บทที่ 2. รู้ว่าไฟยังเข้าใกล้

1619 Words
เสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอกวาดตามองดูความเรียบร้อยอีกครั้ง เมื่อไม่พบอะไรที่ต้องทำเพิ่มอีกจึงเก็บอุปกรณ์เข้าที่ ล้างมือแล้วปลดผ้ากันเปื้อนออก เตรียมตัวกลับบ้าน  หญิงสาวลังเลอยู่เล็กน้อย ควรบอกเจ้าของบ้านก่อนดีไหมว่าเธอจะกลับแล้ว หรือออกไปเลยไม่ต้องบอกเขา สองสามครั้งที่เคยมาทำงานก่อนหน้านี้ เธอไม่ได้พบกับเขาตรงๆ ปกติคุณใหญ่หรือคุณอลังการ จะยุ่งกับงานในฟาร์มไข่มุก เธอมาทำงานแทนแม่          มือเล็กพับผ้ากันเปื้อนใส่ถุงผ้า ในถุงมีกล่องอาหารที่เธอทำมาจากบ้านด้วย ตั้งแต่จำความได้ พ่อทุบตีทำลายแม่อยู่เสมอ จนกระทั่งแม่ทนไม่ไหว อาศัยช่วงจังหวะที่พ่อเมาหลับหอบหิ้วเสื้อผ้าติดตัวมาไม่กี่ชิ้นแล้วจูงแขนเธอออกมาจากบ้านหลังนั้น แม่เคยพาเธอไปไหว้ตากับยายแต่ทั้งสองก็ไม่พอใจที่เห็นแม่กลับมาในสภาพนี้ ผัวทิ้ง ไม่มีเงิน มีลูกติด แม่พยายามทำงานหลายอย่าง ทำข้าวแกงขายตลาดนัด รับจ้างซ่อมแซมเสื้อผ้า จนแม่ตัดสินใจจะไปทำงานที่โรงงาน เธอกับแม่จึงได้ย้ายบ้านกันอีกหน เธอเองก็ช่วยแม่ทำงานมาตลอด งานเล็กๆ น้อยๆ พอได้เงินห้าบาทสิบบาทก็เอาทั้งนั้น การเรียนของเธอแค่ปานกลาง แต่อาศัยขยันหมั่นเพียรจนพอได้ทุนร่ำเรียนช่วยแม่ประหยัดค่าใช้จ่ายได้บ้าง จนเธอเรียนถึงระดับมหาวิทยาลัย ค่าใช้จ่ายมากขึ้น และมีคนชักชวนแม่ไปทำงานเป็นแม่บ้าน รายได้ดี เธอกับแม่จึงห่างกัน เธออยู่หอพักและเรียนถึงปี4แล้ว วันหยุด หรือปิดเทอม เธอจะหางานพิเศษทำเสมอ นานๆ จะได้กลับไปเยี่ยมแม่ที่ต่างจังหวัดสักที          แม่ทำงานเป็นแม่บ้านกับบริษัทแห่งหนึ่ง ตารางงานของแม่จะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไป แต่เธอเคยพบกับ “คุณใหญ่” หรือ “คุณอลังการ” หลายครั้ง แต่เขาไม่รู้จักเธอ แน่ละ คนอย่างเขาจะเหลือสายตามามองผู้หญิงอย่างเธอเหรอ?  คุณใหญ่เป็นผู้ชายตัวสูงใหญ่สมชื่อ ใบหน้าหล่อเหลาคมเข้ม แถมด้วยเป็นถึงเจ้าของฟาร์มไข่มุกชื่อดัง ฐานะการเงินเรียกได้ว่าระดับเศรษฐี ทุกอย่างเรียกได้ว่าเฟอร์เฟค ยกเว้นแค่เรื่องครอบครัว เท่าที่รู้ คุณใหญ่เคยแต่งงานมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่แต่งได้ไม่นานก็หย่าร้างกับภรรยาคนสวย หลังจากนั้นก็มีผู้หญิงแวะเวียนมาเรื่อยๆ แต่ยังไม่เห็นมีวี่แววจะแต่งงานใหม่อีกครั้ง          เรื่องพวกนี้ไม่ใช่เรื่องที่เธอควรรู้ แต่เธออยากรู้ คุณใหญ่เคยมีสัมภาษณ์ลงนิตยสารธุรกิจหลายฉบับ เธอแอบซื้อเก็บไว้ เธอคิดไว้ว่าสักวัน ถ้าเธอเรียนจบจะลองมาสมัครงานที่ฟาร์มไข่มุกของเขา เธอรู้ว่าผู้หญิงจนๆ อย่างเธอไม่มีอะไรให้เขาชายตามอง ยิ่งความสวยยิ่งไม่มี แต่เขาเป็นคนที่ทำให้เธอรู้สึกอยากเป็นผู้หญิงที่เก่งกว่านี้ ดีกว่านี้ สวยกว่านี้ เพื่อว่าวันหนึ่งจะได้ยืนข้างเขาอย่างไม่อายใคร มันอาจเป็นแค่ความฝัน แต่ถ้าฝันแล้วไม่ทำให้ใครเดือดร้อนก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรนี่          แต่ตอนนี้เธอได้มาทำงานให้เขาจริงๆ แต่กลับเป็นฐานะของแม่บ้าน บัวชมพูลอบถอนหายใจอีกครั้ง เธอไม่ได้อยากให้เขาพบเธอสภาพนี้เสียหน่อย แต่เพราะแม่ป่วยและโรคไตของแม่เริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ ประจวบกับทางมหา’ลัยต้องหยุดการสอนเพราะไวรัสโควิด-19ระบาด เธอเดินทางมาหาแม่ได้ทันก่อนที่จะไม่มีรถออกต่างจังหวัดพอดี แรกทีเดียวแม่ไม่ได้อยากให้เธอมาทำงานแทน แต่เธอหว่านล้อมแม่เอง และที่สำคัญ เรายังต้องใช้เงิน          บัวชมพูตัดสินใจไม่ไปบอกเจ้าของบ้าน เธอเก็บของแล้วหยิบหน้ากากผ้ามาปิดครึ่งใบหน้าใหเรียบร้อย สะพายถุงผ้าขึ้นคล้องไหล่ เดินออกมาอย่างเงียบๆ แล้วตรงไปที่จักรยานของตัวเอง ปั่นจักรยานคันเก่าที่น้ารุ่งรวีให้ยืมมาใช้ปั่นจากบ้านเช่าที่แม่พักอยู่มาทำงานที่บ้านคุณใหญ่ โดยไม่รู้ว่ามีสายตาคู่หนึ่งมองจากหน้าต่างชั้นสองของบ้าน เห็นหญิงสาวร่างเล็กกะทัดรัด รวบผมขึ้นเป็นหางม้าปั่นจักรยานเก่าๆ ออกจากบ้านของเขาไปตามถนนเส้นเล็กๆ จนสุดสายตา          ใช้เวลาไม่ถึงยี่สิบนาที บัวชมพูก็ปั่นจักรยานมาถึงบ้านเช่าที่แม่อาศัยอยู่กับน้ารุ่งรวี แม่กับน้ารุ่งรวีอยู่ด้วยกันมาปีเศษแล้ว เธอเข้าใจความสัมพันธ์ของแม่กับน้ารุ่งรวีดี แม่เจ็บช้ำมามาก หากคนที่ทำให้แม่มีความสุข แม้จะเป็นผู้หญิงด้วยกัน เธอก็ยอมรับได้          หญิงสาวลงจากรถจักรยาน ไขกุญแจรั้วแล้วจูงจักรยานเข้าบ้านเช่า เธอเองก็คิดฝันเสมอว่าสักวันจะมีบ้านเป็นของตัวเอง เธอกับแม่จะได้ไม่ต้องเร่ร่อนเช่าห้องราคาถูกๆ อยู่  ยังไม่ทันไขกุญแจเปิดประตูบ้าน เสียงรถยนต์ก็แล่นมาหยุดที่รั้ว บัวชมพูหันไปมองแล้วรีบเดินเร็วๆ ไปเปิดประตูรั้วให้รถกะบะญี่ปุ่นสีขาวเข้ามาจอดด้านใน          “เพิ่งกลับมาเหรอหนูบัว” รุ่งรวีถามทันทีที่ลงจากรถ          “ค่ะ” บัวชมพูพยักหน้ารับแล้วเปิดประตูรถประคองแม่ลงมา แต่พอรุ่งรวีเข้ามาใกล้ บัวชมพูก็เบี่ยงตัวออกให้รุ่งรวีประคองแม่เข้าบ้าน ส่วนเธอเดินไปปิดประตูรั้วบ้าน ที่บ้านมีแต่ผู้หญิงอยู่กันสามคน เธอต้องคอยเตือนตัวเองไม่ให้หลงลืมเรื่องพวกนี้          “เป็นไงบ้าง เหนื่อยไหมลูก”  สารภีถามลูกสาวด้วยความห่วงใยแล้วนั่งที่โซฟาอย่างเหนื่อยล้า          “หนูต้องถามแม่ต่างหาก” บัวชมพูหัวเราะเบาๆ เดินไปรินน้ำดื่มให้แม่กับน้ารุ่งรวี  “แม่เป็นไงบ้างคะ”          “ก็เหมือนเดิมนั้นแหละ” แม่ยิ้ม “ทำให้คนอื่นต้องมาลำบากด้วยเลย”          “ลำบากที่ไหนเล่า” รุ่งรวีหัวเราะออกมา “ก็ถือว่าเป็นวันหยุดพักผ่อนไป”          รุ่งรวีเป็นแม่ค้าขายผัดไทตลาดโต้รุ่ง แต่ช่วงนี้รัฐบาลประกาศเคอร์ฟิวทำให้ต้องเปลี่ยนมาขายช่วงเที่ยงไปถึงเย็นแทน บัวชมพูเองก็คอยช่วยงานรุ่งรวีเสมอ ไม่ได้มาอยู่เปล่าๆ ส่วนแม่หลังจากกลับจากทำงาน ถ้าไม่เหนื่อยมากก็มาช่วยเช่นกัน  ได้เห็นว่ารุ่งรวีดูแลแม่เป็นอย่างดี บัวชมพูก็สบายใจ          “แล้วบัวละลูก”          “อ้อ! วันนี้หนูเจอคุณใหญ่แล้วค่ะ”          “แล้วคุณใหญ่ว่าอะไรหรือเปล่า”           บัวชมพูนิ่งไปนิด คิดว่าเรื่องที่เจอไม่ควรเล่าให้แม่ฟังเพราะไม่อยากให้แม่ไม่สบายใจ อีกอย่าง ท่าทางคุณใหญ่ก็ไม่ได้อยาก ‘กอด’ เธอนักหรอก          “ก็ไม่เห็นมีอะไรนี่คะ” บัวชมพูยักไหล่แล้วรินน้ำดื่มให้ตัวเอง “ถ้าหนูทำงานมีปัญหา คุณใหญ่คงให้เปลี่ยนคนอื่นมาทำแทนแล้วค่ะ”          รุ่งรวีฟังแล้วก็ถอนหายใจออกมา “น้าไม่อยากให้ยุ่งกับคุณใหญ่เลย”          “ไม่มีอะไรหรอกค่ะน้ารวี คุณใหญ่ก็เป็นคนดี ชื่อเสียงโหดเหี้ยมไปสักหน่อยก็เป็นธรรมดาของคนทำธุรกิจ”          “ไม่ใช่แค่นั้นนะ เป็นเสือผู้หญิงด้วย”          “ก็ไม่ถึงขนาดนั้นมั้ง” คราวนี้แม่สารภีพูดขึ้น “ถึงจะมีผู้หญิงเยอะ แต่เป็นผู้หญิงอย่างว่า ไม่ได้ไปหลอกผู้หญิงมาฟันเสียหน่อย”          รุ่งรวีขึงตาใส่สารภี “ยังไงก็ต้องระวัง หนูบัวเป็นผู้หญิงด้วยต้องยิ่งระวังไว้ก่อน”          “บัวระวังอยู่แล้วค่ะ ไม่งั้นจะอยู่กรุงเทพฯ คนเดียวได้เหรอ” หญิงสาวหัวเราะออกมา “วันนี้แม่อยากกินอะไร บัวเข้าครัวทำกับข้าวเองค่ะ”          “คนเป็นไรคไตอยู่คนเดียวทำคนอื่นลำบากเรื่องอาหารการกินไปด้วยเลย” แม่อดบ่นไม่ได้          “ก็ไม่เป็นอะไรนี่คะ หนูกับน้ารวีก็ได้ถือโอกาสกินรสอ่อนๆ รักษสุขภาพไปด้วย”  บัวชมพูให้กำลังใจแม่ “งั้นเดี๋ยวหนูเข้าครัวทำกับข้าวเลยแล้วกัน วันนี้น้ารวีกับแม่พักผ่อนสบายๆ ให้หนูจัดการเองค่ะ”          รุ่งรวีมองลูกสาวของคนรักเดินออกไปก็ถอนหายใจอีกหน สารภีเป็นฝ่ายยื่นมือมาตบหลังมือของรุ่งรวีเบาๆ แล้วส่งยิ้มบางๆ          “ขอบใจที่เป็นห่วงหนูบัวมากขนาดนี้ แต่แกก็โตแล้ว คิดอะไรเองได้แล้ว”          “ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ รู้ว่าไฟยังเข้าไปใกล้อีก”          “อันตรายมีอยู่รอบตัว ไม่ประมาทและเรียนรู้อย่างมีสติก็พอ”          รุ่งรวีส่ายหน้าไปมา “เธอนี่เป็นแม่ยังไงนะ”          สารภีหัวเราะออกมา “ก็เป็นแม่ไม่ได้ความปล่อยให้ลูกอยู่คนเดียว แถมต้องทำงานพิเศษอีกด้วย”          “ไม่ได้หมายความแบบนั้น” รุ่งรวีบ่นอุบอิบ          “มันก็เหมือนฉันมองตัวเองนั้นแหละ แต่ตอนนั้นฉันมันรั้น พ่อแม่เตือนอะไรไม่ฟัง ฉันก็ไม่อยากบังคับลูกจนลูกเตลิดไป ก็เลยได้แต่คอยบอก คอยดูแล และให้ลูกรู้ว่ายังมีแม่อยู่เคียงข้างเสมอ”          รุ่งรวีพยักหน้ารับอย่างจนใจ เธอคงทำได้แต่แค่เป็นห่วงสินะ เฮ้อ!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD