EP.7 : ทางหนีไฟ

3657 Words
พัชชา Say :: @ชายหาดที่เกาะส่วนตัวของตะวันฉาย “ไม่ยุติธรรมเลย เค้าบอกให้หลบซ่อน ตัวเองเกาะติดโรสจนออกนอกหน้า แบบนี้เราก็ออกนอกหน้าได้ใช่ไหม” ต้นใช้มือทั้งสองข้างนาบแก้มของฉันเอาไว้ ขี้ใจน้อยกัน อยากสวีทเหรอ แค่นี้ก็สวีทจะแย่อยู่แล้ว “ที่เลือกมาที่นี่เพราะหนีนักข่าว อยากอยู่กับต้นแบบไม่ต้องกลัวอะไรเหมือนกัน วันนี้ผิงสวยรึเปล่า” “สวยสิ สวยที่สุดเลย ละสายตาไม่ได้เลยรู้ไหม” ต้นที่พยายามจะก้มหน้าลงมาจูบทำให้ฉันต้องเอี้ยวตัวหลบด้วยความเขินอาย ตันเลยเลือกที่จะห้อมแก้มฉันแทน “ดีนะ เจฟไม่อยู่ตรงนี้ ตามไปดูความปลอดภัยของงาน เวลามีน้อยต้องกอบโกย” ฉันเขย่งปลายเท้าใช้ปลายจมูกถูกกับปลายจมูกของต้น หัวใจเต้นตึกตักดีจัง ฉันช้อนสายตาคนที่ตัวสูงกว่า “หน้าแดงน่ารักจังเลย อยากเก็บเวลานี้ไว้นานๆ” คนที่พูดก้มลงมาเอาหน้าใกล้ฉันเรื่อยๆ ทำให้ต้องเผยอปากรอ “อีผิง เอ้า!!!!! กูไม่รู้ ไปก่อนดีกว่าคนกำลังสวีท กูจะมาบอกว่า เมฆมืดมาแล้วฝนมันจะตกเราจะต้องกลับฝั่งแล้ว พี่ตะวันโคตรน่ารักเลยว่ะ เหมือนที่มึงบอกจริงด้วย หัวใจจะละลาย” โรสที่เดินมาเม้าส์เรื่องพี่ตะวันทำให้ฉันมีความอยากจะใส่ใจเรื่องของเพื่อน จนต้องรีบไปล็อกคอเพื่อนเอาไว้เพื่อถามถึงสิ่งที่เกิดขึ้น “ไหนเล่าซิ มีอะไรคืบหน้า” โรสมองหน้าฉันสลับกับต้นน้อยๆ ถึงได้ตัดสินใจเล่าออกมาอย่างจำใจ “ก็เค้าชวนฉันดินเนอร์ที่โรงแรม มึงงงง เค้าน่ารักหัวใจกูเต้นตึกตัก ไปเถอะ ไปอยู่เป็นเพื่อนกูหน่อย กูอยากได้เค้าแต่กูเขิน” “ก็ไม่ควรเอาผิงไปยุ่ง อยากไปแรดกับผู้ชายก็ไป แต่อย่าเอาแฟนคนอื่นไปยุ่งด้วย ฉันหวง” ต้นลากแขนฉันไม่ยอมให้ฉันไป ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าต้นจะหวงฉันขนาดนี้ ดีใจนะเนี่ย “อุ้ยตายแฟนฉันหวงมาก ต้นไม่ต้องห่วงเลย ตอนนี้หัวใจเต้นสะเทือนไปทั้งนม” ฉันเดินเข้าไปจุ๊บเบาๆที่ปากของต้น เพื่อให้เค้ายอมปล่อยฉันมากับโรส แน่นอน ฉันอยากใส่ใจเรื่องของเพื่อนมากกว่าตัวเอง ขี้เผือกนั่นเอง เขินจังเลยจูบแรกเลยนะเนี่ย เมื่อกี้มันแตะนิดเดียวแทบจะไม่ได้โดนเลย อยากจูบอีกแต่ถ้าจูบแล้วมองหน้ากันก็เขินเกินไป ฮื่ออออออ เขินจนมือสั่นไปหมดแล้ว ทำยังไงดี “อีนี่จูบผู้ชายแล้วสะดิ้ง หมั่นไส้” “จูบแรกอ่า เขินไม่ไหว โอ้ยแลดูเป็นผู้หญิงแรด ฉันอยากจะบอกหัวใจยังเต้นไม่หยุด” “มึงเขินดังขนาดนี้ ต้นที่เดินตามเรามาได้ยินหมดแล้วมั้ง” โรสบอกฉันถึงต้นที่เดินตามมาทำให้ฉันหันไปมอง ต้นที่มีหน้านิ่วคิ้วขมวดต้องรีบยิ้มออกมาทันที โกรธอะไร โกรธที่ฉันจะไปหาพี่ตะวันเหรอ หรือโกรธอะไร ไม่เห็นจะเข้าใจเลย . . หลังจากที่ทุกคนแยกย้ายกันพักผ่อน ฉัน ต้น พู ก็มานั่งกินดื่มกันที่เลานจ์ของโรงแรม ส่วนพี่ตะวันกับโรสนั่งแยกไปอีกโต๊ะ ดูเพื่อนฉันเขินมาก พี่ตะวันก็สุภาพบุรุษมาก ไม่มีล่วงเกินหรือทำอะไรที่ไม่ดีเลย ช่างน่ารัก “ผิง อย่าให้พ่อรู้เลยนะ นักข่าวเห็นรู้ได้ทันทีเลยนะ เราหมั้นการเมือง วันหมั้นของแกในตลาดหุ้นไทยขึ้นมาตั้ง 50 จุด ทำอะไรเซฟๆหน่อย คุณแฟนก็ด้วยนะครับ พี่สาวผมมีชื่อเสียง ผมหวังว่าคุณจะรักษาชื่อเสียงของพี่ชายผม” “พู ไม่มีอะไรหรอกนะ ฉันคุยกับต้นแล้ว” ฉันหันไปยิ้มให้ต้น แต่ดูสีหน้าของต้นนั้นจะหงุดหงิดมาก มากจนฉันกับน้องเองก็รู้สึกได้ ไม่มีอะไรหรอก ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก ผิงแกคิดมากไป นั่นเพื่อนแกนะ แกคิดแบบนั้นกับเพื่อนไม่ได้ “ผิง เราไปเดินริมหาดกันไหม ต้นอยากไปเดินเล่น เหมือนไวน์ของผิงจะทำให้ต้นเมาได้ที่เลย ไปเดินตากลมกันไหม” ฉันออกมาเดินตากลมกับต้นที่ริมชายหาดส่วนตัวของโรงแรม ชายหาดที่ไร้ผู้คนมีแค่ฉันกับต้นที่เดินไปตามทางเดินของหาด ทะเลในตอนหัวค่ำแบบนี้ถูกฉาบให้เป็นสีม้วงอมดำ แทบไม่เห็นอะไรอีกแล้ว นอกจากคนที่เดินข้างๆฉันในตอนนี้ สายลมเย็นๆมันทำให้ฉันคิดอยากจะถามคำถามที่อยู่ในใจ “ต้นโกรธโรสเหรอ ฉันเห็นต้นอารมณ์ไม่ดี” คำถามของฉันทำให้ต้นชะงัก แล้วหันมาหัวเราะใส่ฉัน อะไรอะ ฉันคิดผิดเหรอ ก็อาการต้นมันฟ้องอะ “ใช่ที่ไหน ที่ตันหงุดหงิด เพราะไม่รู้ว่าตัวเองสามารถแสดงออกว่าเป็นแฟนกับผิงได้แค่ไหน แต่อีกคนที่ห้ามนู่น ห้ามนี่ ห้ามนั่นเรา กลับทำได้ทุกอย่าง ไม่ยุติธรรมเลย ทำไม คิดว่าต้นคิดอะไรกับโรสเหรอ ขี้หึงงั้นเหรอ อ้าาาา มันแปลว่า ผิงก็รักต้นใช่ไหมถึงได้หึง” ต้นรวบฉันมาไว้ในอ้อมกอด แววตาที่กำลังยิ้มอยู่มันบอกฉันว่า ฉันเองคิดมากไป ใบหน้าที่กำลังเลื่อนเข้ามาใกล้ฉันเรื่อยๆ ทำให้ฉันต้นหลบตาด้วยความเขินอาย “ใช่ที่ไหน คิดเองเออเอง” “เขินน่ารักจัง” เสียงกระเส่ากับลมหายใจของต้นที่มันใกล้ฉันแค่นี้เอง มันทำให้ฉันเผยอปากรอริมฝีปากของแฟนหนุ่ม ก็ต้องตกใจถึงเพราะบอดี้การ์ดของฉันรีบวิ่งมาแต่ไกล “คุณหนูครับ ท่านไทเกอร์โทรมาแจ้ง ถ้าให้มันจูบแม้แต่นิดเดียว ท่านให้ผมยิงผู้ชายคนนี้ทิ้งได้เลย” “ป๊าอยู่ที่นี่เหรอ อะไร โอ้ยยยย คนกำลังจะจูบ คนกำลังจะฟิน นำทางฉันไปหาป๊าเดี๋ยวนี้ ฉันจะไปคุยกับป๊าให้รู้เรื่อง” ด้วยความโมโหที่ถูกขัดจังหวะมันทำให้ฉันเดินปึงปังเขเาไปในโรงแรม ป๊าจะมายิงแฟนฉันไม่ได้นะ อะไรของป๊าเนี่ยยยย พอเดินเข้ามาล็อบบี้ของโรงแรมก็เจอพี่ตะวันกับไอ้พูยืนคุยอะไรกันอยู่ก็ไม่รู้ ท่าทางน่าสงสัย ฉันเลยเดินไปหาทั้งสองคน “ไอ้พู ป๊ามาเหรอ” “จะบ้าเหรอ ป๊าอยู่ฮ่องกง ป๊าไม่ได้มา แต่ฉันเจฟวีดิโอคอลไปให้ดูความแรดของลูกสาว แต่ตอนนี้ไม่ใช่ประเด็น ประเด็นของเราตอนนี้คือที่โรงแรมของพี่ตะวันโดนพวกชาวบ้านเอาปลาเน่ามาปาเต็มหน้าโรงแรมเลย อาจจะเพราะเราไปถ่ายแบบด้วย ฉันเลยคิดว่าจะไปเจรจากับชาวบ้านพร้อมกับพี่ตะวัน” “ฉันไปด้วยนะ ฉันอยากช่วย” “ไม่เอา ภาระเปล่าๆ” “มีแต่ผู้ชาย ประนีประนอมกันก็ไม่เป็น จะไปอธิบายยังไง มีผู้หญิงที่ทั้งพูดเก่ง สวย หุ่นดี และเซ็กซี่แบบฉันไปด้วยจะดีกว่า ช่วยได้อยู่แล้ว เพราะฉันสวย” “ไม่สวย!!!” แล้วทุกคนก็ตอบขึ้นมาพร้อมกันเลย พวกมีตาหามีแววไม่ สวยกว่าฉันก็ใหม่ ดาวิกาแล้ว ในระหว่างที่เราคุยกันอยู่ชัยก็เดิมาสมทบกับ บอกเราว่าเรือพร้อมแล้ว ฉันดึงดันจะไปกับพี่ตะวันและพูให้ได้ จนทั้งคู่จนใจที่จะห้าม เมื่อเราขึ้นมาบนเรือชัยก็ส่งปืนให้พี่ตะวัน ต้องถึงกับไปยิงกันเลยเหรอ การไปของเราไม่ได้ไปกันน้อยๆเลย ไหนบอกไปเจรจา ถ้าจะมีเรื่องกันละก็ ยังไงก็เอาทายาทให้รอดก่อน “เจฟ ดูแลพูไว้ ฉันไม่เป็นไร เข้าใจใช่ไหมถ้าพูเป็นอะไรบ้านเราจะแย่” “ครับคุณหนู กระผมและไอ้แสงจะดูแลทั้งสองคนอย่างเต็มที่” เมื่อมาถึงที่เกาะพวกชาวบ้านยังคงปาปลาเน่าใส่เราอย่างต่อเนื่อง โดยมีคนงานของทางเราออกมากันพวกชาวบ้านเอาไว้ กลิ่นคาวคละคลุ้งจากปลาเน่าเหม็นจนชวนที่อ้วกออกมา ยิ่งเรามาพวกนั้นก็ยิ่งประท้วงปาปลาเน่ากันหนักขึ้น ลมกรรโชกแรงเหมือนฝนจะตก มันพัดเอากลิ่นปลาเน่าให้ตีขึ้นรุนแรงจนแทบจะอ้วก “ออกไป ออกไป ออกไป!!!! ไอ้พวกผู้ดีตีนแดง ที่นี่บ้านของเราออกไป” เสียงพวกชาวบ้านโห่ร้องไล่เรา มันทำให้พี่ตะวันต้องออกไปเจรจา ฉันจะไปช่วยแต่ไอ้พูดึงฉันเอาไว้ แล้วเดินไปหาพี่ตะวันเอง ถ้าจะไม่ให้ฉันช่วยเลยจะให้ฉันมาทำไม ชาวบ้านคิดว่าเรามาทำสิ่งที่ไม่ดี เหล้ายาปาร์ตี้ และจะทำความฉิบหายมาในหมู่บ้านของพวกเขา และใจความสำคัญที่สุดคือ กลัวจะโดนเราไล่ไป พูเลยไปอธิบายว่าเรามาถ่ายงาน ไม่ได้มาทำที่ไม่ดีแบบที่พวกเขาคิด แต่มันเหมือนการสาดอารมณ์ใส่กันมากกว่า ฉันเลยเดินเข้าไปแทรกการสนทนา แล้วดันพวกผู้ชายออกไป และใช้วิธีที่ฉันถนัด “เอาใหม่นะคะ เอาใหม่ๆ อย่าไปฟังพวกนั้นฟังฉันดีกว่า พี่ตะวันสามีของฉันนั้นซื้อที่เกาะนี้ก็จริงนะคะ แต่เราไม่ได้มีเจตนาไล่ทุกคนไป เรายังอยู่ร่วมกันได้ เราจะช่วยกันพัฒนาชุมชนในจุดนี้ ทุกคนไม่อยากให้ลูกหลานได้มีโอกาสที่ดีเหรอคะ ถ้าที่นี่ได้เปิดโรงแรม ที่นี่จะเป็นแหล่งท่องเที่ยว ไม่ดีหรือคะ ที่ทุกคนจะได้มีอาชีพที่หลากหลาย ถ้าเรามัวแต่เอาตีกัน เมื่อไหร่ที่นี่จะพัฒนา พวกคุณสามารถพึ่งพาโรงแรมที่ใหญ่ขนาดนี้ได้นะคะ อาหารทะเลสดๆสามารถส่งเข้าโรงแรมได้ เพราะฉะนั้นถ้าพวกเราช่วยกันที่นี่จะไปต่อได้” ฉันหันไปมองพี่ตะวันด้วยรอยยิ้ม ทำให้พี่ตะวันต้องเดินมาลูบหัวของฉันเบาๆเป็นการขอบคุณ “พวกเราไม่ได้จะไล่คุณไปไหน ผมสามารถดูแลพวกคุณได้ทั้งหมดนี้ มันอาจจะดูเป็นเหมือนคำพูดสวยงาม แต่ผมสามารถจะดูแลพวกคุณให้มีข้าวกิน มีที่อยู่ เด็กๆมีการศึกษา ได้อยู่กับแบบไม่ลำบาก ได้โปรดเชื่อผม ว่าผมจะไม่ไล่พวกคุณไปไหนเลย อย่ากลัวเรา อย่างที่ภรรยาผมบอก ถ้าโรงแรมของผมมีคนตลอด มันก็เท่ากับพวกคุณจะมีงานตลอด พวกผู้ชายจะไม่ต้องไปทำงานไกล ทำงานที่นี่ได้เลย” พี่ตะวันโอบเข้าที่เอวของฉัน มันทำให้ฉันต้องปัดมือเขาออก แต่ก็ต้องคงรอยยิ้มเอาไว้ “พวกเราไม่เชื่อคุณหลอก พวกคนกรุงมันขี้โกหก” พวกชาวบ้านมีอาการครุ่นคิด กับสิ่งที่เราพูด “แล้วพวกเราเคยไปไล่พวกคุณรึไงครับ หรือเคยไปข่มขู่พวกคุณ” คำถามของไอ้พูทำให้ชาวบ้านมองหน้ากัน เพราะน้องชายฉันมันตะโกนเสียงดัง เหมือนกับพยายามจะหาเรื่อง ฉันเลยต้องดันไอ้พูให้ออกไปไกลๆ พวกชอบใช้กำลังออกไปไกลๆเลย “ผมขอให้คำสัญญา ผมไม่คิดว่าจะไล่พวกคุณไปจากเกาะแต่อย่างใด ตอนนี้ได้โปรดกลับไปก่อนนะครับ” กว่าฉันกับพี่ตะวันจะพูดให้ชาวบ้านยอมกลับไป ก็กินเวลานานมาก รู้ตัวอีกทีก็ไม่เหลือใครแล้ว มีแค่ฉันกับพี่ตะวัน ทุกคนหายไปตอนไหนไม่รู้ ฉันกับพี่ตะวันรีบวิ่งไปที่ท่าเรือ แต่เรือก็ไม่อยู่แลัว ลมก็แรง ฝนก็จะตก โอ้ยเล่นอะไรกันเนี่ยยยยย “น่าจะฝีมือน้องชายฉัน ขอโทษนะคะ” “อย่าเพิ่งพูดเลย ฝนเหมือนจะตก เข้าไปในตึกก่อนแล้วเดี๋ยวเราค่อยโทรไปเรียกคนมารับ” ฝนที่ลงเม็ดทำให้พี่ตะวันใช้มือบังหัวให้ฉันแล้ววิ่งฝ่าฝนเพื่อเข้าไปในตึกที่มืดสนิท แต่เอามือบังหัว แต่ตัวฉันก็เปียกนะ ฝนเม็ดใหญ่ที่เทสาดลงมาไม่ยอมหยุด ทำให้สัญญาณโทรศัพท์ของเราไม่ดีเลย จะโทรออกติดต่อใครก็ไม่ได้ พี่ตะวันเลยแนะนำให้เราไปที่ห้องช่างประจำอาคาร แต่มันมืดจนมองอะไรไม่เห็น ทำไมเวลาความซวยของฉันมันมาพร้อมกับฝนทุกทีเลยนะ “เดินเร็วสิ จะอยู่มืดๆแบบนี้หรือไง” พี่ตะวันลากแขนฉันที่ตัวเปียกเข้ามาตึกที่ยังไม่มีลิฟต์ แต่กลับต้องเดินไปที่ห้องช่างอาคารที่ชั้น 6 โดยมีแสงจากแฟลชโทรศัพท์ของพี่ตะวันนำทาง เราเดินขึ้นมาเรื่อยๆที่ละชั้น ฉันเหนื่อยจนขาจะลากอยู่แล้ว ทำไมเราต้องมาเดินที่ทางหนีไฟด้วยเนี่ยยยยย เมื่อเราขึ้นมาถึงชั้น 6 ประตูทางหนีไปมันดันถูกล็อก เปิดยังไงก็เปิดไม่ออก พี่ตะวันเลยหันมามองหน้าฉันด้วยความตกใจ อย่าว่าแต่พี่ตะวันตกใจ ฉันเองก็ตกใจ เราวิ่งลงบันไดแล้วเปิดประตูทุกชั้นที่เราเดินลง มันล็อกหมดแล้วทุกชั้น ฝนตกทำให้สัญญาณโทรศัพท์ในทางหนีไฟไม่มีสักขีด จะขอความช่วยเหลือก็ไม่ได้ แถมจะตะโกนเรียกคนข้างนอกยังไงก็ไม่มีคนเปิด “ไม่เปิดหรอก ที่นี่คนงานจะตัดระบบไฟ ทุก 3 ทุ่ม เปิดอีกที 6 โมงเช้า” พี่ตะวันนั่งลงที่ขั้นบันไดอย่างหมดหวัง “แต่นี่มันแค่ 2 ทุ่ม 40 นาทีเองนะ โอ้ยยยย ช่างเถอะ แล้วพี่พาฉันเข้ามาติดที่นี่ทำไม” “ก็จะพามาเปิดไฟ แล้วขึ้นไปที่ห้องตัวอย่างชั้นบนสุด เปิดระบบไฟได้จะได้ใช้ลิฟต์ไง ไม่นึกว่าจะโดนขังไว้แบบนี้ รอเช้าละกันตอนนี้คนงานคงกลับไปหมดแล้ว” พี่ตะวันพูดเหมือนกับมันไม่เดือดร้อน “เช้า แล้วจะนอนยังไง ที่นี่มันเหม็น ทั้งอับ ทั้งร้อน อากาศก็น้อย แถมฉันยังตัวเปียก พี่ไม่แกล้งฉันใช่ไหม” ฉันหันไปถามย้ำอย่างไม่ไว้ใจ “แกล้งอะไร ก็โดนขังอยู่ด้วยกัน” ฉันเดินมานั่งข้างพี่ตะวันอย่างอ่อนใจ เพราะอากาศมันน้อยเสื้อผ้าก็เปียกจนอับไปหมด มันทำให้ฉันทนไม่ไหวเลยถอดเสื้อคลุมตัวนอกออกเหลือแต่เสื้อสายเดี่ยวตัวเดียว ให้เสื้อผ้าเปียกมันได้ระบาย “ฉันแพ้อากาศร้อน แพ้แดด มันทำให้ฉันรู้สึกไม่แข็ง ขอโทษค่ะที่โวยวาย พี่คงพยายามช่วยที่สุดแล้ว” ฉันมองไปรอบๆตัวที่ตอนนี้น่ากลัวมาก ทั้งร้อน ทั้งอับ “ขอบใจนะที่ช่วยพูดกับชาวบ้านให้ ขอบใจที่ช่วย เธออาจจะเป็นภาระที่มีประโยชน์ก็ได้ กับแฟนเป็นยังไง รวยน่าดูเลยนะ แบรนด์เนมทั้งตัวเลย ทำงานอะไร มั่นคงไหม” “รวยเหรอ นั่นสิ ไม่เคยสังเกตเลย ต้นแค่พยักงานออฟฟิศนะ เอาเงินที่ไหนมาซื้อของพวกนั้นนะ แล้วพี่กับโรสเป็นยังไง เธอบอกพี่อยากรู้จักเธอ พี่อยากจะถอนหมั้นบอกฉันได้นะฉันยินดี ถ้าพี่มีแฟนที่ดีฉันก็พร้อมจะสนับสนุนนะ” ฉันส่งยิ้มให้พี่ตะวัน ฉันคิดแบบนั้นจริงๆ การหมั้นของเรามันแค่เรื่องหลอกๆอะ ถ้าพี่เขาจะมีตัวจริงฉันก็ยินดี “ไม่ใช่เพื่อนเธอแน่ๆ เพื่อนเธอสวย พูดเก่ง แต่ฉันไม่ชอบคนที่พูดแต่เรื่องของตัวเอง” พี่ตะวันพูดขึ้นมาพร้อมกับหลบตาฉัน ก่อนที่จะถอดเสื้อนอกที่เปียกของตัวเองออก เสื้อเพียงแต่เสื้อกล้ามตัวใน เพราะความร้อนและอบของบันไดหนีไฟ “วันนี้เหนื่อยมาทั้งวันนึกว่าจะได้นอนสบายๆ ฮื่อออออ พรุ่งนี้ฉันต้องนอนชดเชย” ฉันนอนฟุบลงกับหัวเข่าของตัวเอง คิดว่าจะใช้ขาของตัวเองเป็นที่พักพิงให้ได้หลับสักงีบ เพราะความเหนื่อยล้าจากการทำงานทำให้ท่าไหนก็หลับได้ในตอนนี้ แต่ยังไม่ทันที่ฉันจะหลับดี คนตัวใหญ่ก็ดึงฉันมาซบลงที่ตัก ฉันไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรหรือเขานึกว่าฉันหลับไปแล้ว แต่ทำไมต้องทำแบบนี้ “ขอบใจนะ ฉันไม่ได้คิดจะเลี้ยงพวกชาวบ้านไว้ แต่สิ่งที่เธอพูดทำให้ฉันเข้าใจ ว่าเรากับชาวบ้านอยู่ร่วมกันได้” เสียงเบาๆที่เหมือนจะขอบคุณฉันจริงๆ มันทำให้ฉันรู้สึกดีนะ ไม่ใช่รู้สึกรักหรือชอบ แต่รู้สึกดี ที่ฉันช่วยใครสักคนได้ “ได้สิคะ เราช่วยเค้า เค้าช่วยเรา” ฉันสปริงตัวขึ้นมายิ้มให้พี่ตะวัน แต่พี่ตะวันสิ ตกใจจนหน้าเหวอเลย “ยะ..ยังไม่นอนเหรอ” “ยังค่ะ ถ้าหลับแล้วจะได้ยินพี่ขอบคุณฉันเหรอคะ พี่ติดหนี้ฉันครั้งหนึ่งแล้วนะ” ฉันฉีกยิ้มหวานเพื่อทวงบุญคุณ พี่ตะวันต้องใช้หนี้ฉันแล้วล่ะ “ได้ยังไงต้องหายกันกับที่ฉันช่วยเธอดิ ฉันช่วยเธอ เธอไม่นับรึไง คนอะไรแบบนี้ แล้วเธอคิดยังไง เรียกฉันว่าสามี” “ก็ฉันแค่อยากจะช่วยพี่ ถ้าบอกเป็นอย่างอื่น มันก็ไม่มีสถานะในการเข้าไปสาระแนเรื่องของพี่สิคะ ไม่โกรธนะ ถือว่าหายกันที่พี่เรียกฉันภรรยาไง พวก Ulzzz มาทำให้พี่เดือดร้อน ฉันก็ต้องช่วยพี่สิคะ ฉันคิดว่าพี่เป็นลูกคนเดียว ต้องสู้คนเดียวมาตลอด ตอนนี้พี่มีฉันเป็นน้องแล้วนะ เฮ้อออออไม่คุยด้วยแล้วนะคะ ฉันเหนื่อยและง่วงมาก เมื่อกี้พี่ให้ยืมตักนอนแล้ว ขอยืมต่อเลยนะ” ฉันส่งยิ้มหวานก่อนจะทิ้งตัวนอนตะแคงลงบนตักของพี่ตะวัน ตะวันฉาย Say:: เป็นภาระที่อยากจะช่วยผมงั้นเหรอ แล้วเธอมาไว้ใจฉันได้ยังไง มานอนหนุนตักผู้ชายแรดจริงๆ จะกอดเธอได้ไหมนะ คงจะดูไม่ดี ผมทำได้แค่เอาเสื้อนอกของตัวเองคลุมขาให้พัชชา เพื่อกันยุงกัด ก่อนจะพิงไปกับกำแพงปูนที่โคตรจะแข็งเพื่อที่จะข่มตาหลับ เรียกเธอว่าผิงบ้างเธอจะโกรธไหมนะ “ผิง” ผมแกล้งเรียกเธอเบาๆ แต่ไม่มีเสียงอะไรตอบกลับเลย นอกจากเสียงกรน ยัยภาระ ผมก้มลงไปหอมหัวของเธออย่าเผลอตัว เดี๋ยว!!!! ผมกำลังเป็นอะไรไปเนี่ย ไปหอมหัวหมาทำไม สงสัยง่วงนอนจนเพี้ยน นอนดีกว่า ไม่ปกติแล้วเรา “แต่ที่จริงยัยนี่ก็น่ารักดีนะ” แล้วผมจะนอนได้ไหมเนี่ย ผมเองก็ไม่ใช่พวกที่ไหนก็นอนได้ซะด้วย ผมพิงกำแพงมองคนตัวเล็ก หลับง่ายเนอะ ที่ไหนก็นอนได้ เธอจะช่วยทุกคนไม่ได้นะผิง เธอช่วยทุกคนใครจะช่วยเธอ “ร้อนนนน นุ่ม ฉันร้อนนนนน” แล้วคนที่บ่นร้อนๆก็ลุกขึ้นมาถอดเสื้อสายเดี่ยวไหมพรมออกพร้อมกับกางเกงขายาวพริ้วๆที่เธอใส่อยู่ อาการเหงื่อแตกผลักๆของเธอช่างน่าสงสาร แต่นมเธอนี่มันนนนนน น่าดูจังเลยถอดแค่นี้พอนะ “อย่าถอดมากกว่า” “นุ่มมมมมม ฉันร้อนนนน” ไม่นุ่มเชื่อเถอะ ถ้าถอดมากกว่านี้มันจะไม่นุ่มอีกแล้ว มันจะแข็งแบบตีหัวแตกเลยล่ะ อีกด้าน ภูวดลกลับมาที่โรงแรมอย่างอารมณ์ดี ที่จับคู่ให้พี่สาวตัวเองกับตะวันฉายสำเร็จ ในระหว่างเดินกลับมาที่ห้องพักกลับได้ยินเสียงการทะเทาะกันออกมาจากห้องโรสเพื่อนพี่สาวของเขา [ ต้นอย่ามางี่เง่าได้ไหม ] [ งี่เง่าเหรอ ดี ก็ให้มันเป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว ต้นเองก็รักผิงมากอยู่แล้ว ยังไงผิงก็รักต้น ] เสียงบทสนทนามันทำให้ภูวดลสงสัย ว่าแฟนพี่สาว เหตุใดถึงอยู่ในห้องของเพื่อนพี่สาวตัวเองกันนะ แผนชั่วที่จู่ๆมันก็ผุดเข้ามาในหัว ก็เกิดขึ้น “คุณชายได้โปรดอย่ายิ้มแบบนั้นได้ไหมครับ กระผมใจคอไม่ดี คุณหนูผิงยังโกรธผมอยู่เลยที่โกหก” “ช่วยไม่ได้ เจ้าโอมไม่ได้อยู่ที่นี่ ฉันก็ต้องใช้แกสิ อย่าเรื่องมากเลยหน่า เอาหูมานี่” “ขังพี่สาวตัวเองไว้ที่เกาะไม่พออีกหรือครับ แค่นี้กระผมก็รู้สึกผิดต่อคุณหนูผิงพี่สาวคุณชายจะแย่อยู่แล้ว” ถึงเจฟหัวหน้าบอดี้การ์ดของพัชชาจะอิดออดแต่ก็ เอียงหูให้ภูวดลแต่โดยดี แผนการชั่วร้ายก็ถูกร่ายยาว แล้วจบด้วยคำว่า.....ความหวังอยู่ที่แกแล้ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD