกค่ายาพรีมจะติดต่อคุณหมอได้ยังไงคะถ้าไง……พรีมขอเบอร์ติดต่อคุณหมอไว้ได้มั้ยคะ” โชคดีที่ฉันเป็นคนหัวไวเลยคิดข้ออ้างขึ้นมาได้อย่างแนบเนียน งานนี้ฉันต้องได้เบอร์เขาแน่ๆ “โทษทีผมลืมไป” แล้วเขาก็ส่งนามบัตรมาให้ฉัน เยสสส! “งั้นผมขอตัวนะ” ฉันมองตามหมอภีมที่เดินลิ่วๆ ไปโน่นแล้วก่อนจะเอานามบัตรในมือขึ้นมาดูด้วยความอิ่มอกอิ่มใจ “ฮ่าาาา สุดยอดเลยคุณหมอ” ยัยมีนหัวเราะฉันเสียงดังเพราะนามบัตรที่หมอภีมให้มาเป็นนามบัตรของโรงพยาบาลค่ะแล้วแน่นอนว่าเบอร์ติดต่อก็เป็นเบอร์โทรของโรงพยาบาลเหมือนกัน “นี่คุณหมอเขาซื่อหรือเขารู้ทันแกเลยให้นามบัตรโรงพยาบาล” หลังจากหัวเราะฉันจนพอใจยัยเพื่อนตัวดีก็ทับถมฉันต่อค่ะ “จะซื่อหรืออะไรก็ช่างยังไงฉันก็ไม่มีทางยอมแพ้คุณหมอหน้าน้ำแข็งนั่นหรอก คอยดูนะภายในสามวันฉันจะต้องได้เบอร์เขา” “พรีมแกรู้ตัวมั้ยว่าตอนนี้หน้าแกน่ากลัวมาก”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD