บทที่ 8

892 Words
เวลาต่อมา... “เปียก...หมดเลย” เสียงเข้มยานคางเอ่ยขึ้นพลางใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กบรรจงเช็ดเรือนผมซึ่งชุ่มไปด้วยน้ำฝนให้อย่างอ่อนโยน หากว่าหลายๆ สิ่งที่ผ่านเข้ามาเมื่อวานไม่ได้เกิดขึ้น เชื่อเถอะ ว่าเฮนเลย์ไม่มีโอกาสได้ทำแบบนี้แน่นอน อีกสิ่งที่น่าตกใจก็คือ ทั้งที่ธอน เฮนเลย์เป็นเด็กใหม่ แต่น่าแปลก ที่เขากลับพามายังสถานที่ที่แปลกที่หนึ่งในโรงเรียนได้ ขนาดฉันเป็นเด็กเก่าเรียนมาตั้งนาน ยังไม่ยักรู้ว่าจะมีที่แบบนี้อยู่ด้วย ห้องเล็กๆ หลังโรงเรียนซึ่งเต็มไปด้วยภาพถ่ายอิริยาบถต่างๆ ของอสรพิษที่คนทั้งเมืองไม่ชอบกัน คือที่ที่ธอนพาฉันมาหลังจากเกิดเรื่องวุ่นวายบริเวณหน้าทางเขาโรงเรียน ช่วงเวลานั้นเขาไม่พูดหรือถามอะไร ทำเพียงแค่กุมมือฉันไว้ แล้วพามายังที่แปลกๆ แแห่งนี้เท่านั้น “หนาวหรือเปล่า...โบอา” อีกครั้งที่เสียงของธอนทำฉันสะดุ้งจากภวังค์ความคิด เลื่อนสายตาเหลือบมองสีหน้าใจดีของผู้ชายตรงหน้า และตัดสินใจเบี่ยงตัวหลับจากมืออุ่นเล็กน้อย “นะ นิดหน่อย...” และบอกเขาแบบไม่เต็มเสียงนักพลางเอื้อมมือขึ้นจับผ้าขนหนูที่อีกฝ่ายหามาเช็ดผมให้เพื่อจัดการกับความเปียกปอนออกจากเรือนผมให้หมด แม้จะรู้สึกว่าถูกคนตัวใหญ่กว่าจ้องมองอยู่ตลอดเวลาก็ตาม อย่างที่บอกนั่นแหละ ตลอดชีวิตฉันกับโรงเรียนแห่งนี้ ฉันมักใช้เวลาอยู่กับตัวเองมากกว่าสังคมกลุ่มเพื่อน ต่อให้ลึกๆ จะเริ่มเชื่อว่าธอนคืองูหรือเป็นสิ่งที่อยู่เหนือธรรมชาติและมีสถานะเป็นพี่ชายฉันก็ตาม ถึงอย่างนั้นการต้องพูดคุยกับใครสักคนก็เป็นเรื่องยากที่ฉันต้องปรับตัวเข้าหาอยู่ดี “หนะ นายเป็นงูจริงๆเหรอ...” นั่นน่ะคำถามสิ้นคิดสุดๆ เลยว่าไหม แถมตอนถามฉันยังเกร็งสุดๆ ด้วยเช่นกัน ทำยังไงดีล่ะก็ฉันไม่รู้วิธีชวนคนอื่นคุยนี่... “เราเจอกันเมื่อวาน...ที่ต้นโอ๊ค...นี่ใช้เป็นคำตอบได้ไหม?” ถึงฉันจะเกร็งและคำถามจะไม่ใช่เรื่องน่าชวนคุยเท่าไหร่ แต่เขาก็ยังตอบกลับมาเสียงเย็นเชื่องช้าตามนิสัย “อะ...” แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรเพื่อทำให้ความเคลือบแคลงลดหมดไป แขนฉันก็ถูกมือหนาดึงกลับเข้าไปใกล้อีกครั้ง ธอนใช้ความรวดเร็วของตัวเองในการดึงผ้าขนหนูออกจากหัวฉัน ซึ่งเขาดูพึงพอใจที่ได้ทำแบบนั้น แม้จะถูกปฏิเสธไปแล้วหนหนึ่งก็ตาม ราวกับต้องการทำหน้าที่ของพี่ชายที่แสนดี พอคิดแล้วมันก็อดถามคำถามน่าเบื่ออีกหนไม่ได้... “เราเกิดวันเดียวกัน เป็นพี่น้องกันจริงๆเหรอเฮนเลย์...” ทว่า พอเอ่ยคำถามนี้เสียงกลับต้องขาดหายในช่วงท้ายประโยคเมื่อคนฟังตวัดตาช้อนขึ้นมองดุๆ แล้วว่า “เรียก...ธอนสิ...” อ่าบ้าชะมัด! ฉันไม่ชินกับอะไรแบบนี้เลย “ธะ ธอน...” แต่พอเรียกสีหน้าดุดันของเขาก็เริ่มเปลี่ยนไปกลายเป็นรอยยิ้มอบอุ่น “อือ...เราเป็นพี่น้องกัน...ฉันไพธอน ส่วนเธอโบอา...” และตอบคำถามด้วยถ้อยคำที่ฉันเคยฟังมาก่อนหน้านี้แล้ว “ขยับมาตรงนี้สิ...โบอา” อีกหนที่เขาดึงฉันไปยืนแทรกระหว่างขาสองข้าง โดยที่เราหันหน้าเข้าหากัน ทั้งที่มือของเขายังคอยขยุ้มผ้าขนหนูไปตามเรือนผมไม่หยุด ระยะห่างระหว่างสายตาเราอยู่ในระยะที่ใกล้พอจะจดจำองค์ประกอบบนใบหน้าของอีกฝ่ายได้จนพอใจ แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่ฉันสนใจคงเป็นนัยน์ตาสีสวยที่ฉันมักหลบเลี่ยงการถูกมองอยู่บ่อยๆ “อยากทำ...แบบนี้กับเธอ...มานานแล้ว...” ธอนบอกแบบนั้นก่อนค่อยๆ โน้มใบหน้าลงมาหาทั้งที่มือยังวุ่นวายกับการเช็กผมเปียกหมาดให้ ความไม่ชินทำฉันเอี้ยวตัวหลบการกระทำของคนตรงหน้า และมันก็เป็นอีกครั้งที่เขาแสดงความว่องไวของร่างกายต่างจากเสียงที่ใช้พูด ใช้เรียวขาแข็งแรงทั้งสองข้างเกี่ยวรัดช่วงต้นขาฉันไว้ จนสามารถจรดหน้าผากลงมาแนบสนิทได้ในที่สุดและพูด “อยาก...แสดงความรักอยู่แบบนี้...” เสียงของธอนกับถ้อยคำที่เขาพูด เริ่มทำหัวใจฉันเต้นผิดจังหวะ ยิ่งเมื่อเขาหยุดมือที่เช็ดผมลงแล้วเปลี่ยนเป็นการกดศีรษะฉันเอาไว้เพื่อคงท่าทางของเราทั้งคู่ไว้แบบนั้นด้วยแล้ว ฉันก็ยิ่งทำตัวไม่ถูก โดยเฉพาะกับประโยคต่อมาซึ่งน้ำเสียงเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักอย่างสุดซึ้งเฉกเช่นเดียวทีฉันได้รับจากคนในครอบครัว “น้องสาวของพี่...” แต่ว่าเขาก็ไม่ทันได้พูดจบ เมื่อเวลาเดียวกันนั้นมีใครอีกคนเดินพรวดพราดเข้ามาภายในห้องเล็กๆ ที่มีแค่เรา ใช้เสียงแหลมเล็กแสดงความเอาแต่ใจและต่อว่า รับรู้ได้ทันทีว่าหล่อนพูดกับธอนไม่ใช่ฉัน “ไพธอน! บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าเรียกงูพวกนั้นมาที่โรงเรียน...อะ เธอ...”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD