เมื่อเดินทางกลับถึงที่จวน นางกำลังจะเดินเข้าครัวเพื่อไปทำสบู่ แต่แล้วก็ถูกเรียกตัวไว้เพราะคนของท่านเสนาบดีฝ่ายสอบหรือท่านพ่อของซูเม่ย มาที่จวนเพื่อนำเงินประจำเดือนนี้มาให้
นี่ล่วงเข้าสู่เดือนใหม่แล้ว สี่วันตามที่น้องสาวบอกจริงๆว่าท่านพ่อจะนำเงินมาให้
"คุณหนูซูเม่ย ท่านเสนาบดีให้ข้านำเงินมามอบให้แก่ท่านขอรับ" นางรับเงินสี่ตำลึงมา
"ท่านเสนาบดีรู้ข่าวที่ท่านตกจากต้นไม้แล้ว อีกสามวันข้างหน้าท่านเสนาบดีจะเดินทางมาเยี่ยมท่านนะขอรับ" ถึงอย่างไรซูเม่ยก็เป็นลูกของเขา คนเป็นบิดาคงรู้สึกเป็นห่วงอยู่บ้าง แต่กว่าจะมาเยี่ยมได้แผลบนหัวของนางก็หายดีเสียแล้ว นางเพิ่งถอดผ้าพันออกเมื่อวานเพราะแผลสมานกันดีแล้ว
ซูเม่ยหยิบเงินจำนวนหนึ่งให้ป้าจาง เพื่อให้นำไปมอบให้แก่บ่าวรับใช้ทั้งหมดในจวน เพราะเริ่มเดือนใหม่แล้วต้องให้เงินเดือนนี่เป็นสิ่งที่นางรับรู้มาจากป้าจาง และอีกส่วนให้นำไปซื้ออาหารและเครื่องปรุง
จากนั้นนางจึงเดินเข้าห้องครัวเพื่อที่เริ่มทำสบู่ มีลูกมืออย่างอี๋นั่ว ทั้งยังมีซูลี่และซูฉีน้องสาวทั้งสองของนางที่นางตามมาให้ช่วยทำในครั้งนี้เพราะอยากให้ทั้งสองได้เรียนรู้วิธีการทำสบู่ว่ามีวิธีการทำอย่างไร และเพราะก่อนหน้านี้ทั้งสองเคยรับปากว่าจะช่วยนางทำสบู่
เมื่อวานนางได้ทำน้ำด่างไว้แล้ว การทำน้ำด่างนั้นเป็นการนำเอาขี้เถ้าจากการเผาไหม้ใส่แช่ลงในน้ำสะอาดทิ้งไว้หนึ่งคืน ขี้เถ้าจะตกตะกอน ส่วนที่จะใช้ก็คือส่วนด้านบนสุดที่เป็นน้ำใส
นางเริ่มเตรียมส่วนผสมของสบู่โดยการนำเอาแครอทมาล้างและปลอกเปลือกแล้วจึงนำไปคั้นให้ได้เป็นน้ำแครอทออกมา เสร็จแล้วจึงไปเตรียมน้ำมันมะพร้าวมาเทใส่หม้อรอไว้ และเตรียมน้ำผึ้งเพราะจะนำน้ำผึ้งมาใส่เป็นส่วนผสมด้วย
นำน้ำด่างไปเทใส่น้ำมันมะพร้าวที่เตรียมไว้ ตีจนเนื้อสบู่ข้นพอดีแล้วจึงใส่น้ำแครอทและน้ำผึ้งตามลงไป ทำการตีส่วนผสมให้เข้ากันจนได้ความข้นตามที่ต้องการ จากนั้นก็เทใส่ลงบนพิมพ์ไม้ที่เตรียมไว้ เมื่อเทใส่จนหมดต้องทิ้งไว้สิบสองชั่วยาม(24ชั่วโมง) เพื่อให้สบู่ทำปฏิกิริยากันอย่างสมบูรณ์
เมื่อเทสบู่ใส่พิมพ์ไม้จนหมด ก็นำไปวางทิ้งไว้ที่อีกมุมหนึ่ง
"แบบนี้คือทำสบู่เรียบร้อยแล้วหรือไม่เจ้าคะ" ซูฉีร้องถามเมื่อช่วยนำสบู่มาวาง
"ยังหรอก ทิ้งไว้สิบสองชั่วยาม แล้วเราต้องมาแกะสบู่ออกจากพิมพ์ไม้นำไปวางในที่แห้งสามอาทิตย์ ครบสามอาทิตย์แล้วสบู่จึงจะใช้ได้"
"ใช้เวลานานจังเลยเจ้าค่ะ กว่าจะได้สบู่มาหนึ่งก้อนใช้เวลานาถึงเพียงนี้ มิน่าเล่าสบู่ตับอ่อนหมูถึงได้แพงนัก"
"พี่หญิงใหญ่แล้วสบู่ของท่านแตกต่างจากสบู่ตับอ่อนหมูอย่างไรหรือเจ้าคะ นอกจากสีที่ไม่เหมือนกัน" ระหว่างที่กำลังเดินออกจากห้องครัวซูลี่ก็ถามขึ้น
"สบู่แครอทของข้ามีส่วนผสมทั้งแครอท ที่ช่วยทำให้ผิวดูสดใส ลดความหมองคล้ำจากแดด ผิวดูอ่อนเยาว์ ยังมีน้ำผึ้งและน้ำมันมะพร้าวที่ช่วยให้ผิวนุ่มชุ่มชื้น เรียบเนียนอีก ขจัดความมันจากร่างกายได้อย่างดีเยี่ยม เป็นอย่างไรแตกต่างกันหรือไม่"
"ว้าว พี่หญิงใหญ่สบู่ของท่านมีสรรพคุณเยอะขนาดนี้เลยหรือเจ้าคะ" ซูฉีตะลึงกับสิ่งที่พี่สาวบอก คิดไม่ถึงว่าสบู่ที่พี่หญิงใหญ่ทำขึ้นมาจะช่วยบำรุงผิวได้ดีขนาดนี้ จึงเอ่ยต่ออีกว่า
"ข้าอยากจะลองใช้แล้วเจ้าค่ะ"
"ต้องได้ลองใช้แน่นอน เพราะพวกเราต้องทดลองใช้สบู่กันก่อนที่จะนำไปขาย"
"สบู่ของท่านช่วยได้เยอะขนาดนี้จริงหรือเจ้าคะ"
"ก็พี่หญิงใหญ่บอกแล้วว่ามีสรรพคุณอะไรบ้าง เจ้าไม่ได้ฟังหรืออย่างไร"
"ข้าก็ถามเพื่อความแน่ใจอย่างไรเล่า" ซูลี่ตอบกลับซูฉีไป พลางทำหน้ายู่ที่โดนซูฉีกล่าวว่าว่านางไม่ฟังที่พี่หญิงใหญ่บอก
"แน่นอน แต่ต้องใช้ระยะด้วยนะ ข้าคิดว่าหนึ่งอาทิตย์หรือสองอาทิตย์คงจะเห็นผล หากใช้ประจำทุกวันผิวจะนุ่มขึ้นและกระจ่างใสขึ้น"
"ข้าจะรอใช้นะเจ้าคะ หากใช้ได้ดี สบู่ของท่านจะต้องขายดีอย่างแน่นอนเลยเจ้าค่ะ"
นางแยกกับน้องสาวทั้งสอง ในช่วงเวลานี้น้องสาวของนางชอบนอนกลางวันแต่บางวันหากไม่นอนทั้งซูลี่และซูฉีก็จะนั่งฝึกเย็บปักถักร้อยโดยมีป้าจางคอยสอนอยู่ใกล้ๆ
อย่างเช่นวันนี้น้องสาวทั้งสองไม่นอนกลางวัน เลือกจะไปนั่งเย็บปักถักร้อยกันที่ห้องโถง ส่วนนางนั้นขอตัวไปนอนพักดีกว่า นางไม่ถนัดในด้านนี้เลยสักนิด
เวลาผ่านไปจนครบสิบสองชั่วยามแล้ว (24ชั่วโมง) ก็ถึงเวลาแกะสบู่ออกจากพิมพ์ไม้ หลังจากแกะสบู่ออกมาจนหมด ก็นำไปวางในที่แห้งต่ออีกสามอาทิตย์
เมื่อเสร็จแล้วนางจึงเดินไปยังสวนเล็กๆที่มีโต๊ะไม้ และบ่อน้ำเล็กๆอยู่ใกล้ๆกันภายในจวน
"คุณหนูท่านจะขายสบู่ราคาเท่าไหร่หรือเจ้าคะ"
"ข้าก็กำลังคิดอยู่เหมือนกัน พี่อี๋นั่วท่านว่าข้าควรตั้งราคาขายอย่างไรดี"
"บ่าวก็ไม่ทราบเจ้าค่ะ"
"สบู่ของข้าขนาดใหญ่กำลังพอดีมือ มีส่วนผสมที่ช่วยบำรุงผิวมากมาย ทำความสะอาดขจัดความมันได้อีก สรรพคุณเยอะแยะขนาดนี้หากข้าตั้งราคาแพงหน่อยจะดีหรือไม่ อย่างที่เจ้าเห็นกว่าจะทำสบู่ขึ้นมาได้ใช้เวลานาน ทั้งข้ายังต้องทำน้ำมันมะพร้าวเองอีก"
"บ่าวเกรงว่าหากแพงเกินไป คนที่นี่จะไม่มีปัญญาซื้อกันเจ้าค่ะ" รดาคิดตามที่อี๋นั่วบอก
ก็จริง ถึงเมืองนี้จะมีคนมีฐานะร่ำรวยอยู่มาก แต่ก็มีคนที่ฐานะปานกลางอยู่เยอะ งั้นนางควรขายสบู่แบบสองขนาดใช่หรือไม่ ให้ได้ลูกค้าทั้งคนมีฐานะร่ำรวยและฐานะปานกลาง
นางต้องไปตัดแบ่งครึ่งสบู่เสียแล้ว
"พี่อี๋นั่วงั้นข้าจะทำสบู่ขายสองขนาด ขนาดปกติและขนาดที่เล็กกว่า แบบนี้ข้าจะได้ลูกค้าหลากหลายแน่นอน เรื่องราคาเดี๋ยวข้าค่อยมาคิดใหม่ ตอนนี้เรารีบไปตัดสบู่กันก่อนเถอะ"
"เจ้าค่ะคุณหนู"
สบู่ที่ทำขึ้นมานั้นได้ทั้งสิบสองก้อน แยกไว้สองก้อนเพราะจะนำมาทดลองใช้ก่อนมาวางขาย เหลือสบู่สิบก้อน นางนำสบู่มาสี่ก้อนและตัดแบ่งครึ่งสบู่ จะได้สบู่ขนาดเล็กแปดก้อน และขนาดใหญ่ปกติหกก้อน รวมทั้งหมดสิบสี่ก้อน
หลังจากตัดสบู่เรียบร้อยแล้ว นางก็มานั่งคิดคำนวณว่าจะตั้งราคาขายสบู่เท่าไหร่
ก้อนใหญ่หนึ่งก้อนราคาหนึ่งร้อยห้าสิบเหวิน ก้อนเล็กหนึ่งก้อนเจ็ดสิบห้าเหวิน นางคิดว่าราคานี้แหละ พอสมเหตุสมผลแล้ว เพราะกว่าจะได้มาต้องใช้เวลานาน แล้วขั้นการตีสบู่ยังต้องใช้แรงมากอีกด้วยเพื่อให้สบู่มีสีข้นขึ้น ราคานี้จึงถือว่าดีสำหรับนาง แม้ว่าราคาส่วนผสมจะไม่ได้แพงอะไรนักแต่มันต้องใช้แรงและเวลาในการทำน้ำมันมะพร้าว การคั้น การตีสบู่อีก
"ข้าจะขายก้อนละหนึ่งร้อยห้าสิบเหวิน ส่วนก้อนเล็กจะขายก้อนละเจ็ดสิบห้าเหวิน"
"ไม่แพงไปหรือเจ้าคะคุณหนู"
"ไม่แพงไม่หรอกพี่อี๋นั่ว แอบคิดว่ายังน้อยไปเสียด้วยซ้ำแต่ราคานี้ดีสุดแล้ว พี่ลองคิดดูสิกว่าเราจะทำน้ำมันมะพร้าวต้องคั้น ต้องใช้เวลาขนาดไหน แล้วไหนจะตอนตีสบู่อีก ตีสบู่จนกล้ามจะขึ้นแล้วนะพี่อี๋นั่ว แล้วยังต้องรออีกสามอาทิตย์ถึงจะใช้สบู่ได้ ราคานี้แหละดีแล้ว" อี๋นั่วได้ฟังก็เริ่มเห็นด้วย กว่าจะได้มาแต่ละอย่างใช้เวลาไปไม่น้อยเลยทีเดียว