“บ้านนั้นเขาเป็นลูกค้าประจำเรามานานแค่ไหนแล้ว” ฉันเอ่ยถามพ่อเมื่อกลับมาถึงบ้าน
“สองสามปีแล้ว ถามทำไม ?”
“เขาจะจีบหนู”
“...”
“แต่หนูไม่สนใจหรอก ตอนนี้หนูชอบชีวิตอิสระมากกว่า”
“พูดแบบนี้แสดงว่าตอนที่มีแฟนหนูไม่ได้รับอิสระเลยสินะ” คำพูดตรง ๆ ของพ่อทำเอาฉันเป็นใบ้ไปชั่วขณะเพราะมันเป็นแบบนั้นจริง ๆ “ช่างเถอะ! ความรักครั้งต่อไปของหนูพ่อขออวยพรให้เจอคนรักที่ดีแล้วกัน” มือหนาลูบศีรษะฉันเล็กน้อยแล้วเดินไปหาแม่ที่กำลังทำมื้อเย็นอยู่
ว่ากันว่าพรของพ่อแม่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด ไม่รู้ว่าจริงไหมซึ่งฉันก็คาดหวังให้มันจริงนะคะแต่ว่าตอนนี้ฉันยังไม่พร้อม ฉันยังอยากอยู่คนเดียว
ครืด ... ครืด ...
“ว่าไงมึง” เป็นเอ้ค่ะที่โทรมา
[มีร้านเปิดใหม่ในตัวเมือง ไปไหมเดี๋ยวกูไปรับ]
“มึงกับกูจะเป็นพรีเซนเตอร์ทุกร้านไม่ได้นะ”
[ฮ่า ๆ เออนั่นแหละตามนั้น]
“ขอพ่อก่อนเดี๋ยวกูโทรกลับ”
[โอเค]
วางสายจากเอ้ฉันก็เดินตรงไปหาพ่อและบังเอิญเห็นความน่ารักของพ่อกับแม่อีกแล้ว
“ไม่ได้บอกลูกเหรอคะว่าเบียร์มาหา”
“ลูกตัดสินใจแบบนั้นแล้วไม่เห็นมีความจำเป็นอะไรต้องบอก”
“ความรักเด็ก ๆ พี่ต้องเข้าใจด้วย”
“ไอ้ความรักเด็ก ๆ ก็เข้าใจอยู่หรอกแต่ในเมื่อมันถึงตอนจบแล้วก็จบเถอะ ในโลกนี้ไม่มีความเสียใจไหนสอนเราได้ดีเท่ากับการเจอด้วยตัวเองหรอกนะ เหมือนเราสองคนไงอธิบายให้ตายคนที่ไม่เข้าใจเขาก็ไม่เข้าใจอยู่ดีนั่นแหละ เพราะฉะนั้นปล่อยให้มันเป็นไปในแบบที่มันควรจะเป็นครับ”
“กับกำปั้นไม่เห็นพี่จะอ่อนโยนแบบนี้บ้างเลย”
“ปกตินะ ผู้หญิงกับผู้ชายสอนคนละแบบก็ถูกแล้วหรือจะให้พี่ลงไม้ลงมือกับเพียงฝันล่ะ”
“ลองดูสิคะเราได้เห็นดีกันแน่!”
“น่ะ! แล้วหาว่าพี่ลำเอียง”
“เปล่าสักหน่อยพูดเองเออเองทั้งนั้น จะแก่นยังไงแต่เพียงฝันก็เป็นผู้หญิง”
นานหลายนาทีที่ฉันมองพ่อกับแม่หยอกล้อกันและเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัวจนคนที่ถูกมองหันมานั่นแหละ
“ว่ายังไงครับลูกสาว”
“ไม่ว่าค่ะแค่จะมาบอกว่าวันนี้ไปดื่มกับเอ้นะ”
“กลับกี่โมง”
“ไม่เกินเที่ยงคืน”
“อย่าดื่มให้มากนักนะ”
“โอเคค่ะ” ขานรับอย่างเข้าใจก่อนจะฉีกยิ้มกว้างให้แล้วกดโทรกลับไปหาเอ้
ราวครึ่งชั่วโมงมันก็มาค่ะ
“เดี๋ยวนะ ทำไมวันนี้มึงเรียบร้อย” ไม่พูดเปล่ามันยังมองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกด้วย “ไอ้เศษผ้าขี้ริ้วไปไหนหมดหรือลุงเก้าเผาทิ้งไปแล้ว”
“กูจะเรียบร้อยบ้างไม่ได้เลยว่างั้น”
“ไม่ได้มันแปลก!!”
“กวนตีน”
“ฮ่า ๆ” ก็ไม่ได้เรียบร้อยซะทีเดียวหรอกค่ะแค่มันมิดชิดกว่าทุกวันนิดหน่อย
มาถึงร้านคนเยอะมากซึ่งเป็นเรื่องปกติของช่วงโปรโมชั่นร้านเปิดอยู่แล้ว
“มึง... เราไปร้านอื่นกันไหม” อยู่ ๆ เอ้มันก็พูดขึ้น
“ทำไมล่ะ มึงเจอคู่อริเหรอ” เป็นเรื่องปกติค่ะที่อยู่ ๆ ก็นึกอยากจะเปลี่ยนร้านเจอคนไม่ถูกชะตามันก็เปลี่ยนแล้วเสียบรรยากาศมันว่างั้น
“กูน่ะไม่แต่มึงไม่แน่” จบประโยคมันก็เบี่ยงตัวเล็กน้อยและทำให้ฉันมองเห็นเบียร์ที่อยู่โต๊ะถัดไป “สงสัยมึงคงก้าวเท้าออกจากบ้านผิดข้าง”
“ไม่ผิดหรอก ไม่แน่กูอาจจะเจอรักแท้คืนนี้ก็ได้” บอกออกไปอย่างไม่ใส่ใจมากนักแล้วนั่งลงโดยที่ฉันหันหลังให้เบียร์
“ใครสั่งสอนให้มึงตามหารักแท้ในร้านเหล้าวะ”
“กูสอนตัวเอง”
ยิ่งดึกก็ยิ่งสนุกค่ะ ฉันมากับเอ้สองคนแต่ว่าบังเอิญมันเจอคนรู้จักเลยชวนมานั่งด้วยกัน ชื่อปริ้นกับเฟรมค่ะ
“เรานั่งผิดที่หรือเปล่าวะ” ปริ้นเอ่ยก่อนจะมองไปด้านหน้าทีด้านหลังที “หรือว่าเขามองโต๊ะเรา” ได้ยินแบบนั้นฉันจึงหันไปมองบ้าง ด้านหลังคือเบียร์ค่ะเขามองฉันนั่นแหละและคงกำลังสงสัยว่าสองคนนี้เป็นใคร ส่วนด้านหน้าฉันคือแก๊งคนหล่อ! หล่อจริงค่ะคุ้นหน้าแต่นึกไม่ออกว่าเคยเจอหรือผ่านตาที่ไหน และใช่ค่ะเขากำลังมองฉันอยู่
“ไปห้องน้ำก่อนนะ” ไม่รอให้ใครได้ตอบฉันก็แยกตัวออกมาเลย
ทำธุระส่วนตัวเสร็จก็เช็กความเรียบร้อยของตัวเองหน่อยก่อนจะเดินกลับไปที่โต๊ะ แต่ว่ายังไม่ทันพ้นบริเวณห้องน้ำใครคนหนึ่งก็ขวางไว้ซะก่อน
“แต่งตัวอะไรวะ” น้ำเสียงไม่พอใจเอ่ยพลางรั้งแขนฉันให้เดินตามไปกับเขา
“ปล่อยนะ! แต่งอะไรมันก็เรื่องของฉันนายอย่าเสือก”
“อย่าทำตัวแบบนี้นะฝัน” มือหนากระชากแขนฉันเต็มแรงเมื่อได้ยินคำพูดหยาบคายพวกนั้น
“แบบนี้นี่มันแบบไหน ? อย่าสำคัญตัวผิดไปหน่อยเลยเพราะฉันเป็นแบบนี้มานานแล้ว ชอบเที่ยว ชอบเข้าสังคม และชอบแต่งตัวอยู่แล้ว”
“เปลี่ยนไปเยอะเลยนะเมื่อก่อนไม่เห็นเป็นแบบนี้”
“นายไม่เห็นฉันเพราะมัวแต่มองคนอื่นไง”
“ฝัน...”
ฉันไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกแค่ผละตัวออกจากเขา มั่นใจว่าตัวเองจัดการความรู้สึกตัวเองได้แล้วแต่พอมาเจอกันซึ่ง ๆ หน้าอีกครั้งมันทำให้รู้ว่าฉันยังรู้สึกอยู่ ลึก ๆ ในใจยังคงเจ็บปวดด้วยซ้ำ
“มีอะไรให้ช่วยไหมครับ” ใครคนหนึ่งเอ่ยก่อนจะหยุดยืนตรงหน้าแล้วรั้งแขนฉันอย่างถือวิสาสะเพื่อดูรอยแดงที่เกิดจากการกระทำของเบียร์ “อย่าใช้ความรุนแรงกับผู้หญิงสิครับ”
“ยุ่งอะไรด้วย”
“ต้องยุ่งสิเพราะจะจีบอยู่เหมือนกันได้ข่าวว่าเลิกกันแล้ว” เขาว่ายิ้ม ๆ แล้วหันไปเผชิญหน้ากับเบียร์อีกครั้ง “นายน่ะควรเลิกยุ่งได้แล้ว”
“ขอโทษนะครับถ้าจะจีบแฟนผมก็คงต้องรอไปก่อน เราแค่...”
“โทษทีพอดีเจ้าตัวเขาบอกว่าโสด” น้ำเสียงกวนอารมณ์พูดแทรกขึ้นโดยที่เบียร์ยังพูดไม่จบด้วยซ้ำ แน่นอนว่าคำพูดนี้ทำให้เบียร์เลือดขึ้นหน้าและไม่สบอารมณ์อย่างเห็นได้ชัดแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะที่เขาพูดมันเรื่องจริง ฉันมันสาวพราวเสน่ห์ประกาศตัวว่าโสดตั้งแต่วินาทีแรกที่บอกเลิกแล้วค่ะ
“ไม่ว่านะถ้าฝันจะมีคนใหม่แต่ช่วยหาที่ดีกว่านี้หน่อยแล้วกัน”
“ฉันต้องหาคนที่ดีที่สุดในชีวิตอยู่แล้ว”
“...” เบียร์ไม่พูดอะไรออกมาอีกแล้วเดินหายไป
คล้อยหลังเขาฉันก็หันกลับมาสนใจใครอีกคนแทนซึ่งเขาก็มองฉันอยู่ เขาคือลูกค้าประจำของพ่อค่ะแต่จำไม่ได้ว่าชื่ออะไร
“จัดการความรู้สึกตัวเองได้เมื่อไหร่บอกนะ พี่รอจีบอยู่”
“เป็นใครมาสั่ง”
“เป็นแฟนในอนาคตครับ”
“แต่พ่อหนูดุนะ”
“พี่ดุกว่าพ่อหนูอีก”
“...”