ระหว่างที่นั่งรถมาด้วยกันซันมาร์เห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มอึดอัดจึง ชวนคุย
“คุณมาเที่ยวที่นี่เหรอครับหรือว่าอยู่ที่นี่อยู่แล้ว” เขาคุยด้วย ตระการตายิ้มแห้งๆ ถึงแม้ว่าหล่อนจะฟังภาษาจาร์มาได้บ้าง แต่พอเขาพูดเร็วๆ หล่อนก็งงเต็กได้เหมือนกัน
“เอ คุณช่วยพูดช้าๆ ได้ไหมคะ ฉันยังไม่ค่อยชินกับภาษาเท่าไหร่”
“อ๋อ ได้ครับ ขอโทษที” เขาหัวเราะน้อยๆ ยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตรหล่อนมองแววตาคู่คมและรอยยิ้มของเขาแล้วก็คิดอีกว่านายคนนี้สเปคของยัยกิด้าลูกพี่ลูกน้องหล่อนเลย “ผมถามคุณว่าคุณอยู่ที่นี่อยู่แล้วหรือว่า มาเที่ยวครับ ผมว่าคงจะเป็นอย่างหลังมากกว่า” เขาพูดช้าๆ
“อ้อ ฉันมาเที่ยวค่ะ” หล่อนตอบตะกุกตะกัก
“ผมว่าเรามาคุยภาษาอังกฤษกันดีกว่าไหมครับ”
“ฉันว่าก็ดีค่ะ” ดีมากๆ ด้วย หล่อนคิดในใจ
“เอ่อ แล้วคุณพักที่ไหนครับ ผมจะได้บอกมาร์โก้ไปส่งให้ถูก” เขาเอ่ยถามหลังจากที่ออกจากสนามบินได้พอสมควร ตระการตายิ้มให้เขานิดหนึ่ง ก่อนจะตอบชื่อร้านอาหารไทยของน้าสาวไป พลางนึกในใจว่าเขาจะทำอาชีพอะไรในประเทศนี้กันแน่ หน้าตาน่าจะเป็นดารา แต่ไม่น่าจะใช่ คงเป็นพวกนักธุรกิจกระมัง ถึงได้แต่งตัวดูดีมีคลาสรสนิยมฮะรูฮะรา (แปลว่า หรูเลิศมากในความหมายของหล่อน) ขนาดนี้
“ร้านไทยเดิม ร้านของคุณวีณานี่”
“คุณรู้จักด้วยหรือคะ” ตระการตาถามอย่างตื่นเต้น ไม่นึกว่าเขาจะรู้จักกับน้าวีณา งั้นหล่อนก็คงมีหวังที่จะเป็นเพื่อนกับนายซันมาร์หน้าหล่อนี่ จะได้ไปโม้ให้น้องสาวที่ไม่ได้มาเที่ยวด้วยกันฟัง หน้าตานายคนนี้สเปคน้องสาวของหล่อนเชียวละ
“ผมทำธุรกิจร่วมกับท่านอับดุลลา” เขาเอ่ยถึงน้าเขยของตระการตาที่เป็นเจ้าของโรงแรมใหญ่ในจาร์มา “ผมก็เลยสนิทกันกับบ้านนี้ แล้วคุณล่ะเป็นอะไรกับวีณา” เขาถาม
“ฉันเป็นหลานสาวค่ะ” ตระการตาตอบอย่างเป็นมิตรกับเขามากขึ้น นึกดีใจที่กล้าขึ้นรถมากับเขา ไม่อย่างนั้นคงเสียค่าแท็กซี่จม และคงอดรู้จักเพื่อนใหม่ระดับบิ๊กๆ อย่างนี้ด้วย ก้าวแรกที่เหยียบจาร์มาของตระการตาเป็นก้าวที่ดีจริงๆ
“หน้าตาคุณไม่ค่อยคล้ายกันเลย”
“น้าวีณาเป็นน้องสาวแท้ๆ ของแม่ค่ะ หน้าตาเหมือนแม่ แต่ฉันหน้าตาเหมือนพ่อ” หญิงสาวบอก นึกถึงบิดาผู้ล่วงลับที่ใครๆ ต่างก็บอกว่าตระการตาถอดแบบจากบิดามาทุกกระเบียดนิ้ว ไม่ค่อยมีเค้าหน้าเหมือนมารดาเลย หญิงสาวจึงได้ผิวสีขาว รูปร่างเล็ก และใบหน้าเรียวยาวสวยมาจากทางบิดา ต่างกับวีณาที่มีผิวสีแทนเด่นและรูปร่างสูงโปร่ง ฉะนั้นน้าและหลานจึงไม่มีเค้าความเหมือนกันเลย
แต่ความต่างก็ไม่ได้เป็นปัญหากับหญิงสาวสักเท่าไหร่ เมื่อสมัยวีณาอยู่เมืองไทย ตระการตาและน้องสาวทั้งสองได้น้าวีณานี่แหละช่วยมารดาเลี้ยงดูหล่อนมา พร้อมๆ กับเลี้ยงกิดาการไปด้วย ตระการตาเป็นพี่ใหญ่เกิดมาไม่ทันสองขวบดี วีณาก็ให้กำเนิดกิดาการตามมา ทั้งสองถูกเลี้ยงด้วยกันมาสี่ปี ก่อนที่มารดาของตระการตาจะให้กำเนิดตติยาภาและตติยากรตามมา ตระการตาจึงสนิทสนมกับกิดาการมากเป็นพิเศษเพราะวัยใกล้เคียงกันมากกว่า แต่สี่สาวก็สนิทสนมกันเป็นอย่างดี จนวีณาแซวว่าถ้ารวมตัวกันครบสี่องค์เมื่อไหร่ เสียงพูดคุยกันดังจนบ้านสะเทือน
“คุณยังไม่ได้บอกชื่อผมเลย” ซันมาร์ท้วง เมื่อเห็นว่าหล่อนเงียบไป
“ตายจริง” หล่อนอุทาน มัวแต่คิดเรื่องตัวเองเพลิน เกือบลืมไปว่ากำลังสนทนากับเขาอยู่ “ฉันชื่อตระการตาค่ะ คุณเรียกว่าตาร์ก็ได้” ตระการตาแนะนำตัวไป
“ตาการตา” เขาพยายามออกเสียง “แปลกดี แปลว่าอะไรเหรอครับ”
“แปลว่า สวยงามน่าตื่นตาตื่นใจ”
“อืม คนไทยนี่เข้าใจตั้งชื่อกันจริงๆ” ซันมาร์เอ่ยชม นึกไปถึงกิดาการลูกสาวคนเดียวของวีณาที่ชื่อมีความหมายว่าเสียงชื่นชม เขาเล่าให้ตระการตาฟังว่าเขาสังเกตว่าคนไทยตั้งชื่อกันเก่งจริงๆ ชื่อก็ยาว นามสกุลก็ยาว แล้วยังไม่ค่อยซ้ำกันเหมือนชื่อฝรั่ง และแต่ละชื่อยังมีความหมายมากมายอีก
“อย่างนั้นคุณอายุราวๆ กับกิดาการใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ เราสนิทกันมาก คุณรู้จักกิด้าด้วยเหรอ” ตระการตาถามอย่างตื่นเต้น ถ้าอย่างนั้นยัยกิด้าคงต้องกรี๊ดปลื้มนายซันมาร์วันละสามรอบห้ารอบแน่ๆ เพราะเป็นสเปคชายในฝันของญาติสาวหล่อนเลย
“ก็สนิทกันพอสมควรนะครับ อ้อ ผมพอนึกได้แล้ว พรุ่งนี้กิด้านัดผมไว้ว่าจะช่วยกันเป็นไกด์พาพี่สาวเที่ยวเป็นคุณนี่เอง บังเอิญจริงๆ เลย”
“อ้อ งั้นหรือคะ ยัยกิด้านี่น่ารักจริงที่รู้จักหาคนพาเที่ยว ไปกันหลายๆ คนคงสนุกดีค่ะ นี่ถ้าน้องสาวสองคนของฉันไม่ติดงานติดเรียนกัน เราคงรวมตัวกันเที่ยวครบสี่คน คุณคงนำเที่ยวปวดหัวแน่ๆ ค่ะ” ตระการตาแทบไม่อยากนึกถึงภาพว่าถ้าหากมาช็อปปิ้งที่นี่ครบทั้งสี่คนแล้วให้เขานำเที่ยว แล้วเขาได้ใกล้ชิดคลุกคลีกับสี่พี่น้องที่เฮ้วครบสูตรอย่างพวกหล่อนละก็ เขาคงเข็ดน่าดูชม