Episode-๐๕ เพียงฝัน ฉัตรนรินทร์

2262 Words
หลายวันผ่านไป เป็นหลายวันที่ฉันร้องไห้จนเช้า ร้องจนเหนื่อยแต่ก็ยังคงใช้ชีวิตได้ตามปกติ “สภาพจิตใจแย่สุขภาพก็จะแย่ตามไปด้วยนะ” “อะไร ?” ฉันหันไปถามเอ้ที่อยู่ ๆ มันก็พูดขึ้น “ข้าวอะแดกมั่งอย่าอวดเก่งให้มากทั้งที่ตัวเองจะตาย” ไม่พูดเปล่ามันยังยื่นชาเย็นปั่นกับข้าวเหนียวหมูมาตรงหน้าฉันอีกด้วย “แล้วไม่ต้องนึกถึงมันล่ะกูซื้อให้มึงแดกก่อนที่มันจะมาจีบมึงซะอีก” ใช่ค่ะ ปกติเบียร์จะซื้อให้เช่นกัน “เออเนอะ” อมยิ้มให้คนตรงหน้าแล้วรับมากินแต่โดยดี รสชาติมันไม่แย่ค่ะแต่สภาพฉันตอนนี้กินอะไรก็ไม่อร่อยสักอย่างแต่เห็นแก่ความหวังดีของเพื่อนเลยต้องจำใจกิน “ได้งานหรือยัง” “ยังเลย ยังไม่ได้ไปสมัครด้วยแล้วมึงล่ะ” “รอมึงเนี่ยไปด้วยกันไหมร้านอาหารในห้างสรรพสินค้า” “เอาสิ” “งั้นพรุ่งนี้ไปนะ” “อืม” วันนี้มาเรียนค่ะ แน่นอนว่าต้องเจอเบียร์อยู่แล้ว “หมั่นส้นตีนฉิบหาย กูกระทืบให้ไหม” “ช่างมันเหอะต่างคนต่างอยู่จบ ๆ ไป” วันนั้นที่ตามมาฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพ่อพูดอะไรไปบ้างเพราะหลังจากวันนั้นเบียร์ก็ไม่โทรมาอีกเลยแต่เพื่อนเขาโทรนะคะ “เพียงฝัน” “อย่ามายุ่งกับกู” ไม่ได้สนใจว่าพิ้งค์จะพูดอะไรฉันก็เดินขึ้นตึกมาก่อนเลย บอกว่าไม่อยากสนใจแล้วก็คือไม่สนใจจริง ๆ ค่ะ “ใจเย็นนะ หายใจเข้าลึก ๆ เรียนเสร็จก่อนค่อยว่ากัน” ปกติฉันจะนั่งกับเบียร์แต่ตอนนี้ฉันเปลี่ยนมานั่งกับเอ้แล้ว ตลอดชั่วโมงเขาเอาแต่จ้องมองฉัน เป็นอยู่แบบนั้นกระทั่งหมดวันนั่นแหละ “ให้กูไปส่งที่ไหน” ฉันหันไปถามเอ้เพราะทุกวันมันไม่เคยอยู่กับที่เลยค่ะ “ไปบ้านมึงครับวันนี้พ่อกูไปดื่มกับพ่อมึง ป่านนี้คงตั้งวงแล้ว” “งั้นมึงขับ กู...” “ฝัน” น้ำเสียงคุ้นเคยเอ่ยเรียกก่อนจะหยุดยืนตรงหน้าฉัน “ขอคุยด้วยหน่อยสิ” “ไม่ให้คุย! ไม่มีอะไรต้องคุยอีก” เอ้ตอบกลับแทบจะทันทีแล้วแทรกกลางระหว่างฉันกับเบียร์ “กูจะคุยกับฝันไม่ได้จะคุยกับมึง” “กูไม่ให้คุยมีอะไรไหม ?” “อ๋อ... รอเวลานี้มานานแล้วสินะ” “ปัญญาอ่อน! อย่าคิดว่าคนอื่นจะสันดานเหี้ยเหมือนตัวเองสิ ถ้ากูคิดกับมันเกินเพื่อนจริง ๆ มึงไม่มีทางได้อยู่ข้างมันหรอก” “พอแล้วเอ้ไปเหอะ” ไม่รอให้มันได้ตอบก็ลากมันขึ้นรถทันที คนแบบนี้คุยไปก็เสียเวลาเปล่า “มึงแม่ง! ไม่น่าห้ามกูเลย” “อย่ามีเรื่องกันเพราะกูเลยนะมันไร้สาระ” “ไม่รับปากถ้าพูดจากวนส้นตีนอีกกูไม่ไว้หน้ามันแน่” ความเงียบเกิดขึ้นกระทั่งถึงบ้านฉันแล้วเรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเพราะเบียร์ตามมาติด ๆ “ตามมาทำไม” “ขอโทษ” “มีประโยคอื่นดีกว่านี้ไหม” “เราไม่ได้ตั้งใจ” “มึงตั้งใจ!! มึงตั้งใจทุกอย่างเบียร์ ความรู้สึกคนเรามันเปลี่ยนกันได้กูพยายามเข้าใจหลายครั้งแล้วแต่มันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ทำไมมึงถึงกล้าทำแบบนี้ ? กูไม่ว่าเลยถ้ามึงบอกว่ารู้สึกดีกับคนอื่นหรือเจอคนที่ใช่กว่าแต่นี่อะไร!! มึงบอกว่ามึงรักกูแล้วตอนมึงจะเอากันมึงเอากูไปไว้ที่ไหน ฮึก... คนรักกันเขาทำกันแบบนี้เหรอวะ” “เบียร์ยอมทุกอย่างเลยฝัน เราไม่เลิกกันนะ” สองแขนสวมกอดฉันก่อนจะคุกเข่าแล้วซบใบหน้าลงตรงหน้าอก “ขอโทษ จะไม่เป็นแบบนี้อีก” “ขอโทษไปมันก็ไม่เหมือนเดิมแล้วเบียร์” “ขอโอกาสสักครั้งนะ แค่ครั้งเดียวจริง ๆ” “...” นานหลายนาทีที่เบียร์เอาแต่กอดขอร้องอ้อนวอนอยู่แบบนั้น เขาคิดว่าแค่ขอโทษแค่รู้สึกผิดแล้วความรู้สึกฉันจะกลับมาเหมือนเดิมหรือไง “มึงรู้ว่าทำแบบนั้นแล้วเราจะเป็นแบบนี้มึงทำทำไมวะ ฮึก... แล้วอีเหี้ยนั่นก็ไม่ใช่คนอื่นเลยกูให้ทุกอย่างทั้งความเชื่อใจทั้งความรู้สึกแล้วดูสิ่งที่พวกมึงทำ! ขอโทษแล้วยังไง รู้สึกผิดแล้วยังไง มึงคิดว่ากูจะเหมือนเดิมได้อีกเหรอ” “ขอโทษ ขอโทษจริง ๆ” เขายังคงพร่ำอยู่แบบนั้นจนฉันทนไม่ไหวและเป็นฝ่ายผละออก “ไม่เลิกกันนะฝัน” “กลับไปเถอะ กลับไปหามัน” จบประโยคฉันก็สะบัดตัวออกจนหลุดพ้นจากเขาแล้วไปหลบข้างหลังพ่อที่ยืนดูอยู่ห่าง ๆ เบียร์ก็ยังคงตามมา เขาคุกเข่าลงตรงหน้าพ่อด้วยท่าทีสำนึกผิด “ผมผิดทุกอย่าง ผมขอโทษครับ” “ลุงรับคำขอโทษนะ แต่ทุกอย่างจะเป็นเหมือนเดิมหรือเปล่าก็คงต้องแล้วแต่เพียงฝัน แล้วก็หวังว่านายจะเคารพการตัดสินใจนี้ด้วย” “ผมรักฝะ...” “แต่ยังรักไม่มากพอ” พ่อไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกแค่หันมองฉันเป็นเชิงตั้งคำถามว่าจะเอายังไง “กลับไป มึงไม่เลิกแต่กูเลิก” “ฝัน” “พอเถอะเบียร์ เลิกอธิบายได้แล้วมันไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกแล้ว ถามว่ากูรักมึงไหมกูตอบได้เต็มปากว่ารัก แต่การกระทำของมึงมันทำให้กูไปไม่เป็น ให้เวลากูหน่อยสัญญาเลยว่าเจอกันอีกครั้งกูจะไม่เป็นแบบนี้อีก กูจะไม่ร้องไห้และจะยิ้มให้มึงเหมือนที่ผ่านมา กูขอ... กูขอจริง ๆ” ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีกมีเพียงเราสองคนที่มองหน้ากันแล้วร้องไห้ออกมาเงียบ ๆ รักแต่ไปต่อด้วยกันไม่ได้ความรู้สึกมันเป็นอย่างนี้นี่เอง “กลับไปก่อนนะลูก เว้นระยะห่างให้กันสักพักแล้วค่อยคุยกันใหม่” แม่เอ่ยพลางรั้งเบียร์ให้ลุกขึ้นแล้วพาออกไปจากตรงนี้ คล้อยหลังเขาฉันก็เข้าห้องแล้วร้องไห้ออกมาอย่างหนัก ดีใจที่เขาง้อแต่อีกใจมันไปต่อไม่ไหวจริง ๆ จบแบบนี้มันดีที่สุดแล้ว นานหลายชั่วโมงที่เอาแต่ขังตัวเองอยู่ในห้องไม่ว่าใครมาเคาะประตูเรียกฉันก็ไม่หือไม่อือกับเขา ไม่อยากเจอหน้าใครทั้งนั้นกระทั่งใครคนหนึ่งไขกุญแจเข้ามา “มานี่มา” น้ำเสียงอ่อนโยนเอ่ยพลางอ้าแขนรับกอดฉัน “ฮึก! ฮือ...” พี่ปั้นไม่พูดอะไรนอกจากกอดตอบแล้วฟังเสียงร้องไห้ของฉันอยู่แบบนั้น “เขาบอกว่าเขารักหนู แต่ทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะคะ” “...” “ทำไมคนนั้นถึงเป็นคนที่หนูไว้ใจ ฮึก... ทำไมเขาถึงกล้าทำ” ฉันยังคงตั้งคำถามโง่ ๆ ออกไปทั้งที่รู้อยู่เต็มอกแต่ก็ยังก้าวผ่านมันไปไม่ได้สักที “เจ็บสินะ อยากร้องก็ร้องเลย ร้องจนกว่าจะพอใจ” นานหลายนาทีที่พี่ปั้นกอดปลอบและฟังเสียงสะอึกสะอื้นของฉัน นอกจากจะไม่ห้ามแล้วเขายังอนุญาตให้ฉันร้องได้ตามอำเภอใจจนรู้สึกเหนื่อยไปเอง “เงียบทำไม เหนื่อยแล้วเหรอ” ผละกอดออกแล้วเช็ดน้ำตาให้จนหมด “จำความรู้สึกวันนี้เอาไว้นะเพียงฝันแล้วอย่าพาตัวเองกลับมาเป็นแบบนี้อีก คนเราถ้าไม่เจอคนที่ตัวเองรักจริง ๆ ไม่เจอคนที่อยากใช้ชีวิตด้วยจริง ๆ มันไม่มีทางหยุดหรอก ต่อให้หนูจะดีแค่ไหนหนูก็เปลี่ยนใครไม่ได้หรอกนะ” “รู้ค่ะ แค่อยากข้ามผ่านความรู้สึกนี้ไปเร็ว ๆ เท่านั้นเอง” เคยได้ยินมาว่าความซื่อสัตย์เป็นสิ่งที่แพงที่สุดในโลกฉันว่ามันจริงค่ะ เราล้วนจ่ายมันด้วยความรู้สึกที่มี ทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจจนลืมไปว่าเราอาจจะไม่ใช่โลกทั้งใบของเขาก็ได้ “ไปอาบน้ำนะพี่รอตรงนี้” “ค่ะ แต่...พี่ไปทำงานแล้วไม่ใช่เหรอ” จำได้ว่าเขาเข้ากะกลางคืนค่ะ “หรือแอบไปดูเสียงเพลงอีกแล้ว” “อืม วันนี้หยุด ทำพรุ่งนี้เรารีบไปอาบน้ำเถอะเดี๋ยวพี่รอ” “ค่ะ” เข้ามาในห้องน้ำเห็นตัวเองในกระจกแล้วหมดสภาพ ตาบวมช้ำอย่างกับคนโดนต่อยแน่ะ “ไม่ร้องไห้แล้วนะ เธอมันเก่งอยู่แล้ว” ให้กำลังใจและยิ้มให้คนในกระจก จากนั้นก็รีบทำธุระส่วนตัวแล้วออกไปหาพี่ปั้นที่รออยู่ ไม่รู้เลยค่ะว่าเวลานี้มันกี่โมงรู้แค่ว่าดึกแล้ว “อยากกินก๋วยเตี๋ยว” ถึงกับละสายตาจากมือถือเมื่อได้ยินฉันพูดแบบนั้น “ตีหนึ่งเนี่ยนะ ?” “...” “แถวบ้านเราปิดหมดแล้วถ้ามีก็คงเป็นตัวเมือง” “จริงด้วย งั้นเราไปพรุ่งนี้ก็ได้” “วันนี้สิครับ เราอยากกินตอนนี้ไม่ได้อยากกินพรุ่งนี้” เขาว่ายิ้ม ๆ พลางโยกศีรษะฉันเล็กน้อย “ไปกันเถอะ” “ชุดนี้เหรอคะ ?” ฉันว่าพลางชี้มือเข้าหาตัวเองที่สวมใส่ชุดนอนลายหมีสุดน่ารัก “น่ารักจะตายไม่มีใครสนใจหรอกใคร ๆ เขาก็กินตอนกลางคืนกันทั้งนั้นขนาดตู้เย็นยังมีหลอดไฟเลย” “คิกคิก พูดดีมีเหตุผล” ในที่สุดก็หลุดขำมาจนได้ โชคดีของฉันแหละที่มีคนรอบข้างแสนอบอุ่นและน่ารัก พี่ปั้นพาฉันมาที่ตลาดสดในตัวเมืองค่ะบริเวณนี้เขาขายกันทั้งวันทั้งคืนอยู่แล้ว ของกินระรานตาเต็มไปหมดเลย “มัวแต่วุ่นวายเรื่องของหนู เรื่องของพี่ล่ะคะไปถึงไหนแล้ว” “พี่กำลังเป็นคนคุยอยู่” อยากจะหัวเราะให้ค่ะแต่ต้องกลั้นเอาไว้เดี๋ยวเขาจะรู้ว่าฉันน่ะแอบเจอเสียงเพลงมาตลอด แถมยังคอยรายงานด้วยว่าพี่ชายตัวเองหงอยแค่ไหน “ปกติไม่เห็นง้อใครแบบนี้สักที” “ถึงได้บอกไงว่าใครเปลี่ยนเราไม่ได้หรอกนอกจากเราจะเปลี่ยนเพราะอยากมีเขาอยู่ในชีวิต” “รักไหมคะ” “รักสิ” “ถ้ารักแล้วทำไมไม่ปล่อยเขาไปล่ะในเมื่อพี่ไม่ตั้งใจดูแลให้ดีแต่แรก” “ไม่มีใครปล่อยให้คนที่ตัวเองรักไปเจอคนที่ดีกว่าหรอกนะ มั่นใจว่ารักก็แค่เปลี่ยนตัวเองให้ดีกว่าเดิม” “อิจฉาเสียงเพลงได้ไหม ผู้ชายอย่างพี่น่าจะมีอีกสักคน” “พี่ไม่ดีหรอกพี่แค่รักเขาเท่านั้นเอง” อิจฉาพ่อกับแม่แล้วยังต้องมาอิจฉาความรักของพี่ชายตัวเองอีก เฮ้อ...ฉันนี่มันอาภัพจริง ๆ เลย “สั่งให้ด้วยนะคะหนูไม่เอาผัก” “หนูไม่กินผักตั้งแต่เมื่อไหร่ ?” “ตั้งแต่วันนี้แหละ ลองเปลี่ยนบ้างเผื่อมันจะอร่อยขึ้น” ฉันว่ายิ้ม ๆ แล้วแยกตัวมาร้านสะดวกซื้อเพื่อซื้อของใช้ส่วนตัว ระหว่างที่เลือกของก็สังเกตเห็นว่าใครคนหนึ่งชำเรืองมองฉันอยู่ตลอด ฉันเองก็คุ้นหน้าเขานะคะแต่มันนึกไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหนจนเขาเอ่ยทักทายขึ้น “จำไม่ได้เหรอ ?” “เราเคยเจอกันใช่ไหมคะ หนูก็คุ้นแต่นึกไม่ออก” ฉันตอบกลับตามมารยาทแล้วก็มั่นใจว่าเคยเจอแน่นอน “พี่ไงที่เรามาส่งของอาทิตย์ก่อน” “อ๋อ! ที่พ่อบอกว่าลูกค้าประจำนี่เอง” “ฮ่า ๆ พี่ไม่ใช่ คนโน้นต่างหาก” เขาว่าพลางชี้มือไปด้านหลังฉันแต่ยังไม่ทันหันไปมองก็มีเสียงตอบกลับมาก่อนแล้ว “อะไรเหรอครับ” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยก่อนจะหยุดยืนข้างฉัน ปากเขาพูดกับพี่คนนั้นก็จริงแต่กลับเสมอสายตามาที่ฉันแทน คนอะไรสูงชะมัดเลยขนาดฉันสูงร้อยเจ็ดสิบหัวยังแค่ไหล่เขาเองค่ะ “พี่ชื่อน่านฟ้านะ นี่น้องชายพี่ลูกค้าประจำของพ่อเรานั่นแหละ” “ค่ะ หนูชื่อเพียงฝันนะคะไว้มีโอกาสจะไปส่งอีก” “โอกาสน่ะมีแน่นอนไม่ต้องห่วงเพราะเจ้าของรถเปลี่ยนอะไหล่เก่งมาก” “ไม่เคยได้ยินเหรอครับว่าบางอย่างซื้อใหม่ดีกว่าซ่อม” “อย่ามาพูดเลยพี่เห็นไม่พังสักอันแค่เป็นรอยหน่อยนายก็ทิ้งแล้ว” “ก็นั่นแหละ ไม่อยากเห็นไงเลยต้องหาใหม่เหมือนแฟนเก่ากับแฟนใหม่” “เกี่ยวอะไรกัน ?” “ไม่บอกหรอกคิดเอาเอง” “...” ออกจากร้านสะดวกซื้อก็กลับมาหาพี่ปั้นตามเดิม “ซื้ออะไรมา” “ถุงยาง” “ทะลึ่ง!” “ฮ่า ๆ คืนนี้นอนด้วยนะ” “ถ้าไม่ร้องไห้จะให้นอน” “ไม่ร้องค่ะสัญญา” ฉันว่าพลางชูสามนิ้วให้ด้วย “หนูเด็กหญิงฉัตรนรินทร์จะไม่ร้องไห้ให้เห็นอีกแล้วแต่ขออนุญาตแอบเศร้านิดหน่อย นิดหน่อยจริง ๆ และจะรีบหายกลับมาดีเหมือนเดิมเลยค่ะ” พี่ปั้นถึงกับส่ายหน้าให้ค่ะ ฉันตั้งใจไว้แล้วแต่ตอนนี้ขอเวลาหน่อย อีกไม่นานจะดีขึ้นเพื่อตัวเองแน่นอน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD