“ผมจะกลับก่อน พรุ่งนี้เจอกันที่ที่ทำงาน”
เขาหมุนตัวเดินออกไป ก่อนจะหันมาทิ้งท้ายแบบที่คนฟังยังเอ๋อค้าง “ถึงบ้านแล้วโทร.มาบอกด้วยนะครับ”
สปันยืนงง ให้เธอโทร.กลับ ทำไมต้องโทร.กลับด้วยล่ะ หัวใจดวงน้อยเต้นแรงขึ้นมาอีกระลอก แถมคำพูดที่เขาทิ้งไว้เมื่อครู่ก็กระแทกใจเต็มเปา
ผมไม่ได้เป็นเกย์ ไม่ได้ชอบหมอก้อง
ให้ตายเถอะ นี่เธอเข้าใจผิด เขารู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ สปันเดินเอ๋อๆ กลับเข้าไปในห้องอีกทีก็พบกับสายตาเต็มไปด้วยคำถามมากมายของบิดามารดา
“คุณพ่อคุณแม่มองปันแบบนี้คือมีคำถามใช่ไหมคะ”
“คุณณัฐเศรษฐ์เป็นแค่เจ้านายจริงๆ หรือปัน” บิดาถามทันทีที่ลูกสาวเดินกลับเข้ามา
“จริงสิคะ เขาเป็นเจ้าของโรงพยาบาลนี้ แล้วก็เพิ่งไปซื้อบริษัทยาที่ปันทำงาน แล้วบังเอิญว่าเขาต้องมาที่โรงพยาบาล ปันเลยติดรถเขามาค่ะ”
“เดี๋ยวก่อนนะปัน เมื่อกี้ปันพูดว่ายังไงนะลูก” คนเป็นพ่อถาม
“เขาเป็นเจ้าของโรงพยาบาลอีลิทและบริษัทยาที่ปันทำงานอยู่ค่ะ”
คนเป็นพ่อเป็นแม่มองหน้ากันด้วยความตกใจ ก่อนจะหันไปทางบุตรสาว “พ่อไม่เข้าใจ คนระดับนั้นทำไมเขาต้องมาเยี่ยมพ่อพร้อมกับปัน เขาเป็นถึงเจ้าของกิจการใหญ่โต ส่วนปันเป็นแค่เซลส์ไม่ใช่หรือลูก”
“คุณพ่อคุณแม่คะ อย่าเพิ่งคิดไปไกลค่ะ ไม่มีอะไรแบบที่คุณพ่อคุณแม่คิดเลย ปันยืนยัน”
“จริงนะปัน” คนเป็นแม่ยังถามต่อ อดห่วงไม่ได้ ถ้าพ่อหนุ่มคนนั้นเป็นเจ้าของโรงพยาบาลแห่งนี้ ทั้งยังเป็นเจ้าของบริษัทยาที่บุตรสาวทำงาน ก็นับว่ารวยมาก แถมหน้าตาก็หล่อเหลาไม่น้อย นางกลัวว่าเขาจะมาหลอกตีสนิทกับลูกสาว แล้วหลังจากนั้นนางไม่กล้าคิดต่อเลย
“จริงๆ ค่ะคุณแม่ ปันขอยืนยัน ปันรู้จักตัวเองดีว่าปันเป็นใคร เขาเป็นใคร เขาหล่อรวยขนาดนั้น ปันไม่พาตัวเองไปสนิทกับเขาเกินกว่าเจ้านายลูกน้องแน่นอนค่ะ” สปันย้ำ เพราะรู้ว่าสิ่งที่บิดามารดาห่วงนั้นคืออะไร เธอเองก็พยายามไม่หลงเสน่ห์อันมากล้นของเขา ต้องคอยพยายามเตือนตัวเองเสมอว่าเขาเป็นเจ้านาย ส่วนเธอเป็นลูกน้อง
“พี่ปัน แล้วรถพี่ปันล่ะไปไหน ทำไมถึงมากับเขา” น้องชายถามขึ้นบ้าง ตอนนี้สปันเหมือนจำเลยที่ยืนอยู่ต่อหน้าศาลและอัยการ
“รถเสีย พี่โทร.เรียกช่างให้มาลากไป”
“พี่ปัน ปืนว่าคุณณัฐเศรษฐ์อะไรนั่นเขาเหมือนจีบพี่ปันอยู่เลยนะ ถ้าเป็นแค่เจ้านายทำไมต้องมาส่งพี่ปันแล้วยังตามมาเยี่ยมคุณพ่อด้วย”
สปันทำหน้าเมื่อย “พี่บอกแล้วไง เขาแค่บังเอิญจะมาที่โรงพยาบาลพอดี เลยแวะมาเยี่ยมคุณพ่อ เขาไม่ได้จีบพี่สักหน่อย เราคิดมากไป”
“ปืนว่าพี่ปันไม่รู้ตัวว่าเขาขายขนมจีบอยู่หรือเปล่า”
คนเป็นแม่ที่คิดไม่ต่างจากลูกชายรีบห้าม นางเห็นสีหน้าสปันเหมือนคนถูกบีบคั้นหนักก็สงสาร ไม่ว่าอย่างไรนางก็เชื่อใจลูก “ปืน พี่เขาบอกว่าคุณณัฐเศรษฐ์ไม่ได้จีบก็ไม่ได้จีบสิ ไม่เชื่อพี่หรือไง”
“ปืนเชื่อพี่ปัน แต่แค่สงสัยเท่านั้น”
“เลิกสงสัยเรื่องไม่เป็นเรื่อง แค่เขาขอมาเยี่ยมคุณพ่อไม่ได้แปลว่าเขาจีบพี่สักหน่อย ถ้าคิดแบบนั้นหมอก้องก็เป็นแฟนพี่ไปแล้วสิ” สปันอธิบาย เธอไม่ได้ชอบเขาแบบชู้สาว แต่แค่อดชื่นชมไม่ได้ว่าเขาหล่อมีเสน่ห์เท่านั้น
“คุณณัฐเศรษฐ์อาจมีน้ำใจกับเราอย่างที่พี่เขาพูดก็ได้” คนเป็นแม่ตัดบท นางเองก็สงสัย แต่ในเมื่อบุตรสาวยืนยันว่าไม่มีอะไรนางก็เชื่อใจ เพราะถ้าหากว่าเป็นแฟนจริง สปันก็ต้องเล่าให้ฟัง นางกับบุตรทั้งสองไม่มีเรื่องปิดบังต่อกัน แม้แต่เรื่องของจอมพลผู้จัดการที่มาจีบ สปันก็เล่าให้ฟัง นางจึงเชื่อใจบุตรสาว
สปันยิ้มออกเมื่อเห็นว่าทุกคนไม่ซักถามเรื่องเจ้านายหนุ่มอีก
“คุณแม่คะ วันนี้เราต้องกลับแท็กซี่กันก่อนนะคะ รถเข้าอู่ไม่รู้ว่าจะได้เมื่อไร”
“พรุ่งนี้พี่ปันไปทำงานอย่างไรล่ะ ให้ปืนไปส่งไหม” ปืนถาม เขามีรถมอเตอร์ไซค์คู่ใจหนึ่งคัน ถึงจะไม่สะดวกสบายเท่ารถยนต์ แต่ก็ทดแทนได้ในช่วงที่รถไปพักผ่อนที่อู่
“เดี๋ยวพี่ไปแท็กซี่ ปืนไม่ต้องเป็นห่วง”
ทั้งหมดคุยกันอีกสักพัก พยาบาลพิเศษที่จ้างไว้ก็มาถึง คุณปรเมศเห็นว่าค่ำมากแล้ว อีกทั้งรถของลูกสาวก็เสีย จึงให้ลูกเมียกลับบ้านเลย
สปันถึงบ้านเช่าแล้วก็แยกย้ายกับมารดาและน้องชายอาบน้ำเข้านอน บ้านหลังนี้มีสามห้องพอดี แม้จะหลังเล็กแต่ก็สะอาดสะอ้าน มีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน ร่างเล็กนั่งลงที่ปลายเตียง กำลังทาครีมบำรุงผิวเตรียมเข้านอนทว่าเสียงข้อความไลน์ดังขึ้นทำให้สปันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู
‘ถึงบ้านหรือยังครับ’
สปันมองอยู่ครู่หนึ่งด้วยความตกใจ เขาบอกให้เธอโทร.บอกถ้าหากถึงบ้านแล้ว แต่เธอลืมไปสนิทเลย
‘ถึงแล้วค่ะ’
‘พรุ่งนี้ผมไปรับที่บ้าน’
‘ไม่ต้องค่ะ ปันไปเองได้’
‘มายังไง’
‘แท็กซี่ค่ะ ถ้าคุณณัฐมารับปัน คนที่ทำงานเห็นเข้าเขาจะคิดยังไง’
‘ผมจำเป็นต้องรู้ด้วยเหรอ’
สปันกลอกตา ‘ปันไม่ใช่ประธานบริษัท จะได้ไม่สนใจใครเหมือนคุณณัฐ’
‘อยากเป็นแฟนประธานบริษัทไหมล่ะ’
สปันสตั๊นไปอึดใจหนึ่งก่อนจะคิดได้ว่าเขาคงล้อเล่น
‘คุณณัฐคงจะถามคำถามนี้กับสาวๆ มาเยอะใช่ไหมคะ แฟนท่านประธานคงมีคนต่อคิวยาวเป็นกิโล ปันขออยู่ห่างๆ อย่างเอาใจช่วยสาวๆ ท่านประธานดีกว่า’
ณัฐเศรษฐ์กระตุกยิ้ม ไม่ได้ตอบอะไรอีก นอกจากส่งสติกเกอร์หัวใจไปให้ การตอบปฏิเสธยิ่งทำให้สปันคิดว่าเขาแก้ตัว เขาชอบความสวยสดใสเป็นธรรมชาติของสปัน ไม่เคยเจอใครถูกใจแบบนี้มาก่อน พรุ่งนี้ไปทำงานแม้จะเหน็ดเหนื่อย แต่เขาคงจะกระชุ่มกระชวยขึ้น
................................................................................................
เช้าวันต่อมา
จอมพลมองร่างบอบบางของสปันที่ก้าวลงจากรถแท็กซี่ด้วยสายตามุ่งมาด เขารีบตามเข้าไปถามสิ่งที่สงสัย สปันสวยวันสวยคืน เขาชอบที่อีกฝ่ายสวย เก่ง ฉลาด แต่ติดที่ฐานะไม่ค่อยดี เขาเลยต้องตัดใจออกมาแล้วไปหาพัดชาแทน แต่ตอนนี้จอมพลกำลังรู้สึกเสียดายที่ตัดสินใจไปแบบนั้น พัดชาไม่ได้มีฐานะมั่นคงอย่างที่เห็นเลย
บิดาของพัดชาหมดตัวเพราะเล่นหุ้น จึงทำให้บริษัทขาดสภาพคล่อง คนในบริษัทไม่มีใครรู้กระทั่งเมื่อวานนี้ ถ้าหากเขารู้เร็วกว่านี้ก็ดี เขาจะไม่บอกเลิกสปันเด็ดขาด เพราะที่เสียดายมากก็คือเขายังไม่ได้เคลมอีกฝ่ายเลย แต่สปันจะไปคบหากับหนุ่มคนใหม่เสียแล้ว มันเหมือนเสียหน้าอย่างบอกไม่ถูก
“ปัน”
เจ้าของร่างเพรียวบางหันมาตามเสียงเรียก “พี่หนึ่ง”
“เดินเข้าตึกด้วยกันนะครับ”
“ทางเดินไม่ใช่ของปันคนเดียวนี่คะ พี่หนึ่งจะเดินก็ได้” สปันตอบ เธอจำวันที่เขาบอกเลิกทางไลน์ได้ดี ข้อความห้วนสั้นไร้น้ำใจ เธอไม่มีทางกลับไปคบกับเขาอีกแน่นอน
“ปัน คิดว่าท่านประธานคนใหม่เป็นยังไงบ้าง”
“ไม่รู้สิคะ เขาเพิ่งมาบริหารได้วันเดียวเอง”
“พี่หมายถึงปันคิดกับเขายังไง พี่เห็นเขามองปัน แล้วยังคุยกับปันแบบสนิทสนมด้วย”
“ไม่ใช่เรื่องของพี่หนึ่งสักหน่อย”
“แต่พี่เป็นห่วงปันนะ”
สปันมองหน้าคนที่บอกว่าเป็นห่วงเธอแล้วยิ้มหยัน เขายังกล้าพูดคำนี้อีกหรือ “พี่หนึ่งไม่ต้องเป็นห่วงปันหรอกค่ะ ปันรู้ว่าควรจะทำตัวยังไง”
“พี่ชอบปันนะ พี่รู้สึกแบบนี้จริงๆ แต่ว่าปันไม่เคยให้คำว่าแฟนกับพี่ พี่เลยไปคบกับคุณพัดชา”
“ปันดีใจที่ไม่ได้ตอบรับเป็นแฟนกับพี่หนึ่งค่ะ”
“ปัน ทำไมพูดแบบนี้ล่ะ”
สปันนิ่งมองเขาด้วยความรู้สึกขยะแขยง เขาบอกเลิกเธอและยังมาโทษว่าเป็นความผิดของเธออีก สปันไม่รอฟังอีก รีบเดินเข้าไปภายในตึกทำงาน แต่ด้วยความที่เขาเป็นเจ้านายของเธอ ทำให้ในเวลางานไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้